อำเภอบางซ้าย
ที่ |
สถานที่
/ ที่ตั้ง |
สภาพ |
1 |
คลองเจ้าเจ็ด-บางยี่หน
การคมนาคม ทางน้ำ |
มีน้ำไหลตลอดปี
สองฝั่งคลองเป็น
ทัศนียภาพชนบท
มีบ้านเรือนแบบ
ชนบททรงไทยโบราณตั้งอยู่ทั้งสอง
ฝั่ง มีวัดสำคัญ 3
วัด การสัญจรทาง
น้ำยังเป็นปัจจัยสำคัญของชุมชน
|
อำเภอบางไทร
ที่ |
สถานที่
/ ที่ตั้ง |
สภาพ |
1 |
ศูนย์ศิลปาชีพบางไทรในพระบรม-
ราชินูปถัมภ์
ม.4 ต.ช้างใหญ่
ห่างจากที่ว่าการ
อ.บางไทร ประมาณ 10
กิโลเมตร
อยู่ทิศเหนือของกรุงเทพฯ
ห่าง
จากจังหวัดปทุมธานี
22 กม. ตาม
เส้นทางสายวัดเสด็จ
บางปะอิน
|
|
2 |
ลานเท
ม.8 ต.บางไทร และ ม.3
ต.ไม้ตรา |
เป็นตอนหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา
ในฤดูน้ำหลาก
ลำน้ำจะกว้างใหญ่
มาก
ทำให้บรรยากาศและ
ทัศนียภาพสวยงามตามแบบชนบท
ไทย ๆ |
3 |
วัดหลวงพ่อน้อย
ม.2 ต.บ้านแป้ง
ห่างจากที่ว่าการ
อำเภอประมาณ 5
กิโลเมตร เดิน-
ทางได้ทั้งทางรถยนต์และทางเรือ |
เป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง
ของอำเภอบางไทร
อยู่ริมฝั่งแม่น้ำ
น้อย |
4 |
ค้างคาวแม่ไก่
วัดท่าซุงทักษิณาราม
ม.6 ต.ไม้ตรา
อยู่ห่างจากที่ว่าการ
อำเภอประมาณ 8
กิโลเมตร |
มีประมาณกว่าพันตัว |
5 |
หลวงพ่อจง
ม.1 ต.หน้าไม้
ห่างจากที่ว่าการ
อำเภอประมาณ 13
กิโลเมตร
เดินทางโดยทางรถยนต์
|
เป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่ง
ของอำเภอบางไทร |
อำเภอบางปะหัน
ที่ |
สถานที่
/ ที่ตั้ง |
สภาพ |
1 |
อำเภอบางปะหัน
อยู่ทิศเหนือของจังหวัด
เนื้อที่
ประมาณ 120 ตร.กม.
ทิศเหนือ
ติด อ.มหาราช
ทิศใต้ติด อ.
