การให้ระดับคะแนน (grading system)
การประเมินผลการเรียนในปัจจุบันนิยมประเมินให้เป็นระดับคะแนนหรือที่เรียกว่า การตัดเกรด ซึ่งการให้ระดับคะแนนมีหลายแบบ เช่น ให้ระดับคะแนนเป็นตัวเลข ได้แก่ 4,3,2,1 และ 0 หรือให้ระดับคะแนนเป็นตัวอักษร ได้แก่ A,B,C,D และ E หรือ ก,ข,ค,ง และ จ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การให้ระดับคะแนนถ้าแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ แล้วแบ่งได้ 2 ประเภท คือ
1. การให้คะแนนในระบบอิงเกณฑ์
2. การให้ระดับคะแนนในระบบอิงกลุ่ม
1. การให้ระดับคะแนนในระบบอิงเกณฑ์ คือการให้ระดับคะแนนโดยการนำเอาคะแนนที่ได้จากการวัดไปเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้แล้วให้ระดับคะแนนไปตามนั้นมี 2 วิธี คือ
1.1 แบบตัดสินให้ผ่าน-ไม่ผ่าน เป็นการให้ระดับคะแนนโดยการกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำไว้ในรูปของคะแนนดิบ หรือเปอร์เซ็นต์ ถ้าผู้เรียนคนใดมีความสามารถถึงเกณฑ์ ก็ได้ระดับคะแนนผ่าน ส่วนผู้มีความสามารถไม่ถึงเกณฑ์จะได้ระดับคะแนนไม่ผ่าน
1.2 แบบใช้เกณฑ์ที่คาดหวังหรือตั้งเกณฑ์ไว้ตายตัว เป็นการกำหนดเกณฑ์ในรูปคะแนนดิบ หรือเปอร์เซ็นต์ขึ้นมาก่อน แล้วนำคะแนนของนักเรียนที่ได้จากกการวัดไปเปรียบเทียบ แล้วให้ระดับคะแนนตามนั้น เช่น 80% ขึ้นไปได้ระดับคะแนน A , 70-79% ได้ระดับคะแนน B หรืออาจจะกำหนดว่า 80 คะแนนขึ้นไปได้ระดับคะแนน A , 70-79 คะแนนได้ระดับคะแนน B เป็นต้น
การตัดเกรดโดยวิธีนี้ใช้ในระดับประถมศึกษาตามหลักสูตรประถมศึกษาพุทธศักราช 2521 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2533) พ.ศ. 2533 และระดับมัธยมศึกษา ตามหลักสูตรมัธยมศึกษาพุทธศักราช 2524 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2533) พ.ศ. 2533 ซึ่งกำหนดระดับคะแนนดังนี้
ระดับคะแนนของผลการเรียน |
ความหมาย |
ช่วงคะแนนเป็นร้อยละ |
4 |
ผลการเรียนดีมาก | 80-100 |
3 |
ผลการเรียนดี | 70-79 |
2 |
ผลการเรียนปานกลาง | 60-69 |
1 |
ผลการเรียนผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนด | 50-59 |
0 |
ผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ | 0-49 |
2. การให้ระดับคะแนนในระบบอิงกลุ่ม มีแนวคิดที่ว่าความสามารถของบุคคลในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมีไม่เท่ากัน คนที่มีความสามารถสูงและต่ำจะมีน้อย ส่วนคนที่มีความสามารถปานกลางจะมีมาก การให้ระดับคะแนนในระบบนี้จะนำไปเปรียบเทียบกับความสามารถของกลุ่ม ซึ่งมีวิธีการให้ระดับคะแนนหลายวิธี แต่ที่นิยมมากที่สุด คือแบบใช้คะแนนมาตรฐานทีปกติ (Normalized T-Score)
