ประวัติของ ดร.มหาธีร์ โมฮำหมัด

เกิดเมื่อ วันที่ 20 ธันวาคม 2468

ที่ อะลอร์สตาร์ รัฐเคดาห์

ภรรยาชื่อ ดาติน ซิตี ฮัสมาะห์

บิดา ,มารดา ชื่อ มาสเตอร์ โมฮำหมัด ฮิสกันดาร และวันเทมปาวัน บินติ

เช็กวันฮานาปี

บุตร,ธิดา หญิงชื่อ มารีนา,เมอลินดา

ชายชื่อ มิรซาน,โมฮ์ซานีและมุกริซ

ประวัติการศึกษา

พ.ศ. 2490 สำเร็จการศึกษามัธยมสุลต่านอับดุลฮามิด

พ.ศ.2496 สำเร็จวิทยาลัยการแพทย์กษัตริย์เอดเวิร์ดที่ 7 สิงคโปร์

ประวัติการทำงาน

พ.ศ. 2479-2500 ทำงานในโรงพยาบาลเมืองอะลอร์สตาร์,เปอร์ลิสและเกาะลังการี

พ.ศ.2500 เปิดคลีนิคชื่อ มหาคลีนิค ในอะลอร์สตาร์

ประวัติรับราชการ

พ.ศ.2507 สส.เขตโกตาสตาร์ เซลาตัน

พ.ศ.2517 สส.เขตกุบังปาสู และ รมว.ศึกษาธิการ

5 มีนาคม 2519 รองนายกรัฐมนตรี

15 มกราคม 2521 รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การค้าและอุตสาหกรรม

16 กรกฎาคม 2524 นายรัฐมนตรี

หน้าที่อื่น

พ.ศ.2507 หัวหน้าคณะผู้แทนของมาเลเซียในองค์การเอกภาพประชาชนแอฟริกา-เอเชีย

พ.ศ.2501 ผู้แทนของมาเลเซียในที่ประชุมสหประชาชาติ

พ.ศ.2524 ผู้แทนนายรัฐมนตรีมาเลเซียในที่ประชุมของผู้นำชาติอิสลาม

พ.ศ.2511 ประธานคณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย

พ.ศ.2515 สมาชิกสภาที่ปรึกษามหาวิทยาลัย

พ.ศ.2517 คณะกรรมการศาลมหาวิทยาลัย คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยมาลายา

พ.ศ.2517 ประธานสภามหาวิทยาลัยแห่งชาติ

ทัศนคติของ ดร.มหาธีร์ โมฮำหมัด จะเป็นคนขวางโลกตะวันตก มีแนวความคิดที่จะไม่เดินตามรอยของตะวันตก แต่กลับให้คุณค่ากับเอเซียมากว่านั่นคือ การยึดนโยบาย ”มองตะวันออก(Look East Policy) ทั้งนี้เนื่องจากท่านมีประสบการณ์การต่อสู้เรียกร้องเอกราชจากนักล่าอาณานิคมตะวันตก(อังกฤษ) สังคมมาเลเซียเป็นพหุสังคม(Plural Society) ปกครองในรูปแบบสหพันธรัฐ

ดร.มหาธีร์ ได้วางแผนในการพัฒนาอนาคตมาเลเซีย นั่นคือ วิสัยทัศน์ 2020 ประเทศมาเลเซียเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และ ดร.มหาธีร์ ยังมีทัศนคติต่อตะวันตก โดยการเสนอกลุ่ม เศณษฐกิจเอเซียตะวันออก (East Asian Economic Caucus) เป็นเวทีของคนเอเซีย การปกครองของ ดร.มหาธีร์ เป็นการปกครองโดยการยอมรับ (Consent)มิใช่โดยการให้กำลังบังคับขู่เข็ญ(Force)

ดร.มหาธีร์ มีจุดยืนที่อิงกับบรรทัดฐานวัฒนธรรมหรือคุณค่าแบบเอเซีย (Asian Value) หรือวิถีเอเซีย (Asian Way) การแก้ไขปัญหาโดยการพึ่งตัวเอง ซึ่งก็เป็นตัวนำไปสู่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และสิ่งหนึ่งที่ได้จากวิถีเอเซีย คือ การไม่ตกเป็นทาศความคิดและแนวทางอิสระในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญ

ชีวิตในวันเด็ก จะเป็นลูกคนสุดท้องเกิด ก่อนนายกรัฐมนตรี อานันท์ จำนวน 7 ปี การเป็นลูกคนสุดท้องจึงถูกเลี้ยงดู มาแบบถนุถนอม เอาอกเอาใจจากพ่อแม่ ทำให้เป็นคนที่มีความมั่นใจในตนเองสูง ตามใจตนเอง ใช้ความคิดเห็นส่วนตนเป็นใหญ่และมักจะเป็นคนหัวดื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายตาของชาติตะวันตก เช่นในกรณีที่ท่านได้ปฎิเสธ ความช่วยเหลือจาก IMF หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และด้วยความมั่นใจของตนเองในการใช้วิธีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ การเงินภายในประเทศ เมื่อปี พ.ศ.2540 ด้วยวิธีที่สวนกระแสโลกนั่นคือ การควบคุมค่าเงิน (Money Control) ยังมีพฤติกรรมอื่นอีกมากมาย ซึ่งสามารถอธิบายให้เห็นว่า ดร.มหาธีร์ เป็นคนหัวดื้อหยิ่งทะนงในความคิดของตนเองเป็นใหญ่ เช่นกรณีทีปลด รัฐมนตรีกระทรวงการคลังที่ไม่สามารถควบคุมเงินตราในประเทศได้ และกรณีปลดรองนายกรัฐมนตรี นายอัลวา ออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลความมั่นคงของชาติ

ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด จบการศึกษาด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยเอ็ดเวิร์ดที่ 7 แห่งสิงคโปร์ เป็นผู้นำพรรคอัมโนซึ่งเป็นหนึ่งใน 14 พรรคของพรรคแนวร่วมแห่งชาติ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียมาตั้งแต่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 มาจนถึงปัจจุบันรวม 21 ปี มีผลงานที่โดดเด่นมากมาย ที่เด่นและดังไปทั่วโลกคือแนวคิดเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ถือเป็นผลงานช้อคโลกก็ว่าได้ โดย ดร.มหาเธร์ประกาศนโยบายควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 ทำให้ตะวันตกไม่พอใจ ดร.มหาเธร์

นิสัยส่วนตัวเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก ค่อนไปทางหัวดื้อ ทำให้แนวนโยบายในการพัฒนาประเทศมักออกไปทางชาตินิยม เช่น

-นโยบายมองตะวันออก เพื่อต้องการพัฒนาประเทศตามแนวของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

-ส่งเสริมให้คนมาเลเซียศึกษาต่อที่ญี่ปุ่นแทนชาติตะวันตก

-ต่อต้านสินค้าอังกฤษโดยรณรงค์ให้ประชาชนเลือกซื้อสินค้าของอังกฤษเป็นประเทศสุดท้าย

-ประกาศวิสัยทัศน์ 2020 ต้องการให้มาเลเซียเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2020 โดย ดร.มหาเธร์ประกาศวิสัยทัศน์นี้ตั้งแต่ ค.ศ. 1990 แสดงให้เห็นถึงการเป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มองล่วงหน้าไปถึง 30 ปี วิสัยทัศน์ 2020 นี้ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรมไปแล้วหลายประการ เช่น มาเลเซียกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงิน

ความเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปจนดูกลายเป็นคนหัวดื้อของ ดร.มหาเธร์เห็นได้จาก การปลดนายอันวาร์ อิบราฮิม รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกจากตำแหน่ง เนื่องจากนายอันวาร์ไม่เห็นด้วยกับมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของ ดร.มหาเธร์

ลักษณะเด่นของ ดร.มหาเธร์

-วิสัยทัศน์กว้างไกล มีบทบาทในการกำหนดนโยบายพัฒนาประเทศจนสามารถกล่าวได้ว่า วิสัยทัศน์ของมาเลเซียก็คือวิสัยทัศน์ของ ดร.มหาเธร์ ประชาชนให้การยอมรับสูงมาก

-เป็นพวกเผด็จการทางความคิด กรณีปลดนายอันวาร์ อิบราฮิมเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกัน หลังจากนั้น ดร.มหาเธร์เข้ามาควบคุมกระทรวงการคลังด้วยตนเอง ไม่ยอมรับความช่วยเหลือจาก IMF

-เป็นคนเด็ดขาด ฉับไว ทั้งความคิดและการกระทำ ทำให้พัฒนาประเทศประสบผลสำเร็จ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว

-การเมืองมาเลเซียมีเสถียรภาพสูงทำให้ ดร.มหาเธร์สามารถบริหารประเทศโดยสะดวก คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก

-มีแนวคิดนิยมตะวันออกทำให้หลายครั้งขัดแย้งกับผู้นำชาติตะวันตก อย่างไรก็ตาม ดร.มหาเธร์ไม่ได้ต่อต้านการค้าในระบบเสรีนิยมเสียทีเดียว แต่จะเน้นที่ผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก เคยเสนอแนวความคิดในการรวมอาเซียนเข้ากับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เรียกว่า EAEC โดยต้องการตัดสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มเอเปคเก่าออกไป แต่แนวคิดนี้ไม่ประสบความสำเร็จเพราะไม่มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม

เมื่อสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ดร.มหาเธร์ประกาศจะวางมือทางการเมืองพร้อมด้วยน้ำตามนองหน้า โดยอ้างว่าตนพอแล้วกับตำแหน่งทางการเมือง

สรุป

ดร.มหาธีร์นั้นจบการศึกษาทางด้านแพทย์และเป็นผู้นำทางการเมืองตั้งแต่ 1981 แต่ได้ประกาศแล้วว่าจะลงจากตำแหน่งในปีหน้า ผลงานที่โดดเด่นของมหาเธร์ เช่น การกำหนดค่าเงินริงกิตตายตัวในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้มาเลเซียไม่ต้องเป็นลูกหนี้ IMF