พระนครศรีอยุธยา
ทิศตะวันออก
ติด อ.นครหลวง
ทิศตะวันตกติด
อ.บางบาล และ อ.ป่าโมก
จ.อ่างทอง |
เป็นที่นาราบลุ่ม
มีแม่น้ำลพบุรีไหล
ผ่าน น้ำไหลตลอดปี
สองฝั่งคลองมี
ทัศนียภาพชนบทมีบ้านเรือนชนบท
ทรงไทยโบราณตั้งอยู่สองฝั่ง
การ
สัญจรทางน้ำยังเป็นปัจจัยสำคัญ
ของคนในชุมชน |
อำเภอบางปะอิน
ที่ |
สถานที่
/ ที่ตั้ง |
สภาพ |
1 |
พระราชวังบางปะอิน
ม.4 ต.บ้านเลน
เดินทางได้โดยเส้นทาง
กรุงเทพฯ
-บางปะอิน, อยุธยา-บางปะอิน
หรือเดินทางโดยรถไฟได้ตลอดวัน |
มีผู้มาเที่ยวชมทั้งชาวไทยและชาว
ต่างชาติในแต่ละวันจำนวนมาก
เป็นสถานที่ร่มรื่นน่าศึกษา |
อำเภอบ้านแพรก
ที่ |
สถานที่
/ ที่ตั้ง |
สภาพ |
1 |
โรงเรียนบ้านแพรกประชาสรรค์
เส้นทางถนนสายบางปะหัน-ลพบุรี
|
เป็นแหล่งการศึกษาประวัติศาสตร์
และวัฒนธรรมของลุ่มแม่น้ำลพบุรี
ช่วงอำเภอบ้านแพรกถึงอำเภอ
มหาราช บางปะหัน
โดยเก็บรวบรวม
ข้อมูลที่ได้จากการสืบค้นไว้เพื่อ
ประโยชน์ทางการศึกษา
มีชิ้นงาน
และโบราณวัตถุจำนวน
4,000 -
5,000 ชิ้น เช่น
ตุ๊กตาโบราณ สมุด-
ข่อยโบราณ
เครื่องปั้นดินเผา
ฯลฯ |
อำเภอผักไห่
ที่ |
สถานที่ / ที่ตั้ง |
สภาพ |
1 |
วังมัจฉา
วัดตึกคชหิรัญศรัทธาราม
ต.อมฤต
เดินทางไปได้ทั้งทางบกและ
ทางน้ำ ทางบกใช้ถนนสาย
ผักไห่-ป่าโมก (ฝั่งตะวันออก) |
เป็นแม่น้ำธรรมชาติ (แม่น้ำน้อย)
มีปลาขนาดใหญ่ เช่นปลาสวาย
ปราแรด ปลาตะเพียน มารวมอยู่
บริเวณวัดจำนวนมาก มีอาหารปลา
จำหน่าย
และมีเรือบริการท่องเที่ยวลำน้ำ |
2 |
โฮมสเตย์ ต.หน้าโคก
เดินทางไปได้ทั้งทางบกและทาง
น้ำ ทางบกใช้ถนนลาดยางสาย
เสนา-ผักไห่-อ่างทอง |
มีบ้านพักริมน้ำให้พัก
มีการจัดกิจกรรมล่องเรือชมสภาพ
ความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และ
การตีไก่-กัดปลา |
3 |
ตลาดน้ำลาดชะโด ต.หนองน้ำใหญ่
อยู่ห่างจากตัวอำเภอเพียง 5 ก.ม.
เดินทางไปได้ทั้งทางถนนและ
ทางน้ำ |
เป็นตลาดไม้เก่าแก่อยู่ชายน้ำ
ที่หาดูได้ยาก |
4 |
ศาลเจ้าผักไห่ ม.4 ต.ผักไห่
ทางบก
มีถนนมาจาก อ.วิเศษชัยชาญ อ.
ป่าโมก จ.อ่างทอง และ อ.บางบาล
อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุญา
ทางน้ำ
มีแม่น้ำน้อยไหลผ่านไปถึง อ.เสนา |
เป็นสถานที่สักการะเพื่อความเป็น
ศิริมงคลของคนไทยเชื้อสายจีนและ
บุคคลทั่วไป ได้ปรับปรุงและก่อสร้าง
