เชิญเฝ้าศีลมหาสนิท I คำภาวนาต่อหน้าศีลมหาสนิท I พระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท I สุดยอดมหัศจรรย์ศีลมหาสนิท I ชัยชนะของศีลมหาสนิท I ศีลมหาสนิท ศักดิ์สิทธิ์และมหัศจรรย์ I มหัศจรรย์ศีลมหาสนิทที่เกาหลี
   ชัยชนะของศีลมหาสนิท
   จากบทความ " The Exorcism of Nicola Aubrey "  โดยคุณพ่อ Michael Muller, C.S.S.R.
    ในนิตยสาร "From the Housetops" ของคณะนักบวชเบเนดิกติน



แปลและเรียบเรียงโดย  
สิริโรจนา    

    เป็นเรื่องจริงที่น่าพิศวงยิ่งนัก ปิศาจได้ใช้ ลูเธอร์ นักบวชที่เสียความเชื่อ ยกเลิกมหาบูชามิสซา และปฏิเสธการประทับอยู่ของพระเป็นเจ้าในศีลมหาสนิท โดยวิธีเดียวกัน องค์พระเจ้าได้ทรงใช้ ปิศาจ อภิศัตรูของพระองค์ มาพิสูจน์ถึงการประทับของพระองค์ในศีลมหาสนิท พระองค์ได้บังคับมันประกาศ ซ้ำแล้วซ้ำอีกต่อหน้ามหาชน ความเชื่อของมันในศีลมหาสนิท ทำให้ความเชื่อของคนที่แยกออกจากพระศาสนจักรสั่นคลอนและสับสนอลหม่าน  และมันยอมรับว่า พระเยซูคริสตเจ้าในศีลมหาสนิททรงมีพระฤทธานุภาพ เหนือมันอย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้เอง พระเป็นเจ้าได้ทรงอนุญาตให้ เบลซีบุบ และจิตชั่วร้าย 29 ตน เข้ามาสิงในร่างของนาง นิโคลา ออเบรย์ ผู้บริสุทธิ์

    พิธีไล่ผีได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน 1565 จนถึงวันที่ 8 กุมพาพันธ์ 1566
    พ่อแม่ของเธอได้พาเธอไปหาคุณพ่อเดอมอทตา พระสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองเวอร์วินส์ ท่านจะได้ทำพิธีกรรมไล่ผีทางศาสนา ท่านได้พยายามขับไล่จิตชั่วร้าย หลายหน โดยใช้พระธาตุไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ซาตานไม่ยอมออกจากร่าง ในที่สุดโดยการดลใจของพระจิตเจ้า ท่านได้ตัดสินใจไล่ผี โดยใช้ศีลมหาสนิทที่มีพระกายและพระโลหิตของพระเยซูเจ้า ขณะนิโคลากำลังอยู่ในสภาพที่นอนหลับ ผิดธรรมชาติ ท่านได้วางศีลมหาสนิทบนริมฝีปากเธอ ทันใด นั้น เธอได้หลุดออกจากเวทย์มนต์คาถาของอำนาจมืด เธอได้ฟื้นคืนสติรู้สึกตัว และรับศีลมหาสนิทด้วยความศรัทธา เมื่อเธอได้รับพระกายศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ใบหน้าของเธอมีรัศมีเปล่งปลั่งและสวยงามเหมือนใบหน้าของเทวดา ทุกคนที่ได้เห็นเธอ ดีใจ พิศวง และโมทนาพระคุณพระเป็นเจ้าสิ้นสุดดวงใจ


    พระเป็นเจ้าได้ทรงอนุญาตให้ซาตานกลับเข้ามาสิงในร่างของเธออีก
    เมื่อข่าวผีสิงในร่างของนิโคลาแพร่หลายไปทุกแห่ง นักเทศนิกายคัลวินหลายคนได้มาพร้อมกับคณะผู้ติดตาม เพื่อ "คุ้ยเขี่ยเรื่องโกหกหลอกลวงชาวบ้าน" เมื่อเขาทั้งหลายเดินผ่านประตู ปิศาจได้ถวายความเคารพอย่างเยาะเย้ย เรียกชื่อทุกคน และบอกว่า เขาทั้งหลายได้มาร่วมพิธี ด้วยความจงรักภักดีต่อมัน นักเทศคนหนึ่งได้หยิบหนังสือภาวนาของนิกายโปรเตสตันออกมา และเริ่มสวดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ปิศาจได้หัวเราะใส่เขา และด้วยสีหน้าขบขัน พูดว่า: "โฮ่! โฮ้! เพื่อนรัก แกตั้งใจไล่ข้าด้วยบทสวดและบทเพลงของแกหรือ? แกคิดว่ามันจะสร้างความเจ็บปวดให้ข้าหรือ? แกไม่รู้หรือว่ามันเป็นของข้า? ข้าได้ช่วยแต่งมันขึ้นมา!"
      • นักเทศพูดอย่างเอาจริงเอาจังว่า: "ข้าพเจ้าจะขับไล่เจ้าในนามของพระเป็นเจ้า"
      • ปิศาจพูดอย่างเยาะเย้ยว่า: "แก! แกจะต้องไม่ขับไล่ข้า ในนามของพระเป็นเจ้า หรือในนามของปิศาจ แกเคยได้ยินไหมว่า ปิศาจขับไล่ปิศาจ?"
      • นักเทศพูดอย่างฉุนๆว่า: "ข้าพเจ้าไม่ใช่ปิศาจ ข้าพเจ้า คือ ผู้รับใช้พระคริสตเจ้า"
      • ปิศาจพูดประชดว่า: "ใช่สิ แกคือผู้รับใช้พระคริสตเจ้า! ข้าจะบอกอะไรให้แกรู้ แกแย่ยิ่งกว่าข้าหลายเท่า ข้าเชื่อ แต่แกไม่ยอมเชื่อ แกแน่ใจหรือว่าแกสามารถขับไล่ข้าออกจากร่างของคนที่น่าสงสารนี้? ฮ่า! แกไปเถิด ไปขับไล่จิตชั่วร้ายทั้งหมดที่สิงอยู่ในดวงใจของแกก่อน!"
      • นักเทศก็ได้เดินออกไป อารมณ์ค่อนข้างเสีย ขณะกำลังอำลา เขาได้หันหน้ากลับมาสวดว่า: "ข้าแต่พระเป็นเจ้า ข้าพเจ้าวิงวอนพระองค์ โปรดกรุณาช่วยเหลือคนที่น่าสงสารนี้!"
      • จิตชั่วร้ายได้ร้องเสียงดังว่า: "และข้าวอนขอลูซีเฟอร์อย่าออกจากแกเป็นอันขาด ให้แกตกอยู่ในอำนาจมืดตลอดไป เหมือนอย่างในขณะนี้ ไปทำกิจการของแกเดี๋ยวนี้ แกเป็นของข้าโดยสิ้นเชิง และข้าเป็นเจ้านายของแก"
    เมื่อพระสงฆ์ได้มาถึง ชาวโปรเตสตันหลายคนได้กลับไปแล้ว เขาทั้งหลายได้ยินและฟังเกินความต้องการ อย่างไรก็ตาม บางคนยังอยู่และกลัวอย่างสยองขวัญ เมื่อเขาทั้งหลายได้เห็นปิศาจบิดกายและร้องโหยหวน ด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส ทันทีที่ศีลมหาสนิทถูกนำมา อยู่ใกล้ๆมัน ในที่สุด จิตชั่วร้ายได้จากไป และทิ้งนิโคลาเข้าภวังค์อย่างผิดปกติ ขณะเธออยู่ในสภาพนั้น นักเทศหลายคนพยายามเปิดตาเธอ แต่ไม่มีใครทำได้สำเร็จ แล้วพระสงฆ์ได้วางศีลมหาสนิท บนริมฝีปากของเธอ ทันทีเธอได้ฟื้นคืนสติรู้สึกตัว

