ความเที่ยงตรงตามแนวคิดอิงเกณฑ์
การพิจารณาความเที่ยงตรงของแบบทดสอบตามแนวคิดอิงเกณฑ์จะต้องพิจารณาสองลักษณะ คือความเที่ยงตรงตามเนื้อหา และความเที่ยงตรงตามโครงสร้าง ความเที่ยงตรงตามเนื้อหาเป็นการตรวจสอบข้อสอบรายข้อว่าสามารถเป็นตัวแทนของพฤติกรรม หรือขอบเขตที่จะวัดได้ดีเพียงใด ส่วนความเที่ยงตรงตามโครงสร้างเป็นคุณลักษณะภายในตัวผู้สอบ ที่แสดงถึงการมีความสามารถได้ครบถ้วนในจุดประสงค์ที่วัดโดยข้อสอบนั้น ซึ่งเรียกว่า ผู้รอบรู้ หรือคุณลักษณะที่แสดงถึงการไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนในจุดประสงค์ที่กำลังวัดซึ่งเรียกว่า ผู้ไม่รอบรู้ (สงบ ลักษณะ. 2523 : 37-38)
1. ความเที่ยงตรงตามเนื้อหา
โรวิเนลลี และแฮมเบิลตัน (Rovinelli and Hambleton) ได้เสนอวิธีการกำหนดจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรม แล้วเขียนข้อสอบขึ้นตามจุดมุ่งหมายเชิงพฤติกรรมนั้นนำเสนอให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเนื้อหาหลาย ๆ คนพิจารณาความสอดคล้องระหว่างข้อสอบแต่ละข้อกับจุดมุ่งหมาย (item objective congruence : IOC) ซึ่งอาจใช้มาตราส่วนประมาณค่า หรือวิธีจับคู่ว่าข้อใดวัดจุดประสงค์ใด ก็ได้
วิธีการหาความเที่ยงตรงตามเนื้อหาตามแนวคิดของ โรวิเนลลี และแฮมเบิลตัน (Rovinelli and Hambleton) ในเชิงปฏิบัติ ทำได้ดังนี้
1. นำจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมกับข้อสอบที่วัดจุดประสงค์นั้น ๆ หรือ ข้อสอบกับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม ให้ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเนื้อหาวิชาแต่ละคนพิจารณาว่าสอดคล้องกันหรือไม่ ด้วยการทำเป็นแบบสำรวจให้ผู้เชี่ยวชาญซึ่งไม่น้อยกว่า 3 คน พิจารณา (บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์. 2526 : 69) โดยการกำหนดให้คะแนนผลการพิจารณาตัดสิน ดังนี้
กา / ในช่อง +1 ถ้าแน่ใจว่าจุดประสงค์สอดคล้องกับเนื้อหา หรือข้อสอบสอดคล้องกับจุดประสงค์
กา / ในช่อง 0 ถ้าไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์สอดคล้องกับเนื้อหา หรือข้อสอบสอดคล้องกับจุดประสงค์
กา / ในช่อง -1 ถ้าแน่ใจว่าจุดประสงค์ไม่สอดคล้องกับเนื้อหา หรือข้อสอบไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์
ตัวอย่าง 8.10 แบบประเมินความสอดคล้องระหว่างจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมกับเนื้อหา
เนื้อหา |
จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม |
คะแนนการพิจารณา |
||
+1 |
0 |
-1 |
||
1. ตารางแจกแจงความถี่ | 1. สามารถหาพิสัยของข้อมูลได้ถูกต้อง |
|||