แบบใช้คะแนนมาตรฐานทีปกติ (Normalized T-Score) เป็นการให้ระดับคะแนนโดยใช้คะแนนมาตรฐาน โดยการเปลี่ยนคะแนนดิบให้เป็นคะแนนมาตรฐาน T ปกติ ซึ่งคะแนน T ปกตินี้จะมีการกระจายของคะแนนเป็นโค้งปกติ กล่าวคือถ้าหากมีการกระจายเป็นโค้งเบ้ซ้ายหรือเบ้ขวาอยู่ก็จะปรับให้เป็นโค้งปกติ โดยวิธีการที่เรียกว่า การแปลงโดยยึดพื้นที่เป็นหลัก (area transformation) ซึ่งจะยังรักษาพื้นที่ใต้โค้งและตำแหน่งของคะแนนไว้ตามลำดับอย่างเดิม
วิธีแปลงคะแนนดิบให้เป็นคะแนนมาตรฐาน T ปกติ มีขั้นตอนดังนี้
1. สร้างตารางแจกแจงความถี่ โดยเรียงคะแนนจากมากไปหาน้อย เพื่อทำการลงรอยขีด(tally)
2. หาค่าความถี่ (f) และความถี่สะสม (cf)
3. หาค่า ของแต่ละชั้น โดยค่า cf ที่ต้องการเป็นค่า cf ที่อยู่ก่อนถึงชั้นนั้น (ชั้นที่คะแนนต่ำกว่า)
4. นำค่า ไปคูณด้วย ค่าที่ได้คือ ตำแหน่งเปอร์เซ็นต์ไทล์ (percentile rank = PR)
5. นำค่าตำแหน่งเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่ได้ในข้อ 4 ไปเทียบเป็นค่า T ปกติ จากตารางสำเร็จรูป ต่อไปนี้
ตาราง 9.1 การเทียบตำแหน่งเปอร์เซ็นต์ไทล์เป็นคะแนน T ปกติ
T |
0 |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
8 |
9 |
1 |
0.003 |
0.004 |
0.007 |
0.011 |
0.016 |
0.023 |
0.03 |
0.05 |
0.07 |
0.10 |
2 |
0.13 |
0.19 |
0.26 |
0.35 |
0.47 |
0.62 |
0.82 |
1.07 |
1.39 |
1.79 |
3 |
2.28 |
2.87 |
3.59 |
4.46 |
5.48 |
6.68 |
8.08 |
9.68 |
11.51 |
13.57 |
4 |
15.87 |
18.41 |
21.19 |
24.20 |
27.43 |
30.85 |
34.46 |
38.21 |
42.07 |
46.02 |
5 |
50.00 |
53.98 |
57.93 |
61.79 |
65.54 |
69.15 |
72.57 |
75.80 |
78.81 |
81.59 |
6 |
84.13 |
86.43 |
88.49 |
90.32 |
91.92 |
93.32 |
94.52 |
95.54 |
96.41 |
97.13 |
7 |
97.72 |
98.21 |
98.61 |
98.93 |
99.18 |
99.38 |
99.53 |
99.65 |
99.74 |
99.81 |
8 |
99.87 |
99.90 |
99.93 |
99.95 |
99.96 |
99.97 |
99.98 |
99.98 |
99.99 |
99.99 |
หมายเหตุ ค่าคะแนน T ปกติ ตามแนวตั้ง (แถวริมสุดทางซ้ายมือของผู้อ่านคือเลข 1-8) แสดงหลักสิบ ส่วนแนวนอน (แถวบนสุดของตาราง คือเลข 0-9) แสดงหลักหน่วย
ตัวอย่าง 9.3 ในการสอบวิชาการประเมินผลการเรียน มีผู้เข้าสอบ 20 คน ปรากฏผลดังนี้ 11,12,15,20,18,17,16,16,19,18,15,15,15,13,12,12,17,13,12,14 จงเปลี่ยนให้เป็นคะแนน T ปกติ
คะแนน |
tally |
F |
cf |
|
T ปกติ |
|
20 |
/ |
1 |
20 |
19.5 |
97.5 |
70 |
19 |
/ |
1 |
19 |
18.5 |
92.5 |
64 |
18 |
// |
2 |
18 |
17 |
85 |
61 |