    แล้ว ค.พ.เดอมอทตาได้หันมาทางนักเทศที่พิศวงงงงวย และพูดว่า: "บัดนี้ จงไปเถิด ท่านผู้เป็นนักเทศพระคัมภีร์แบบใหม่ ไปเล่าให้คนทุกแห่งฟัง สิ่งที่ท่านได้เห็นและได้ฟัง อย่าปฏิเสธอีกต่อไปว่า พระเยซูคริสตเจ้ามิได้ประทับอยู่ในศีลมหาสนิทบนพระแท่น บัดนี้ จงไปและอย่าให้ ความเคารพนับถือ ของมนุษย์ในตัวท่าน ขัดขวางท่านไม่ให้ประกาศความจริงข้อนี้"

    ในพิธีไล่ผีของวันถัดไป ปิศาจถูกบังคับให้สารภาพว่า มันยังคงสิงอยู่ในร่างพร้อมกับจิตชั่วร้าย 29 ตน มีสามตัวที่ร้ายกาจมาก คือ เซอร์เบอร์รัส, อัสตารอธ, และลีจิโอ

    วันที่ 3 มกราคม 1556 พระสังฆราชได้มาถึงเมืองเวอร์วินส์ และเริ่มพิธีไล่ผีในวัด ต่อหน้าคนมากมาย ที่มาร่วมพิธี
        