ใหม่ มีความสวยงาม ใกล้อดีต-
ท่าเรือเมล์แดง 2 ชั้น ตลาดผักไห่
ขึ้นร่องระหว่างผักไห่-ตลาดท่าเตียน
กทม. ซึ่งเป็นเรือเมล์ลำสุดท้ายใน
ท้องน้ำอยุธยา |
5 |
วังมัจฉา วัดดอนลาน ต.ดอนลาน
อยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 10
กม. เดินทางได้ทั้งทางถนนและ
ทางเรือ |
เป็นแม่น้ำธรรมชาติ(แม่น้ำน้อย) ที่มี
ปลามารวมกันบริเวณนี้จำนวนมาก
สภาพร่มรื่น เป็นระเบียบเรียบร้อย
สะอาด เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ |
6 |
วัดบ้านแค ต.บ้านแค
อยู่ในเส้นทางถนนสาย
ผักไห่-ป่าโมก (ฝั่งตะวันออก) |
มีการพัฒนาภูมิทัศน์ในวัดตลอดเวลา
เป็นแหล่งรวมของชุมชน เป็นที่ปลูก
ป่าไม้ชุมชน มีบ่อปลาดุกยักษ์
พื้นพระอุโบสถโดยรอบเป็นหินอ่อน |
7 |
วัดย่านอ่างทอง ต.บ้านใหญ่
เดินทางสะดวกทั้งทางบกและ
ทางน้ำ
ทางบกมีถนนลาดยางถึงวัด |
เป็นวัดหลวงเก่าแก่ โบสถ์เก่าแก่
มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม
และมีวัตถุมงคลล้ำค่า |
8 |
บึงหนองบางทอง
ม.4 ต.ลาดน้ำเค็ม
ถนนสายป่าโมก-ผักไห่ (ฝั่ง
ตะวันออก) เลี้ยวที่ชลประทาน |
เป็นบึงน้ำที่มีพันธุ์ไม้ต่าง ๆ มากมาย
ขึ้นรอบบึงร่มรื่น ในบึงปล่อยพันธุ์ปลา
ต่าง ๆ ไว้จำนวนมาก เหมาะแก่การ
พักผ่อน
|
9 |
ไร่นาสวนผสม บ.นาคูล่าง ต.นาคู
เดินทางไปได้เฉพาะทางรถยนต์
(มีรถประจำทางผ่าน) |
เป็นสถานที่ทำการเกษตรแบบผสม-
ผสาน และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการ
เกษตรของชาวบ้าน รวมทั้งเป็นที่
ศึกษาดูงานด้านการเกษตรแบบ
ผสมผสาน |
10 |
วัดโคกทอง
42 บ.กุฎี ต.กุฎี
การคมนาคมสะดวก มีถนน-
คอนกรีตถึงวัด |
เป็นวัดที่มีชื่อเสียง มีวัตถุมงคลล้ำค่า
สะอาด เงียบสงบ มีความสวยงามมาก
เวลาน่าน้ำจะเหมือนวัดลอยน้ำ สร้าง
ขึ้นตั้งแต่ประมาณ พ.ศ.2370 เดิมตั้ง
อยู่ห่างแม่น้ำน้อย บนเนินสูงซึ่งเป็นที่
เลี้ยงวัวควายของชาวบ้าน เรียกว่า
"โคก" เมื่อสร้างวัดขึ้นมาเรียกว่า
"วัดโคกทอง" มีกุฏิสงฆ์เป็นอาคารไม้
ทรงไทยเสาคอนกรีตเสริมเหล็ก 18
หลัง พระประธานในอุโบสถเป็นพระ-
พุทธชินราชจำลอง มีเจดีย์ที่สร้างมา
นานกว่า 100 ปี
|
อำเภอพระนครศรีอยุธยา
ที่ |
สถานที่
/ ที่ตั้ง |
สภาพ |
1 |
วัดพระศรีสรรเพชญ์ |
เป็นวัดสำคัญที่อยในู่พระราชวัง-