17 |
// |
2 |
16 |
15 |
75 |
57 |
16 |
// |
2 |
14 |
13 |
65 |
54 |
15 |
//// |
4 |
12 |
10 |
50 |
50 |
14 |
/ |
1 |
8 |
7.5 |
37.5 |
47 |
13 |
// |
2 |
7 |
6 |
30 |
45 |
12 |
//// |
4 |
5 |
3 |
15 |
40 |
11 |
/ |
1 |
1 |
0.5 |
2.5 |
30 |
วิธีเทียบตำแหน่งเปอร์เซนต์ไทล์เป็นคะแนน T ปกติ
1. นำค่าตำแหน่งเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่คำนวณได้มาเทียบกับค่าเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่มีอยู่ในตาราง
2. ถ้าหากค่าตำแหน่งเปอร์เซ็นต์ไทล์ที่คำนวณได้ไม่ตรงกับค่าใด ๆ ในตาราง ให้เลือก
ค่าในตารางที่ใกล้เคียงที่สุด เช่น ตำแหน่งเปอร์เซ็นต์ไทล์เท่ากับ 97.5 จะได้คะแนน T ปกติ เท่ากับ 70 เพราะ 97.5 มีค่าใกล้เคียงกับ 97.72 มากกว่า 97.13 เป็นต้น
3. การอ่านค่าคะแนน T ปกติ โดยดูจากตำแหน่งเปอร์เซ็นต์ไทล์ในตารางว่าตรงกับเลข อะไรในแนวตั้ง(ทางซ้ายมือ)ให้เป็นหลักสิบ และในแนวนอนตรงกับเลขอะไร ให้เป็นหลักหน่วย เช่น ตำแหน่งเปอร์เซนต์ไทล์มีค่าเท่ากับ 96.41 จะได้คะแนน T ปกติ เท่ากับ 68 หรือตำแหน่งเปอร์เซ็นต์ไทล์มีค่า 99.95 จะได้คะแนน T ปกติ เท่ากับ 83 เป็นต้น
วิธีการให้ระดับคะแนนโดยใช้คะแนนมาตรฐาน T ปกติ
การให้ระดับคะแนนโดยวิธีนี้จะคำนึงถึงการกระจายของคะแนนในรูปโค้งปกติ (Normal Curve) โดยการเปรียบเทียบกับความสามารถของผู้เรียนภายในกลุ่ม ส่วนจำนวนระดับคะแนนจะมีจำนวนเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ประเมิน ซึ่งวิธีการให้ระดับคะแนน มีดังนี้
1. หาพิสัยของคะแนนมาตรฐาน T ปกติ เช่น จากตัวอย่างการแปลงคะแนนดิบให้ เป็นคะแนน T ปกติ (โจทย์ตัวย่างที่ 9.3) จะได้พิสัยของ T ปกติ เท่ากับ 70-30 = 40
2. เอาจำนวนระดับคะแนนที่ต้องการไปหารพิสัย ผลที่ได้คืออันตรภาคชั้นของคะแนน T ปกติ เช่น ในที่นี้ต้องการระดับคะแนน 4 ระดับ คือ A,B,C และ D จะได้อันตรภาคชั้นเท่ากับ 40/4 = 10
3. ให้เอาคะแนน T ปกติ 50 เป็นจุดหลักในการพิจารณา แล้วนำค่าอันตรภาคชั้น (คือ 10 ) มาลบ หรือ บวก ตามกรณี แล้วให้ระดับคะแนน
D C B A
คะแนน T ปกติ
40 50 60
ระดับคะแนน |
ช่วงคะแนน T ปกติ |
จำนวนคน |
A |
ตั้งแต่ 60 ขึ้นไป |
4 |
B |
50-59 |
8 |
C |
40-49 |
7 |
D |
ตั้งแต่ 39 ลงมา |
1 |
กรณีที่ต้องการให้ระดับคะแนน 5 ระดับ คือ A,B,C,D และ E ให้เอาจำนวนระดับคะแนนไปหารพิสัย จะได้ 40/5 = 8
คะแนน T ปกติ
E D C B A
38 46 50 54 62
ระดับคะแนน |
ช่วงคะแนน T ปกติ |
จำนวนคน |
A |
ตั้งแต่ 62 ขึ้นไป |
2 |
B |
54-61 |
6 |
C |
46-53 |
5 |
D |
38-45 |
6 |
E |
ตั้งแต่ 37 ลงมา |
1 |