  • พระสังฆราชพูดกับปิศาจด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมว่า: "ในพระนามและพระฤทธานุภาพของการประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท ข้าพเจ้าสั่งเจ้าออกจากร่างเดี๋ยวนี้"
  • ในที่สุดซาตานถูกขับไล่ออกไปครั้งที่สองโดยอาศัยศีลมหาสนิท ขณะกำลังออกจากร่าง มันได้ทำให้แขนซ้ายและขาขวา ของนิโคลาเป็นอัมพาต และแขนซ้ายของเธอยาวกว่าแขนขวา ไม่มีใครบนแผ่นดินนี้ที่สามารถรักษาความพิการของร่างกายในลักษณะนี้ได้ จนกระทั่ง หลายอาทิตย์หลังจากนั้น ปิศาจได้ถูกขับออกจากร่างเธอและจะไม่กลับเข้ามาอีกเลย
  • ตอนนี้นิโคลาได้ถูกพาไปแสวงบุญที่วัดแม่พระของเมืองลิอีซี เนื่องจากปิศาจหวาดกลัวสถานที่แห่งนั้นเป็นอย่างมาก
    วันรุ่งขึ้นค.พ.เดอมอทตาได้เริ่มพิธีไล่ผีในวัดแม่พระที่เมืองลิอีซี ท่ามกลางคนที่มาร่วมพิธีอย่างแน่นขนัด ท่านได้ถือศีลมหาสนิทในมือ ชูศีลให้จิตชั่วร้ายเห็น และพูดว่า:
    • "ข้าพเจ้าสั่งเจ้า ในพระนามของพระเป็นเจ้าผู้สถิตชั่วนิรันดร องค์อีแมนนูเอลผู้ทรงพระฤทธานุภาพ ที่เจ้าได้เห็นพระองค์ประทับอยู่ในแผ่นศีล และที่เจ้าเชื่อในพระองค์"
    • ปิศาจได้ร้องดังกรีด: "อ้า ใช่! ข้าเชื่อในพระองค์" แล้วปิศาจได้โหยหวนอีก ขณะมันสารภาพความเชื่อของมัน อย่างก้องกังวาน โดยพระฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้า ผู้ทรงสรรพานุภาพ
    • พระสงฆ์พูดว่า: "ในพระนามของพระองค์ ข้าพเจ้าสั่งเจ้าออกจากร่างเดี๋ยวนี้"
    เมื่อปิศาจได้ยินคำเหล่านี้ และโดยเฉพาะ ได้เห็นศีลมหาสนิท มันทรมานอย่างน่ากลัวสยดสยอง ชั่วครู่หนึ่ง ร่างของนิโคลาม้วนเป็นลูกบอล แล้วตัวเธอบวมเปล่งอย่างน่ากลัว อีกครู่หนึ่งใบหน้าของเธอยาวผิดธรรมชาติ แล้วกว้างมากเกินไป และบางเวลาก็แดงเข้ม ตาเธอ บางเวลาโปนออกมาอย่าง น่าหวาดกลัว แล้วก็จมลึกลงไปในหัวกะโหลก ลิ้นเธอห้อยลงมาถึงคาง บางครั้งมีสีดำ บางครั้งมีสีแดง และบางครั้งมีจุดๆ เหมือนคางคก
    • พระสงฆ์ยังไล่ผีและทรมานปิศาจต่อไป ท่านพูดเสียงดังว่า: "จิตที่โดนสาปแช่ง ในพระนามและการประทับอยู่ของพระเยซูคริสตเจ้าขณะนี้ ในศีลมหาสนิท! ข้าพเจ้าสั่งเจ้าออกจากร่างเดี๋ยวนี้"
    • ปิศาจร้องโหยหวนว่า: "อ้า ตกลง! เพื่อนข้า 26 ตนจะต้องออกเดี๋ยวนี้ เพราะถูกบังคับให้ออก"
    คนที่มาร่วมพิธีในวัดก็เริ่มสวดภาวนาอย่างร้อนรน ทันใดนั้นแขนขาของนิโคลามีเสียงเปรี๊ยะๆ คล้ายกับว่ากระดูกทุกชิ้นในร่างกายของเธอ กำลังแตกออกจากกัน ไอน้ำสกปรกโสโครกได้พุ่งออกมาจากปากเธอ และจิตชั่วร้าย 26 ตนได้ออกจากร่างเธอ และจะไม่กลับเข้ามาอีกเลย แล้วนิโคลานอนหลับ ไม่ได้สติอย่างผิดปกติ ศีลมหาสนิทเท่านั้นสามารถปลุกเธอให้ตื่นได้ เมื่อเธอได้สติกลับคืนมา และรับศีลมหาสนิท ใบหน้าของเธอก็ฉายแสงเหมือนใบหน้าของเทวดา
    • พระสงฆ์ได้ใช้ทุกยุทธวิธีขับไล่ผีต่อไป
    • จิตชั่วร้ายตอบอย่างโมโหว่า: "ข้าจะไม่ออกจนกว่าพระสังฆราชแห่งลาออนสั่ง"
    ตอนนี้ นิโคลาถูกพาไปที่เมืองปีเออร์ปอนท์ ที่ซึ่งจิตชั่วร้ายชื่อ ลีจิโอ ถูกขับออกไปจากร่างเธอ โดยศีลมหาสนิท เช้าวันรุ่งขึ้นเธอถูกนำกลับมาที่วัด ยังไม่ทันได้ออกจากบ้าน ปิศาจได้เข้าสิงเธออีก

    พระสังฆราช ผู้ซึ่งได้ถูกขอร้องมาขับไล่ผีออกจากนิโคลา ได้เตรียมตัวอย่างดีสำหรับงานที่น่ากลัวสยองขวัญนี้ ด้วยการสวดภาวนา การอดอาหาร และการทำกิจใช้โทษบาปอื่นๆ
    • เมื่อเธอมาถึงวัด พิธีไล่ผีเริ่มขึ้น พระสังฆราชถาม: "เจ้ามีทั้งหมดกี่ตนในร่างนี้?
    • จิตชั่วร้ายตอบ: "ข้ามีทั้งหมดสามตน" ...."เบลซีบุบ, เซอร์เบอร์รัส, และ อัสตารอธ"
    • พระสังฆราชถาม: "ได้เกิดอะไรขึ้นกับตัวอื่นๆ?" ...."ใครเป็นคนขับไล่จิตชั่วร้ายเหล่านั้น?"
    • ปิศาจ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ร้องออกมา: "ฮ้า! ที่ท่านถือในมือของท่านบนจานรอง" มันหมายถึงองค์พระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท
    แล้วพระสังฆราชชูศีลมหาสนิทใกล้ๆใบหน้าของนิโคลา
    • จิตชั่วร้ายบิดกายและโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส: "ฮ้า! ตกลง! ข้าจะออก, ข้าจะออก!" มันร้องกรีด: "แต่ข้าจะกลับมาใหม่"
    ทันใดนั้น เธอแข็งทั้งตัว และเคลื่อนไหวไม่ได้เหมือนก้อนหิน พระสังฆราชสัมผัสริมฝีปากของเธอด้วยศีลมหาสนิท ทันทีเธอได้ฟื้นคืนสติรู้สึกตัว รับศีลมหาสนิท และสีหน้าของเธอขณะนี้ฉายแสงแห่งความสวยงามเหนือธรรมชาติอย่างอัศจรรย์

