เครื่องมุกเป็นศิลปหัตถกรรมประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้เปลือกหอยมุก ซึ่งเป็นหอยทะเลชนิด หนึ่งมาฉลุเป็นชิ้นเล็ก ๆ ประดับลงบนภาชนะ บานประตู หน้าต่าง ฯลฯ โดยมีรักเป็นตัวเชื่อมให้มุกฝังตัว อยู่บนผิวภาชนะหรือวัตถุที่ต้องการประดับ ความแวววาวของเปลือกหอยมุกสีขาวแกมชมพู จะตัดกับสีดำ ของรักเกิดเป็นลาดลายที่งดงามคนไทย จึ่งนิยมประดับมุกลงบนภาชนะเครื่องใช้และสิ่งต่าง ๆ เช่น ตั่ง ตะลุ่ม พาน ปราสาทราชวัง เป็นต้น เครื่องมุกและการประดับมุกเป็นงานศิลปหัตถกรรมที่ต้องใช้ความละเอียดประณีตต้องใช้ช่างที่มี ความสามารถสูง ในอดีตจึงมักทำเป็นเครื่องใช้ของคนชั้นสูง พระภิกษุสงฆ์ และทำสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับสถา บันกษัตริย์ และศาสนาเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่างานศิลปหัตถกรรมประเภทเครื่องมุกของไทยจะเป็นงานศิลปหัตถกรรมเก่าแก่ที่มีคุณค่าแต่ เมื่อสภาพเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนไปการนำเปลือกหอยมุกมาประดับเครื่องมุกที่ต้องใช้เวลาและความ ประณีตสูงจึงมิใคร่คุ้มค้า การประดับมุกในปัจจุบันจึงมักทำสิ่งของที่ดีขนาดเล็ก ๆ จนถึงไฟแช็ค มากว่า ที่จะทำเป็นสิ่งของที่มีขนาดใหญ่อย่างโบราณ กรรมวิธีการประดับมุกของไทย เป็นกรรมวิธีที่ทำกันมาแต่โบราณถ้าพิจารณาดูขั้นตอนและวิธีการ จะเห็นว่าเป็นไปอย่างธรรมดาไม่ได้มีวิธีการที่ซับซ้อนแต่อย่างใด วัสดุที่นำมาใช้ก็เป็นวัสดุตามธรรมชาติ ธรรมดา หากแต่ความงดงามนั้นขึ้นอยู่กับความประณีตของฝีมือช่าง และลวดลายที่เกิดจากความคิดของ ช่างไทย ที่มุ่งเนรมิตความงามขึ้นให้สอดคล้องกับวัสดุและรูปแบบของสิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อประโยชน์ใช้ สอยในด้านต่าง ๆ ให้มีความงดงามมีสุนทรียภาพแฝงอยู่ในสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น เท่ากับเป็นการเพิ่มคุณค่า และความน่าใช้ไปด้วย การประดับมุกในปัจจุบันแม้จะมีทำกันอยู่บ้างเช่นที่บริเวณอำเภอเมือง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ก็ เป็นเครื่องมุกที่ประยุกต์วิธีการจากโบราณ ตั้งแต่การใช้สีโป๊วหรือสีรองพื้นแทนรักและการฉลุลวดลายก็ เป็นการทำแบบซ้ำ ๆ แล้วนำมาประกอบเป็นลวดลายที่สามารถช้กับเครื่องมุกที่มีรูปทรงต่างๆ กัน ทั่วไป ซึ่งเป็นการปรหยัดเวลาและแรงงาน อย่างไรก็ตาม การนำเปลือกมุกมาทำเป็นงานศิลปหัตถกรรมและสิ่งประดิษฐ์ประเภทต่างๆ ใน ลักษณะเครื่องใช้และของที่ระลึกในบริเวณภาคใต้โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีการผลิต หัตถกรรมจากเปลือกหอยมุกมากที่สุด สิ่งที่ผลิตส่วนใหญ่ได้แก่ โคมไฟ เครื่องแขวน จานรองแก้ว พวง กุญแจ เป็นต้น เป็นการใช้เปลือกหอยมุกให้เกิดประโยชน์ด้วยขบวนการทางหัตถกรรม และกึ่งอุตสาห- กรรรมตามสภาพสังคมปัจจุบัน |
|
Copyright © 2000 Mr.Kanchana Pumnual. All rights reserved. Revised : เมษายน 28, 2543 . |