2. สามารถหาขีดจำกัดบน และขีด จำกัดล่างของอันตรภาคชั้น จาก ตารางแจกแจงความถี่ได้ถูกต้อง |
||||
3. .............................................. |
ตัวอย่าง 8.11 แบบประเมินความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
จุดประสงค์เชิงพฤติกรรม |
ข้อสอบ |
คะแนนการพิจารณา |
||
+1 |
0 |
-1 |
||
1.สามารถหาพิสัยของ ข้อมูลได้ถูกต้อง |
1. ถ้าผลการสอบเป็นดังนี้ 10, 6, 8, 4 และ 7 อยากทราบว่า ข้อมูลนี้ มีพิสัยเท่าไร ? ก. 4 ง. 7 ข. 5 จ. 8 ค. 6 |
2. บันทึกผลความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนเป็นรายข้อ แล้วนำมาคำนวณหาค่าเฉลี่ย โดยใช้สูตร ดังนี้
สูตร
เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างจุดประสงค์กับเนื้อหา หรือ ความสอดคล้อง
ระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์ ( index of item objective congruence )
? R แทน ผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด
N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด
ตัวอย่าง
8.12
จงหาผลรวมของคะแนนความคิดเห็น (? R)
และค่า IOC ระหว่าง
จุดประสงค์กับเนื้อหา
เนื้อหา |
จุดประสงค์ เชิงพฤติกรรม |
คะแนนความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ |
? R |
IOC |
||||
คนที่1 |
คนที่2 |
คนที่3 |
คนที่4 |
คนที่5 |
||||
1.ตารางแจกแจงความถี่ | 1. ................. | 1 |
0 |
1 |
1 |
1 |
4 |
.80 |
2. ................. | 1 |
1 |
-1 |
-1 |
1 |
1 |
.20 |
|
2. ค่ากลางของข้อมูล | 3. ................ | 1 |
1 |
0 |
-1 |
-1 |
0 |
.00 |
4. ................. | -1 |
-1 |
-1 |
-1 |
1 |
-3 |
-.60 |
3. พิจารณาคัดเลือกในจุดประสงค์ หรือข้อสอบที่มีคะแนนเฉลี่ยตั้งแต่ 0.50 ถึง1.00 ซึ่งแสดงว่าจุดประสงค์นั้นวัดได้ครอบคลุมเนื้อหา หรือข้อสอบนั้นวัดได้ตรงจุดประสงค์ และถ้าข้อใดได้คะแนนเฉลี่ยต่ำกว่า 0.50 ต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข เพราะว่ามีความสอดคล้องกันต่ำ
2. ความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้าง
เราจะทราบความเที่ยงตรงตามโครงสร้างก็ต่อเมื่อ นำข้อสอบไปสอบกับกลุ่มตัวอย่าง ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่มีความรอบรู้จะตอบข้อสอบข้อนั้นถูก ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่ไม่รอบรู้จะตอบข้อสอบข้อนั้นผิด วิธีการหาความเที่ยงตรงตามโครงสร้างมี ดังนี้
2.1 วิธีของคาร์เวอร์ (Carver) คาร์เวอร์ (Carver. 1970 : 256 ) ได้เสนอวิธีการหาค่าความเที่ยงตรงจากการนำเอาแบบทดสอบอิงเกณฑ์ไปสอบกับนักเรียนในกลุ่มที่เรียนแล้ว และกลุ่มที่ยังไม่ได้เรียน โดยแจกแจงในตารางดังนี้