    วันรุ่งขึ้นนิโคลาถูกนำกลับมาที่วัดอีกครั้ง และพิธีไล่ผีเริ่มตามปกติ
    • พระสังฆราชถือศีลมหาสนิทในมือ ชูศีลใกล้ๆใบหน้าของเธอ และพูดว่า: "ข้าพเจ้าสั่งเจ้าในพระนามขององค์พระเจ้าผู้สถิตชั่วนิรันดร และโดยการประทับขององค์พระเยซูคริสตเจ้าขณะนี้ในศีลมหาสนิทออกจากร่างของคนนี้ที่พระเป็นเจ้าได้ทรงสร้าง และอย่ากลับเข้ามาอีกเลย"
    • ปิศาจร้องกรีด: "ไม่!, ไม่! ข้าจะไม่ออก ยังไม่ถึงเวลาของข้า"
    • "ข้าพเจ้าสั่งเจ้าออกเดี๋ยวนี้, ไปให้พ้น, จิตชั่วร้ายที่ไม่บริสุทธิ์และโดนสาปแช่ง! ไปให้พ้น! และพระสังฆราชชูศีลมหาสนิทใกล้ๆ ใบหน้าของนิโคลา
    • ซาตานร้องกรีด: "หยุด!, หยุด! ปล่อยข้าเถิด! ข้าจะออก แต่ข้าจะกลับมาใหม่" และทันใดนั้นเธอมีอาการชัก มือกำ เท้างอ อย่างน่ากลัวสยองขวัญ ควันสีดำพุ่งออกจากปากเธอ และเธอล้มลงเป็นลม หมดสติ

    ระหว่างที่เธออยู่ที่เมืองลีออน นายแพทย์ของพระศาสนาคาทอลิก และของนิกายโปรเตสตัน ได้ตรวจร่างกายของนิโคลาอย่างละเอียดถี่ถ้วน แขนซ้ายของเธอ ซึ่งปิศาจได้ทำให้เป็นอัมพาต ทั้งแขนหมดความรู้สึก หมอได้กรีดแขนเธอด้วยมีดปลายแหลม ลนแขนเธอด้วยไฟ และแทงใต้เล็บนิ้วของเธอด้วยเข็มเย็บผ้าและเข็มฉีดยา เธอไม่รู้สึกเจ็บปวด แขนเธอไม่มีความรู้สึกเลย ครั้งหนึ่ง ขณะเธอกำลังนอนหลับอย่างผิดธรรมชาติ หมอให้เธอกินขนมปังชุบเหล้าองุ่น (คือสิ่งที่ชาวโปรเตสตันเรียกว่า อาหารจิต หรือ พระอาหารค่ำของพระเยซูเจ้า) ถูแขนขาของเธออย่างรวดเร็ว สาดน้ำใส่หน้าเธอ เจาะลิ้นเธอจนเลือดทะลักออกมา และพยายามทุกวิถีทางที่จะปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ นิโคลาตัวเย็น ไม่เคลื่อนไหว และหนักเหมือนก้อนหิน ในที่สุด พระสงฆ์แตะริมฝีปากของเธอด้วยศีลมหาสนิท ทันที เธอได้ฟื้นคืนสติรู้สึกตัว และเริ่มสรรเสริญพระเป็นเจ้า
    • เป็นมหัศจรรย์ที่มองเห็นได้ และสัมผัสได้ นายแพทย์คนหนึ่งเป็นชาวคัลวิน ผู้ซึ่งยึดมั่นในความคิดเห็นของตนเองเป็นใหญ่ และไม่ยอมฟังผู้อื่น ได้ประนามความเชื่อถือที่หลงผิดของเขา และขอเข้าพระศาสนาคาทอลิก

    • หลายๆครั้ง ชาวโปรเตสตันได้สัมผัสใบหน้าของนิโคลาด้วยแผ่นศีลที่ไม่ได้เสก เพราะเป็นแค่แผ่นปังธรรมดา ซาตานไม่สะทกสะท้าน หรือเจ็บปวดทรมานเลย มันกลับเยาะเย้ย ดูหมิ่น เหยียดหยามเขาทั้งหลายอย่างสนุกสนาน

    วันที่ 27 มกราคม หลังจากได้เดินเข้าวัดพร้อมกับพระสงฆ์และคริสตชนเป็นขบวนแห่อันสง่างามชวนศรัทธา พระสังฆราชเริ่มพิธีไล่ผีในวัดท่ามกลางมหาชนชาวโปรเตสตันและชาวคาทอลิกที่มาร่วมพิธีอย่างคับคั่ง

    ขณะนี้พระสังฆราชได้ชูศีลมหาสนิทใกล้ๆใบหน้าของนิโคลา ทันใดนั้น ได้เกิดเสียงร้องที่ไม่มีใครเคยได้ยินในโลก เป็นเสียงเปรต นรก ที่ดังก้องกังวาลในอากาศ ควันสีดำ หนาๆ ได้พุ่งออกมาจากปากเธอ จิตชั่วร้ายชื่อ อัสตารอธ ได้ถูกขับออกไปและจะไม่กลับเข้ามาอีกเลย