หลวงสมัยกรุงศรีอยุธยา
เช่นเดียว
กับวัดพระศรีรัตนศาสดารามที่
กรุงเทพฯ
ในสมัยสมเด็จพระรามา-
ธิบดีที่ 1
ใช้เป็นที่ประทับ
ต่อมาใน
สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรง
สร้างพระราชมณเฑียรขึ้นใหม่
แล้ว
โปรดยกให้เป็นเขตพุทธาวาส จึง
เป็นวัดในเขตพระราชวังไม่มี
พระสงฆ์ |
2 |
วิหารพระมงคลบพิตร |
พระมงคลบพิตร
เป็นพระพุทธรูป
สัมฤทธิ์องค์ใหญ่องค์หนึ่งใน
ประเทศไทย
พระมงคลบพิตรนี้
แต่เดิมอยู่ทางทิศตะวันออกนอก-
พระราชวัง
สมเด็จพระเจ้า-
ทรงธรรมโปรดให้ชะลอมาไว้ทาง
ด้านทิศตะวันตก
และโปรดให้ก่อ
มณฑปสวมไว้
ครั้นถึงแผ่นดิน
สมเด็จพระเจ้าเสือยอดมณฑปเกิด
ไฟไหม้เพราะอสุนีบาต
ทำให้
พระศอของพระมงคลบพิตรหักลง
จึงโปรดให้ก่อสร้างใหม่เป็นมหา-
วิหารแทน
ต่อมาเมื่อเสียกรุงครั้งที่
2
วิหารพระมงคลบพิตรถูกไฟไหม้
อีก
การปฏิสังขรณ์พระวิหารและ
องค์พระพุทธรูปใหม่
ฝีมือไม่งดงาม
อ่อนช้อยเหมือนของเก่า
|
3 |
พระที่นั่งพเนียด
ต.สวนพริก |
เป็นที่ประทับทอดพระเนตรการ
คล้องช้าง
ลักษณะเป็นคอกล้อมด้วย
ซุงทั้งต้น
มีปีกกาแยกเป็นรั้วสอง-
ข้าง
รอบคอกพเนียดเป็นกำแพงดิน
ประกอบอิฐสูงเสมอยอดจั่ว
ด้านหลัง
คอกตรงข้ามแนวปีกกาเป็น
พลับพลาที่ประทับ
บูรณะเมื่อ พ.ศ.
2500 |
4 |
วัดพระราม |
อยู่นอกเขตพระราชวังไปทางด้าน
ทิศตะวันออก
สมเด็จพระราเมศวร
ทรงสร้างขึ้นตรงที่ถวายพระเพลิง
พระบรมศพสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง
พระราชบิดา
วัดนี้มีบึงใหญ่อยู่หน้า
วัดเดิมเรียกว่าหนองโสน
ต่อมา
เปลี่ยนชื่อเป็นบึงพระราม
ปัจจุบัน
คือสวนสาธารณะบึงพระราม |
5 |
วัดไชยวัฒนาราม
อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก
ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามเกาะเมือง
(ฝั่ง
เดียวกับวัดพุทไธสวรรค์)
อยู่ใน
เขตพื้นที่ ศรช.บ้านป้อม |
พระเจ้าปราสาททองโปรดให้สร้าง
ขึ้น
ปัจจุบันเป็นวัดร้างแต่ยังมีพระ-
ปรางค์ใหญ่และเจดีย์รายตามมุมคง
เหลืออยู่
รูปทรงยังสมบูรณ์ดีเป็น
ส่วนมาก |
6 |
วัดภูเขาทอง
อยู่ใกล้ทางหลวงหมายเลข
39
(เส้นทางไปจังหวัดอ่างทอง)
ใน
เขตพื้นที่ ศรช.ภูเขาทอง |
ตั้งอยู่ห่างจากพระราชวังหลวงไป
ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ประมาณ 2 กิโลเมตร
สร้างใน พ.ศ.
