เครื่องลงยาเป็นศิลปหัตถกรรมประเภทหนึ่ง ซึ่งมีกรรมวิธีคล้ายคลึงกับการทำเครื่องถมแต่เป็นการ ทำเครื่องประดับที่มีราคาถูกขึ้นแทนการประดับด้วยพลอยและแก้วมณีลงบนเครื่องเงินเครื่องทองที่มี ราคาแพง การลงยาเป็นการนำเอาแร่บางชนิดที่หลอมละลายได้ มาหลอมละลาย เพื่อให้แร่ที่หลอมละลาย นี้ใส่ลงไปในช่องที่แกะไว้ แทนน้ำยาถม การลงยาจะแตกต่างไปจากการลงถมก็อยู่ที่การลงยาทำเป็นสี่ ต่าง ๆ ได้ ปัจจุบันการลงยามักจะใช้อ๊อกไซด์ผสมน้ำยาเคลือบแล้วใช้ไฟฟ่น(เป่าแล่น) เผาให้หลอม ละลายเคลือบเช่นเดียวกับวิธีเคลือบ การลงยานี้เป็นกรรมวิธีการตกแต่งประดับโลหะของไทย ที่มีควบคู่มากับการทำเครื่องถม หากแต่ การลงยาอาจจะทำลงบนโลหะอื่นนอกเหนือจากเงินได้ เช่น ทอง นาค ทองแดง เป็นต้น และการลงยาอาจ จะใช้แร่ที่หลอมละลายได้หลายสีทำให้เกิดลวดลายหลากสีที่งดงามไปอีกแบบหนึ่ง เครื่องลงยาของไทยที่นิยมทำกันประเภทหนึ่งคือ การใช้ภาชนะที่ทำด้วยทองแดงมาเคลือบพื้น แล้ว เขียนลวดลายเป็นสีต่าง ๆ ลงไป แทนการถมด้วยน้ำยาสีเป็นลักษณะการทำเครื่องลงยาแบบกำมะลอ เรียกว่า ถมปัด เครื่องลงยาชนิดนี้สมัยก่อนนิยมทำเป็นเครื่องใช้ของพระราชาคณะ เช่น กระโถน ปิ่นโต ขันโอ เป็นต้น งานศิลปหัตถกรรมที่มีลักษณะการตกแต่งให้เกิดลวดลายบนผิวโลหะที่มีกรรมวิธีใกล้เคียงกับการทำ เครื่องถมและเครื่องลงยาของไทย คือ "คร่ำ" ซึ่งเป็นกรรมวิธีตกแต่งโลหะของไทยที่อาจรับอิทธิพลมา จากอาหรับ ทำโดยการสลักลวนลายลงบนเนื้อเหล็กให้เป็นร่องลึก แล้วนำเส้นเงินหรือทองฝังลงไปถ้าฝัง ด้วยเส้นเงินก็เรียกว่า "คร่ำเงิน" ถ้าฝังด้วยทองก็เรียกว่า "คร่ำทอง" การทำคร่ำมักทำเป็นเครื่องใช้และ อาวุธต่างๆ เช่น พระแสงดาบ กรรไกร ดาบ ด้ามปืน เป็นต้น ศิลปหัตถกรรมไทยประเภทดังกล่าวเป็นหัตถกรรมเก่าแก่ของไทยที่ทำสืบต่อกันมาแต่โบราณกาล ที่ควรจะได้รับการอนุรักษ์ส่งเสริมให้ดำรงอยู่สืบไป |
|
Copyright © 2000 Mr.Kanchana Pumnual. All rights reserved. Revised : เมษายน 28, 2543 . |