    ระหว่างพิธีไล่ผีที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมพาพันธ์ พระสังฆราชพูดว่า:
    • "โอ้ จิตที่โดนสาปแช่ง! เนื่องจากบทภาวนา พระคัมภีร์ พิธีกรรมไล่ผีของพระศาสนจักร และพระธาตุไม่อาจขับไล่เจ้าออกจากร่างนี้ บัดนี้ ข้าพเจ้าจะแสดงแก่เจ้า องค์พระเป็นเจ้าและเจ้านายของเจ้า และโดยพระฤทธานุภาพของพระองค์ ข้าพเจ้าสั่งเจ้า"
    ระหว่างพิธีไล่ผี ซึ่งเกิดขึ้นหลังการถวายมหาบูขามิสซา พระสังฆราชได้ชูศีลมหาสนิทที่อยู่ในมือ และพูด: "โอ้ จิตที่โดนสาปแช่ง, อภิศัตรูของพระเป็นเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ตลอดกาล! ข้าพเจ้าสั่งเจ้า โดยพระโลหิตประเสริฐของพระเยซูคริสตเจ้าที่ประทับอยู่ในขณะนี้ ออกจากร่างของหญิงน่าสงสารนี้! ออกไป จิตโดนสาปแช่ง, ไปลงสู่ไฟที่เผาเจ้าชั่วนิรันดรในนรก!
    • ด้วยคำพูดเหล่านี้ และโดยเฉพาะ ด้วยภาพศีลมหาสนิท ปิศาจถูกทรมานอย่างน่ากลัวสยดสยอง และรูปร่างหน้าตาของนิโคลาช่างน่าเกลียด น่ากลัวและน่าสะอิดสะเอียนอย่างที่สุด จนคนดูต้องเบือนหน้าหนี ไม่อาจทนดูภาพที่น่ากลัวสยองขวัญ ในที่สุด ได้ยินเสียงถอนหายใจลึกๆ ควันสีดำเหมือนเมฆได้พุ่งออกมาจากปากนิโคลา และจิตชั่วร้ายชื่อ เซอร์เบอร์รัส ถูกขับไล่ออกไป
    • อีกครั้ง นิโคลาได้เป็นลมหมดสติ อาการเหมือนคนตาย และถูกทำให้ฟื้นคืนสติรู้สึกตัวด้วยวิธีเดียว คือ ศีลมหาสนิท
    ระหว่างพิธีไล่ผี ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กุมพาพันธ์ พระสังฆราชได้พูดกับซาตานว่า:
    • "บอกข้าพเจ้าสิว่า ทำไมเจ้าจึงได้มาเข้าสิงในหญิงชาวคาทอลิกนี้ ผู้ซึ่งเป็นคนที่ซื่อตรงและอยู่ในคุณความดี?"
    • "พระเป็นเจ้าได้ทรงอนุญาตให้ข้าเข้าสิงเธอเพราะบาปของหลายๆคน ข้าต้องการแสดงให้ชาวคัลวินเห็นว่าปิศาจมีจริง และเข้าสิงคนได้ ถ้าพระเป็นเจ้าทรงอนุญาต ข้ารู้ พวกเขาไม่ยอมเชื่อเรื่องนี้ แต่ข้าจะแสดงให้เขาทั้งหลายเห็นว่า ข้าคือปิศาจ ข้าได้มาเข้าสิงในหญิงคนนี้ เพื่อทำให้ เขาทั้งหลายกลับใจ หรือ เขาทั้งหลายดื้อด้านต่อไปในบาปของตัวเอง และโดยพระโลหิตประเสริฐ ข้ากำลังทำงานของข้า"
    ทุกคนที่ได้ฟังคำตอบตกใจกลัวอย่างสยองขวัญ พระสังฆราชได้ตอบอย่างเคร่งขรึมว่า:
    • "ใช่แล้ว พระเป็นเจ้าทรงปรารถนาให้มนุษย์ทั้งมวลรวมกันในความเชื่อ ศักดิ์สิทธิ์ เที่ยงแท้ เดียวกัน เนื่องด้วยมีพระเป็นเจ้า แต่พระองค์เดียว ก็ต้องมีศาสนาเที่ยงแท้เพียงศาสนาเดียว ศาสนาที่ชาวโปรเตสตันได้ตั้งขึ้นมาเอง เป็นการกระทำที่หมิ่นประมาท พระบรมเดชานุภาพ ของพระเป็นเจ้าจะต้องล่มสลาย ศาสนาที่พระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงตั้งขึ้นเป็นศาสนาเดียวที่เที่ยงแท้ และจะคงอยู่ตลอดไป เป็นศาสนาที่รวมมนุษย์ทั้งมวล เป็นหนึ่งเดียวในอ้อมแขนอันศักดิ์สิทธิ์ของพระศาสนจักร เพื่อว่ามีนายชุมพาบาลแต่ผู้เดียวและฝูงแกะแต่ฝูงเดียว นายชุมพาบาลผู้ศักดิ์สิทธิ์นี้ คือ องค์พระเยซูคริสตเจ้า ผู้ซึ่งเป็นศีรษะที่เรามองไม่เห็นของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีศีรษะที่มองเห็นได้ คือ พระสันตะปาปา บิดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ ผู้สืบตำแหน่งต่อจากนักบุญเปโตร"
    • ปิศาจเงียบกริบ เพราะมันถูกทำให้อับอายขายหน้าต่อหน้ามหาชนที่มาร่วมพิธี มันถูกขับออกไปอีกครั้งด้วยศีลมหาสนิท
    ในตอนบ่ายของวันเดียวกัน ปิศาจเริ่มร้อง:
    • "อ้า! ฮ้า! แกคิดหรือว่าแกจะสามารถขับไล่ข้าโดยวิธีนี้? แกไม่มีพระสังฆราชมาร่วมพิธี อธิการบดีและหัวหน้าอธิการบดีอยู่ที่ไหน? ตุลาการประจำราชสำนักอยู่ที่ไหน? หัวหน้าผู้พิพากษา ผู้ซึ่งได้ตกใจกลัวเกือบเสียสติ เมื่อคืนนี้ในคุก อยู่ที่ไหน? ผู้ทำหน้าแทนพระราชาอยู่ที่ไหน? ทนายความและที่ปรึกษาของพระองค์อยู่ที่ไหน? เสมียนศาลอยู่ที่ไหน? (ปิศาจได้เอ่ยชื่อแต่ละคน) ข้าจะไม่ออกจนกว่าทุกคนมาชุมนุมกันณที่นี้ ถ้าข้าออกเดี๋ยวนี้ แล้วแกจะเอาอะไรมาเป็นข้อพิสูจน์เพื่อถวายพระราชาสำหรับสิ่งที่ได้เกิดขึ้น? แกคิดหรือว่าคนดูจะเชื่อแกง่ายๆ? ไม่เชื่อหรอก! ไม่เชื่อหรอก! หลายๆคนจะต่อต้านแก หลักฐานของคนพื้นเมืองไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ข้าต้องทรมานที่บอกให้แกรู้ว่าแกจะต้องทำอะไรข้าถูกบังคับให้บอก ฮ้า! ข้าสาปแช่งชั่วโมงที่ข้าได้เข้าสิงหญิงชั่วช้าสาระเลวนี้"