1930
สมัยสมเด็จพระราเมศวร |
อำเภอมหาราช
ที่ |
สถานที่
/ ที่ตั้ง |
สภาพ |
1 |
ตำบลเจ้าปุก
|
|
|
-
พระตำหนักเจ้าปลุก
บ.กลาง ม.4 ต.เจ้าปลุก
|
ปัจจุบันเรียกว่า
"วัดหน้าวัว" (ร้าง)
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นต้นรัชกาล
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
พร้อม ๆ
กับที่โปรดให้ปฏิสังขร
เมืองลพบุรีเป็นราชธานีสำรอง
โดย
สร้างเป็นพระตำหนักประทับร้อน
กลางทางเวลาเสด็จพระราชดำเนิน
จากพระนครศรีอยุธยาไปเมือง-
ลพบุรี |
|
-
ปลาเผาเจ้าปลุก
สี่แยกถนนโพธิ์พระยา-ท่าเรือ
ตัดกับถนนบางปะหัน-ลพบุรี
เขต ต.เจ้าปลุก |
เป็นร้านอาหารที่สำคัญบริเวณตำบล
เจ้าปลุก มี 4 ร้าน
คือ แดงปลาเผา,
เจ้าปลุก 1, 2, 3
อาหารอร่อยขึ้นชื่อ
คือปลาช่อนเผา
ราคาถูก |
|
-
ปลาเค็มแดดเดียว
แหล่งผลิตบริเวณหนองหม้อ
อยู่สี่แยกเจ้าปลุกไปทางทิศ-
ตะวันตก
ตามถนนโพธิ์พระยา
-ท่าเรือ ประมาณ 500
เมตร |
มีปลาช่อน
ปลาตะเพียน
ปลาเนื้ออ่อน
ปลาสลิด
รวมทั้งปลาย่างที่เรียกว่า
ปลากรอบ
ปลาสวายย่าง
ปลาช่อนย่าง
มีหัวน้ำปลาและผลิตภัณฑ์อื่น
ๆ อีก
มาก
แวะซื้อหาเป็นของฝากได้ |
|
-
น้ำปลาชาวบ้าน
แหล่งทำอยู่ที่บ้านหนองหม้อ
บ้านขวาง
บ้านเจ้าปลุก
และที่
โรงงานผลิตน้ำปลาตำบลหัวไผ่ |
ได้จากปลาตัวเล็ก
ๆ เช่นปลาสร้อย
ปลากระดี่
นำมาหมักเกลือทำให้ได้
น้ำปลามีคุณภาพเพราะทำจากปลา
จริง ๆ
ไม่มีส่วนผสมอื่นเจือปน |
|
-
มะตูมเชื่อม
แหล่งผลิตและจำหน่ายอยู่ที่
บริเวณสี่แยกเจ้าปลุก
|
หอมหวานน่ารับประทาน |
2 |
ผ้าฝ้ายทอ
โรงเรียนวัดน้ำเต้า
|
โครงการของสมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนารถ
ที่โรงเรียนวัด-
น้ำเต้าทำการทอผ้าส่งไปจำหน่ายใน
พระราชวังสวนจิตรลดา
|
3 |
เครื่องจักสาน
อยู่ริมถนนสายเอเชีย
กรุงเทพฯ-
นครสวรรค์
อยู่ระหว่างตำบล-
บ้านขวางกับท่าตอ |
เป็นของดีของฝากอีกอย่างหนึ่ง
เช่น
ฝาชี ตะกร้า งอบ
สุ่มไก่ และอื่น ๆ
ที่จอดรถสะดวก |
อำเภอเสนา
ที่ |
สถานที่
/ ที่ตั้ง |
สภาพ |
1 |
เทศบาลตำบลเจ้าเจ็ด
เส้นทางถนนลาดยางห่างจาก
อำเภอเสนาประมาณ 5
กิโลเมตร
|
แหล่งน่าชม
- วัดเจ้าเจ็ดใน
วัดเจ้าเจ็ดนอก
วัด-
กลางคลองวัฒนาราม
บ้าน-
ทรงไทย บ้านสมัย
ร.5 พลับพลา-
ใจสมาน
อาหาร
-
ก๋วยเตี๋ยวป้าปุ๊
ป้าแป๊ะ
อาชีพ
- เกษตรกรรม
เจียรไนพลอย
เลี้ยง-
ปลาคร้าฟ
ผลิตปุ๋ย
สานกระเป๋า
ด้วยผักตบชวา
ประเพณีวัฒนธรรมวิถีชีวิตไทย
-
แห่เรือพระพุทธเกษตรวัดเจ้าเจ็ด-
ใน
งานประเพณีทำบุญตักบาตร-
ปีใหม่
งานประเพณีสงกรานต์
งานประเพณีลอยกระทง
กำหนดการท่องเที่ยวเชิง-
อนุรักษ์บ้านทรงไทยสองฝั่ง
คลองเจ้าเจ็ด
- ลงเรือที่ท่าเรือเทศบาลตำบล-
เจ้าเจ็ด
ชมบ้านโบราณไทย-
สไตล์ยุโรปช่วงปลายรัชกาลที่
5
ต้นรัชกาลที่ 6