นโยบายที่สำคัญมาก ๆ ของ ดร.มหาเธร์คือการดำเนินนโยบายในการนำประเทศโดยไม่ก้มหัวให้ชาติตะวันตก เรียกว่า Look East Policy ต้องการให้ชาวมาเลเซียร่วมมือกันในการพัฒนาและเอาแบบอย่างจากประเทศในเอเชียด้วยกันเอง คือ เกาหลีไต้ และญี่ปุ่น โดยกำหนด Vision 2020 (Wawasan 2020) หรือการกำหนดว่ามาเลยเซียจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมเต็มตัวในปี 2020

Wawasan 2020 กล่าวว่า การที่มาเลเซียจะเป็นประเทศพัฒนาได้ภายในปี 2020 นั้น ชาวมาเลเซียทุกคนจะต้องมีจิตสำนึกในความเป็นมาเลเซียเหมือน ๆ กัน โดยต้องมีความยุติธรรมเป็นเครื่องรองรับ ประเด็นนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากว่าดร.มหาเธร์จะลดกระแสความเป็นชาตินิยมลง แม้ว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 89 และ 153 จะยังไม่ได้รับการแก้ไขก็ตาม

การไม่ยอมก้มหัวให้กับตะวันตกถือเป็นจุดแข็งของดร.มหาเธร์ เช่น ครั้งหนึ่งมาเลเซียเคยขัดแย้งกับอังกฤษอดีตเจ้าอาณานิคม ดร.มหาเธร์จึงดำเนินนโยบายต่อต้านสินค้าอังกฤษที่เรียกว่า By British Last นั่นคือให้เลือกซื้อสินค้าอังกฤษเป็นตัวเลือกสุดท้าย ต้องซื้อจากประเทศอื่นก่อน เว้นเสียแต่ว่าหาสินค้าจากประเทศอื่นไม่ได้แล้วจึงค่อยซื้อจากอังกฤษ

ข้อเสียของดร.มหาเธร์คือใช้กระบวนการไต่สวนที่ไม่เป็นธรรมกับอันวาร์ อิบราฮิม อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นการทำลายผู้ที่จะมาแข่งบารมีกับตน เสียงสะท้อนจากชาวมาเลเซียต่อกรณีนี้คือการที่นางวันอาซีซะห์ภรรยาของอันวาร์ อิบราฮิม ตั้งพรรคการเมืองใหม่ชื่อพรรคยุติธรรมแห่งชาติ (Parti Kerdilan Nasional: PKN) ในการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคของนางได้รับการเลือกตั้ง 5 ที่นั่งจาก 195 ที่นั่งในสภาทั้ง ๆ ที่เป็นพรรคการเมืองใหม่ สร้างความฮือฮาให้กับการเมืองมาเลเซียมาก แสดงว่ามีประชาชนจำนวนมากที่ไม่พอใจการกระทำของดร.มหาธีร์ต่อกรณีอันวาร์ อิบราฮิม

ดร.มหาเธร์ประกาศแล้วว่าจะวางมือจากการเมืองในปีหน้า โดยมีทายาททางการเมืองซึ่งเป็นหมายเลขสองของมาเลเซียในขณะนี้คืออาหมัด บาลาวี คาดว่าจะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนหมายเลขสามรองจากบาลาวีคือนาจิบ อับดุล ราซัค บุตรชายของตนอับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีคนที่สองของมาเลเซีย

ตอนทำข้อสอบให้วิเคราะห์ด้วยนะครับว่า มีผลงานเด่นในเรื่องใด มีข้อเสียในเรื่องใด

เช่น เด่นในเรื่องนโยบาย มองตะวันออก การแก้ไขปัญหาวิฤติเศรษฐกิจแบบตะวันออกแล้วก็นำพาประเทศได้ผล โดยการใช้นโยบาย Money Control นโยบาย Vision 2020 ซึ่งเป็นการมองการณ์ไกลถึง 30 ปี (คิดในปี 1991)และมีหลายโครงการได้สำเร็จแล้ว เช่น โครงการสร้างสนามบินแห่งใหม่ “เซปัง” บนพื้นที่ 10,000 เฮคตาร์ โครงการระยะแรกเปิดบริการไปในปี 1998 โครงการสร้างเกาะบาบวนให้เป็นศูนย์กลางการเงิน แทนฮ่องกง ซึ่งปัจจุบันมีการไหลเวียนของเงินจำนวนมากหลังอังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนจีน

ข้อเสีย เช่น เป็นชาตินิยมเกินไป มองแต่ผลประโยชน์ของชาติตนแต่ฝ่ายเดียวทำให้กลุ่มสมาชิกระแวงในการรวมกลุ่มของภูมิภาคนี้ หรือกรณี โอเวอร์แอ็คชั่น มากไป เช่น การพูดหรือตัดสินใจแทนอาเซียนทั้งๆที่ยังไม่ได้มีการหารือ นั้นคือความเชื่อมั่นในตนเองเกินไป เป็นต้น

 

Hosted by www.Geocities.ws

1