    • พระสังฆราชได้ตอบว่า: "ข้าพเจ้าไม่เพลิดเพลินกับการพูดจาเรื่อยเปื่อยของเจ้า มีพยานมากพอแล้วในที่นี้ คนที่เจ้าได้กล่าวถึงไม่จำเป็นเลย ออกไปเดี๋ยวนี้ ถวายพระสิริโรจนาแด่พระเป็นเจ้า ออกไปเดี๋ยวนี้ ไปสู่ไฟนรก!"
    • "ตกลง ข้าจะออก แต่ไม่ใช่วันนี้ ข้ารู้ดีว่าข้าจะต้องออก ข้าได้รับพระบัญชาแล้ว ข้าถูกบังคับให้ออก"
    • พระสังฆราชพูดว่า: "ข้าพเจ้าไม่สนใจการพูดจาไร้สาระของเจ้า ข้าพเจ้าจะขับไล่เจ้า โดยพระฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้า โดยพระโลหิตประเสริฐของพระเยซูคริสตเจ้า"
    • จิตชั่วร้ายร้องกรีดอกมาว่า: "ตกลง ข้ายอมแพ้แก มันทรมานข้าเหลือเกินที่ข้าต้องให้เกียรตินี้แก่แก"
    ขณะนี้พระสังฆราชได้ถือศีลมหาสนิทในมือ และชูศีลใกล้ๆใบหน้าของหญิงที่ถูกผีสิง ในที่สุด ซาตานถูกบังคับให้หนีออกไปอีกครั้งหนึ่ง
    เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากขบวนแห่สิ้นสุดลง ได้มีการถวายมหาบูชามิสซาตามปกติ ขณะพระสงฆ์กำลังเสกศีล หญิงถูกผีสิงได้ลอยขึ้นในอากาศ ห่างจากพื้นดินประมาณ 6 ฟุตสองหน แล้วหล่นลงมาบนยกพื้นอย่างแรง ก่อนสวดบทข้าแต่พระบิดา ขณะพระสังฆราชถือแผ่นศีลในมืออีกครั้งหนึ่ง และชูศีลขึ้นพร้อมกับถ้วยกาลิก หญิงถูกผีสิงลอยขึ้นในอากาศอีก พร้อมกับคนที่จับตัวเธอไว้ทั้งหมดมี 15 คน สูงจากยกพื้นอย่างน้อย 6 ฟุต และหลังจากนั้นสักครู่ เธอหล่นลงมาบนพื้นดินอย่างแรง
    • ทุกคนที่ได้เห็นภาพนี้เต็มไปด้วยความพิศวงงงงวยและความหวาดกลัว ชาวเยอรมัน ชื่อ วอสกี้ ผู้ซึ่งเป็นโปรเตสตันได้คุกเข่าลง และร้องไห้น้ำตาฟูมฟาย เขาได้กลับใจ
    • เขาได้ร้องว่า: "อ้า! บัดนี้ข้าพเจ้าเชื่อว่า ปิศาจสิงอยู่ในหญิงน่าสงสารนี้ จริงๆ ข้าพเจ้าเชื่อว่าเป็น พระกาย และพระโลหิตของ
      พระเยซูคริสตเจ้า จริงๆ ที่ขับไล่ปิศาจ ข้าพเจ้าเชื่อแล้ว ข้าพเจ้าจะไม่เป็นโปรเตสตันอีกต่อไป"
    หลังมหาบูชามิสซา พิธีไล่ผีได้เริ่มตามปกติ
    • พระสังฆราชพูดว่า: "บัดนี้ ในที่สุด เจ้าจะต้องออกไป ไปให้พ้น จิตชั่วร้าย"
    • ซาตานพูดว่า: "ตกลง เป็นความจริง ข้าต้องออกไปแน่ แต่ไม่ใช่เดี๋ยวนี้ ข้าจะไม่ไปจนกว่าเวลานั้นได้มาถึง เป็นเวลาที่ข้าได้เข้าสิง หญิงชั่วช้าสาระเลวนี้"
    • ในที่สุดพระสังฆราชได้ถือแผ่นศีลมหาสนิทในมือ และพูดว่า: "ในพระนามของพระตรีเอกภาพ ที่น่าเคารพสักการะบูชาอย่างยิ่ง พระบิดา พระบุตร และพระจิต ในพระนามของพระกายศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูคริสตเจ้าที่ประทับอยู่ในขณะนี้ ข้าพเจ้าสั่งเจ้า จิตชั่วร้าย ออกจากร่างเดี๋ยวนี้"
    • จิตชั่วร้ายร้องกรีดออกมาว่า: "ใช่, ใช่, เป็นความจริง! เป็นความจริง! เป็นพระกายของพระเป็นเจ้า ข้าต้องสารภาพ เพราะข้าถูกบังคับให้พูด ฮ้า! มันทรมานข้าเหลือเกินที่ ข้าต้องสารภาพความจริง แต่ข้าต้องทำ ข้าพูดความจริงเมื่อถูกบังคับเท่านั้น ความจริงมิได้มาจากข้า มันมาจากองค์พระเป็นเจ้า และเจ้านายของข้า ข้าได้เข้ามาสิงในร่างนี้ โดยการยินยอมของพระองค์"
    ขณะนี้พระสังฆราชได้ชูศีลมหาสนิทใกล้ๆใบหน้าของหญิงถูกผีสิง จิตชั่วร้ายบิดกายด้วยความเจ็บปวดทรมานอย่างแสนสาหัส มันพยายามทุกวิถีทางที่จะหลบหนีออกจากพระพักตร์ของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท ในที่สุด ควันสีดำได้พุ่งออกมาจากปากของนิโคลา เธอได้เป็นลมหมดสติ และได้ฟื้นคืนสติรู้สึกตัวโดยอาศัยศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นวิธีเดียวเท่านั้น