กลุ่มที่ยังไม่ได้เรียน |
กลุ่มที่เรียนแล้ว |
|
ผ่าน |
B |
A |
ไม่ผ่าน |
C |
D |
สูตรที่ใช้ในการคำนวณคือ
เมื่อ แทน ความเที่ยงตรงตามโครงสร้าง
a แทน จำนวนผู้ที่เรียนแล้วสอบผ่าน
c แทน จำนวนผู้ที่ยังไม่ได้เรียนแล้วสอบไม่ผ่าน
N แทน จำนวนคนทั้งหมด (N = a+b+c+d)
ค่าความเที่ยงตรงตามโครงสร้างตามวิธีของ คาร์เวอร์ (Carver) นี้ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ที่สอบไม่ผ่านก่อนเรียน และจำนวนผู้ที่สอบผ่านหลังจากที่เรียนแล้ว
ตัวอย่าง 8.13 นำเอาข้อสอบอิงเกณฑ์ฉบับหนึ่งไปสอบกับนักเรียน 2 กลุ่ม โดยที่กลุ่มแรกยังไม่ได้เรียน จำนวน 10 คน กับกลุ่มที่สองคือกลุ่มที่เรียนแล้ว จำนวน 12 คน (ผลปรากฏข้างล่างนี้) จงหาค่าความเที่ยงตรงตามโครงสร้างของแบบทดสอบ เมื่อกำหนดคะแนนจุดตัดเท่ากับ 8 คะแนน
คะแนนของกลุ่มที่ยังไม่ได้เรียน คือ 6,7,8,7,9,9,9,6,7,7
คะแนนของกลุ่มที่เรียนแล้ว คือ 8,6,8,8,7,9,9,10,8,6,7,10
วิธีคำนวณ
1. นำคะแนนจุดตัดไปเปรียบเทียบกับคะแนนสอบของทุกคน ใครได้คะแนนตั้งแต่ 8 คะแนนขึ้นไปถือว่าสอบผ่าน ถ้าต่ำกว่า 8 คะแนนถือว่าสอบไม่ผ่าน
2. หาจำนวนนักเรียนที่ยังไม่ได้เรียนแล้วสอบไม่ผ่าน (ในข้อนี้มี 6 คน)
3. หาจำนวนนักเรียนที่เรียนแล้วสอบผ่าน (ในข้อนี้มี 8 คน)
4. แทนค่าในสูตร เมื่อ a=8 , c=6 , N=22
ข้อสอบมีความเที่ยงตรงตามโครงสร้างเท่ากับ 0.64
2.2 วิธีหาค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบฟี (phi correlation coefficient) ซึ่งวิธีนี้เสนอโดยมิลล์แมน (Millman) มีสูตรดังนี้
สูตร
เมื่อ แทน ความเที่ยงตรงเชิงโครงสร้าง
a แทน จำนวนผู้สอบผ่านก่อนเรียน
b แทน จำนวนผู้สอบผ่านหลังเรียน
c แทน จำนวนผู้สอบไม่ผ่านก่อนเรียน
d แทน จำนวนผู้สอบไม่ผ่านหลังเรียน
ตัวอย่าง 8.14 จงหาค่าความเที่ยงตรงตามโครงสร้างแบบฟี เมื่อได้ผลการสอบดังตารางข้างล่างนี้ โดยกำหนดคะแนนจุดตัดเท่ากับ 8 คะแนน
คนที่ |
1 |
2 |
3 |
4 |
5 |
6 |
7 |
คะแนนก่อนเรียน |
6 |
7 |
8 |
8 |
6 |
5 |
7 |
คะแนนหลังเรียน |
8 |
8 |
9 |
10 |
7 |
8 |
9 |
วิธีคำนวณ
1. หาจำนวนผู้สอบผ่านก่อนเรียน (ในข้อนี้มี 2 คน จะได้ a=2)
2. หาจำนวนผู้สอบผ่านหลังเรียน (ในข้อนี้มี 6 คน จะได้ b=6)
3. หาจำนวนผู้สอบไม่ผ่านก่อนเรียน (ในข้อนี้มี 5 คน จะได้ c=5)
4. หาจำนวนผู้สอบไม่ผ่านหลังเรียน (ในข้อนี้มี 1 คน จะได้ d=1)
นำผลมาใส่ตารางได้ ดังนี้
ก่อนเรียน |
หลังเรียน |
||
ผ่าน |
2(a) |
6 (b) |
8 (a+b) |
ไม่ผ่าน |
5 (c) |
1 (d) |
6 (c+d) |
7(a+c) |
7(b+d) |
14(N) |
5. แทนค่าต่าง ๆ ลงในสูตร
แบบทดสอบมีความเที่ยงตรงตามโครงสร้างเท่ากับ 0.58