สรุปอาจารย์ วิเชียร

Top down process นโยบายถูกำหนดจากส่วนบนแล้วสั่งให้ส่วนล่างปฏิบัติลักษณะการนำนโยบายไปปฏิบัติจะอยู่ในรูปของการสั่งการและควบคุม(Command and Control) ให้มีการปฏิบัติตาม

Bottom up process นโยบายเกิดจากส่วนล่างแล้วส่งไปให้ส่วนบนอนุมัติ การปฏิบัตินโยบายจะอยู่ในรูปของการเจรจาต่อรอง (Negotiation Style) ต้องมีการเจรจาต่อรองเพราะส่วนล่างไม่มีอำนาจ การจะทำให้ส่วนบนอนุมัตินโยบายได้ส่วนล่างต้องมีคำชี้แจงให้เห็นพ้องด้วยจึงจะยินยอมให้เกิดนโยบาย

ตัวแบบยึดหลักเหตุผล(Rational Model)

ในการนำนโยบายไปปฏิบัติส่งที่ต้องการคือผลของการนำนโยบายไปปฏิบัติตัวแบบนี้จะเน้นประสิทธิภาพของระบบการวางแผนงานและการควบคุมผลงาน(planing & controlling system) กล่าวคือหน่วยงานที่รับผิดชอบหรือนโยบายจะต้องมีการกำหนดภารกิจ วัตถุประสงค์ กลยุทธ์และเป้าหมายในการปฎิบัติงานที่ชัดเจน พร้อมทั้งการมอบหมายงานแก่ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสร้างระบบในการวัดผลการดำเนินงานการให้รางวัลตอบแทนและการลงโทษที่มีความสัมพันธ์สอดคล้องกัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นปัจจัยทีมีความสำคัญต่อความสำเร็จในการนำนโยบายไปปฏิบัติ

ตัวแบบทางด้านการจัดการ(Management Model)

ตัวนี้เน้นที่ขัดเส้นสมรรถนะภายใน (Internal capacity) ของหน่วยงานที่รับผิดชอบบริหาร นโยบายว่ามีจุดแข็งและจุดอ่อนในด้านต่างๆหรือไม่อย่างไร เช่นโครงสร้างองค์การบุคลกร งบประมาณ สถานที่ สถานที่ วัสดุอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกความสะดวก ตลอดจนเทคโนโลยีสมัยใหม่ หน่วยงานที่มีขีดสมรรถนะภายในค่อนข้างสุงจะมีโอกาสที่นำเอานโยบายไปปฏิบัติอย่างประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก ในทางตรงข้าม หน่วยงานที่มีขีดสมรรถนะภายในค่อนข้างต่ำจะส่งผลต่อการนำนโยบายไปปฏิบัติไม่ประสบความสำเร็จ

 

ตัวแบบการพัฒนาองค์การ(Organization Development Model)

แนวคิดนี้มองว่าองค์การที่เจริญแล้วคนจะสามารถทำงานเป็นทีมด้วยใจรัก ผู้มีภาวะผู้นำมีการสร้างแรงจูงใจ การมีส่วนร่วมของผู้ปฏิบัติงานและการสร้างความผูกพันร่วมกัน

ตัวแบบกระบวนการของระบบราชการ(bureaucratic Process Model)

การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการ(street-level Bureaucratic)จะมีผลต่อการนำนโยบายไปฏิบัติ

ตัวแบบทางการเมือง(Political Model)

ตัวแบบนี้จะเน้นที่ความสามารถในการเจรจาต่อรองและการประนีประมอนของบุคคลฝ่ายต่างๆที่เข้ามาเกี่ยวข้องในเวทีในโยบายนั้น บุคคลที่มีส่วนได้เสียจะพยายามแสดงอิทธิพลของตนเพื่อให้ได้รับผลโยชน์มากที่สุดเสียน้อยที่สุดโดยการอ้างความชอบธรรม การโฆษณา ชวนเชื่อ การสร้างพลังมวลชนเพื่อก่อให้เกิดแรงกดดัน ความสามารถในการเจรจาต่อรองประนีประนอมแสวงหาแรงสนับสนุนจากภายนอกในการนำเอานโยบายไปปฏิบัติกับบุคคลฝ่ายต่างๆที่เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จในการนำนโยบายไปปฏิบัติ

<
<

 

Hosted by www.Geocities.ws

1