    ในที่สุด วันที่ 8 กุมพาพันธ์ได้มาถึง เป็นวันที่พระเป็นเจ้าได้กำหนดไว้ว่า ซาตานจะต้องออกจากร่างตลอดไป หลังจากขบวนแห่อันสง่างามได้สิ้นสุดลง พระสังฆราชได้เริ่มพิธีไล่ผีครั้งสุดท้าย
    • พระสังฆราชพูดกับซาตานว่า: "ข้าพเจ้าจะไม่ถามเจ้าอีกต่อไป เมื่อไรเจ้าจะออกจากร่าง? ข้าจะไล่เจ้าออกไปเดี๋ยวนี้ โดยพระฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้าผู้สถิตชั่วนิรันดร และโดยพระกายศักดิ์สิทธิ์และพระโลหิตประเสริฐของพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรสุดที่รักของพระองค์ ผู้ซึ่งประทับอยู่ขณะนี้ในศีลมหาสนิทบนพระแท่น"
    • จิตชั่วร้ายร้องกรีดออกมาว่า: "ฮ้า, ใช่ ข้าสารภาพว่าพระบุตรของพระเป็นเจ้าสถิตอยู่ที่นี่จริงๆ และประทับอยู่ที่นี่จริงๆ พระองค์เป็นองค์พระเจ้าและเจ้านายของข้า มันทรมานข้าเหลือเกินที่ข้าต้องพูดความจริง แต่ข้าถูกบังคับให้พูด" แล้วมันได้พูดซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ด้วยเสียงโหยหวนอย่างเปรตนรก เป็นเสียงร้องที่คนบนโลกไม่เคยได้ยินมาก่อน: "ใช่ เป็นความจริง ข้าต้องสารภาพ ข้าถูกบังคับให้ออกจากร่าง โดยพระฤทธานุภาพของพระกายของพระเป็นเจ้าที่ประทับอยู่ณที่นี้ ข้าต้องไป ข้าต้องออกไป มันทรมานข้าเหลือเกินที่ข้าต้องออกจากร่างเร็วเกินไป และข้าต้องพูดความจริง แต่ความจริงมิได้มาจากข้า มันมาจากองค์พระเจ้าและเจ้านายของข้าผู้ซึ่งได้ส่งข้ามาที่นี่ และผู้ซึ่งทรงสั่งและบังคับข้าให้สารภาพความจริงต่อหน้าทุกคนในที่แห่งนี้"
    • แล้วพระสังฆราชได้ถือแผ่นศีลมหาสนิทในมือ ชูศีลเหนือศีรษะ และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า: "โอ้ จิตชั่วร้าย ไม่บริสุทธิ์ เบลซีบุบ! เจ้าเป็นอภิศัตรูของพระเป็นเจ้าผู้สถิตชั่วนิรันดร! ประทับอยู่ที่นี่ คือ พระกายศักดิ์สิทธิ์และพระโลหิตประเสริฐของพระเยซูคริสตเจ้า องค์พระเจ้าและเจ้านายของเจ้า ข้าพเจ้าอ้อนวอนพระองค์ ในพระนามและโดยพระฤทธานุภาพขององค์พระเจ้าและพระมหาไถ่ พระเยซูคริสตเจ้า พระเจ้าเที่ยงแท้และมนุษย์เที่ยงแท้ ผู้ซึ่งประทับอยู่ที่นี่ ข้าพเจ้าสั่งเจ้าออกจากร่างเดี๋ยวนี้ และอย่ากลับเข้ามาอีกเลยในคนนี้ ที่พระเป็นเจ้าได้ทรงสร้าง ไปสู่ก้นบึงนรก ที่นั่นเจ้าต้องทรมานชั่วนิรันดร ไปให้พ้น จิตไม่บริสุทธิ์ ไปให้พ้น นี่คือ องค์พระเจ้าและเจ้านายของเจ้า!"
    ด้วยคำภาวนาบทนี้ และด้วยภาพพระเป็นเจ้าซ่อนพระองค์อยู่ในแผ่นศีล หญิงน่าสงสารที่ถูกผีสิงบิดกายอย่างน่ากลัว แขนขาของเธอมีเสียงดังเปรี๊ยะๆเหมือนกระดูกทุกชิ้นในตัวเธอกำลังแตกออกจากกัน ผู้ชายแข็งแรงล่ำสัน 15 คนจับหลังเธอไม่อยู่ เซจากข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่ง เขาทั้งหลายเหงื่อไหลไคลย้อย ซาตานพยายามหลบหนีจากพระพักตร์พระเป็นเจ้าในศีลมหาสนิท ปากนิโคลาเปิดกว้าง ลิ้นเธอห้อยลงมาเลยคาง ใบหน้าของเธอบวมเปล่งอย่างน่าตกใจสยองขวัญ อัปลักษณ์อย่างที่สุด เปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีเขียว และเป็นสีเทาและสีฟ้า จนมองดูเธอแล้ว ไม่เหมือนมนุษย์ เป็นใบหน้าที่น่าเกลียดน่ากลัวอย่างสยดสยองของปิศาจที่มาสิงในร่างเธอ ทุกคนที่ได้เห็นสั่นด้วยความหวาดกลัวสยองขวัญ โดยเฉพาะเมื่อเขาทั้งหลายได้ยิน เสียงร้องของจิตชั่วร้าย ซึ่งเป็นเสียงคล้ายเสียงร้องคำรามกึกก้องของกระทิงป่า เขาทั้งหลายคุกเข่า และด้วยน้ำตาคลอในเบ้าตา เริ่มวิงวอนพระเป็นเจ้า: "พระเยซูเจ้า ทรงเมตตาเทอญ!"
    พระสังฆราชยังคงรบเร้าซาตานต่อไป ในที่สุดจิตชั่วร้ายได้ออกไปจากร่าง และนิโคลาได้หงายหลังหมดสติ ในอ้อมแขนของกลุ่มชายที่คอยเฝ้าเธอ อย่างไรก็ตาม เธอยังคงมีใบหน้าอัปลักษณ์น่ากลัวสยองขวัญ ในสภาพนี้ผู้พิพากษาและคนที่มาร่วมพิธีได้เห็นเธอ เธอกลิ้งได้เหมือนลูกบอล ขณะนี้พระสังฆราชได้คุกเข่าลง เพื่อส่งศีลมหาสนิทให้เธอตามปกติ แต่ในทันใดนั้นเอง ปิศาจกลับเข้ามาในร่างอีกอย่างโมโหฉุนเฉียว พยายามที่จะจับมือพระสังฆราช และคว้าแผ่นศีลมหาสนิท พระสังราชขยับไปข้างหลัง นิโคลาลอยขึ้นไปในอากาศและพระสังฆราชก็ลุกขึ้นจากท่าคุกเข่า สั่นด้วยความกลัวและหน้าซีดขาวเหมือนคนตาย

    พระสังฆราชศักดิ์สิทธิ์รวบรวมความกล้า แล้วติดตามปิศาจไป ถือแผ่นศีลมหาสนิทในมือ จนกระทั่งมัน ถูกทำให้พ่ายแพ้ โดยพระฤทธานุภาพ ของพระกายศักดิ์สิทธิ์ของพระเยซูเจ้า ได้ออกจากร่าง ท่ามกลางควัน ฟ้าแลบ และฟ้าผ่า

    ในที่สุดปิศาจได้ถูกไล่ออกไปและจะไม่กลับมาอีกเลย ในวันศุกร์ เวลาบ่ายสามโมง ซึ่งเป็นวันและเวลาเดียวกัน ที่พระเยซูคริสตเจ้าได้มีชัยชนะต่ออำนาจนรกอย่างสิ้นเชิงโดยการสิ้นพระชนม์อันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนักของพระองค์บนไม้กางเขน

    บัดนี้ นิโคลาได้รับการรักษาหายจากโรคพิศดาร เธอสามารถเคลื่อนไหวแขนซ้ายได้อย่างสบาย เธอคุกเข่าและขอบพระคุณพระเป็นเจ้า และพระสังฆราชที่ได้ช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ คนที่มาร่วมพิธีได้ร้องไห้ด้วยความยินดี ร้องเพลงสรรเสริญโมทนาพระคุณ และถวายพระเกียรติแด่พระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิท ทุกที่ในวัดได้ยินเสียงอุทาน: "โอ้ ช่างมหัศจรรย์จริงๆ! โอ้ขอบพระคุณพระเป็นเจ้า ที่ข้าพเจ้าได้เป็นพยานมหัศจรรย์นี้ ต่อไปนี้ใครเล่าจะสงสัยการประทับอยู่อย่างแท้จริงขององค์พระเยซูคริสตเจ้าในศีลมหาสนิทบนพระแท่น!" ชาวโปรเตสตันหลายๆคนได้พูดว่า: "บัดนี้ ข้าพเจ้าเชื่อการประทับอยู่ ของพระเป็นเจ้าในศีลมหาสนิทข้าพเจ้าได้เห็นด้วยตาของข้าพเจ้าเอง ข้าพเจ้าจะไม่เป็นชาวคัลวินอีกต่อไปแล้ว ข้าพเจ้าสาปแช่งคนที่ได้เป็นต้นเหตุให้ข้าพเจ้า หลงผิดในข้อความเชื่อ! โอ้, เดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้าเข้าใจแล้ว มหาบูชามิสซาเป็นสิ่งมหัศจรรย์สุดยอด!"

    ในวัด เสียงออแกนได้ดังขึ้นด้วยเพลงโมทนาพระคุณพระเป็นเจ้า: Te Deum อันไพเราะเพราะพริ้ง พร้อมด้วยเสียงระฆัง ก้องกังวานเปี่ยมด้วยความรักของพระเป็นเจ้าในดวงใจ คนทั้งเมืองตื้นตันใจและอิ่มเอิบในดวงใจ

    ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทต่อปิศาจได้เกิดขึ้นท่ามกลางมหาชนกว่าหนึ่งแสนห้าหมื่นคน มีเจ้าหน้าที่ของ พระศาสนาคาทอลิกและของนิกายโปรเตสตัน และทางราชการมาเป็นสักชีพยาน เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ได้รับการรับรองและแปลเป็นภาษาต่างๆ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาเลี่ยน สเปน และเยอรมัน

เชิญเฝ้าศีลมหาสนิท I ขอขมาพระเป็นเจ้า I ความลึกลับโลกหน้า I สังฆมณฑลนครราชสีมา
[ Goto Menu] [Thai Caholic] [Mass] [Testament] [Mary Carmel] [parents] [Mother] [Father} [Holy pope] [Holy Doors]
[All saint] [7 Blessed] [Nicholas] [Art for Heart] [pray Rosary] [Catholic Links] [Mary Slide][ Back to Menu ]

bC Counter  

Send mail to [email protected] with question or comments about this web.
Copyright @ 1995-2000 Data Computer's House. 2123-2125 Suebsiri Rd. Muang,
Nakorn-Rachasima.30000 Thailand.    Last  

 

1