ชมการเจียรไน
พลอยอุตสาหกรรมในครัวเรือน
ของชุมชนบ้านแถว
นมัสการ-
หลวงพ่อพระพุทธเกษร
พระพุทธ-
รูปศักดิ์สิทธิ์ที่หล่อด้วยเกษร
ดอกไม้ ณ
วัดเจ้าเจ็ดใน ชม
สะพานแขวนที่ชาวบ้านร่วมใจกัน
สร้างอายุนับ 100
ปี ชมธรรมชาติ
สองฝั่งคลองถึงคุ้งโพล้เพล้สถาน
ที่สำคัญที่รัชการที่
6 เคยเสด็จ
ค้างแรม
นมัสการหลวงพ่อโป-
ชมเจดีย์เก่าวัดกลางคลองวัฒนา-
รามซึ่งเป็นวัดที่ได้รับรางวัลชนะ
การประกวดเมืองที่มีเอกลักษณ์
และชมบ้านทรงไทยที่ได้รับ
รางวัล
ล่องเรือชมทิวทัศน์ถึง
ประตูน้ำเจ้าเจ็ด
|
อำเภออุทัย
ที่ |
สถานที่
/ ที่ตั้ง |
สภาพ |
1 |
วัดสะแก
ม.7 ต.ธนู |
นมัสการหลวงปู่ดู่
และชมอุทยาน-
ปลาธรรมชาติ |
2 |
วัดโกโรโกโส
ม.6 ต.ข้าวเม่า |
นมัสการหลวงพ่อแก้ว |
3 |
วัดจำปา
ม.1 ต.อุทัย |
นมัสการหลวงพ่อหิน |
4 |
อนุสรณ์สถานพระเจ้าตากสิน
ม.2 ต.โพสาวหาญ |
|
5 |
วัดโตนดเตี้ย
ต.อุทัย |
ชมอุทยานปลาธรรมชาติ |
วัดพระศรีสรรเพชญ์
อำเภอพระนครศรีอยุธยา
วัดพระศรีสรรเพชญ์สร้างอยู่บนพื้นที่ซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง
มาตั้งแต่รัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่
1 (พระเจ้าอู่ทอง)
ครั้นถึงแผ่นดิน
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
พ.ศ. 1991
ทรงถวายที่นั้นเป็นพุทธาวาส
ลักษณะเด่นของวัดคือ
พระเจดีย์ใหญ่ 3 องค์
ตั้งเป็นประธานของวัด
ซึ่งเป็นที่
บรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่
3
และสมเด็จพระรามาธิบดีที่
2
ตลอดระยะเวลาของราชอาณาจักรอยุธยา
วัดพระศรีสรรเพชญ์เป็นวัดใน
พระราชวังหลวงที่ใช้ประกอบพระราชพิธีสำคัญ
เช่น
พระราชพิธีถือน้ำ-
พิพัฒน์สัตยา ฯลฯ
เป็นที่ทรงศีลของพระมหากษัตริย์
และเป็นที่เก็บพระบรม-
อัฐิพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศ์
วัดนี้ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา
จะนิมนต์
พระสงฆ์เข้ามาเป็นครั้งคราว
เมื่อมีการประกอบพระราชพิธี
วิหารพระมงคลบพิตร
อำเภอพระนครศรีอยุธยา
พระมงคลบพิตรเป็นพระพุทธรูปอิฐบุทองสัมฤทธิ์
สีดำตลอดองค์เพราะ
เคลือบรักไว้
สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระไชยราชา
ราว พ.ศ.2081
สำหรับเป็นพระพุทธรูปประจำวัดซีเซียง
ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง
ต่อมาใน
สมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
ทรงโปรดเกล้าฯให้ชะลอพระมงคลบพิตรมาไว้
ทางตะวันตกเฉียงใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์
และสร้างมณฑปครอบไว้
ครั้นแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือ
เกิดฟ้าผ่าเครื่องมณฑปพังลงมาต้องพระศอ
หัก
ก็โปรดเกล้าฯให้รื้อซากมณฑปสร้างใหม่และซ่อมพระศอให้เหมือนเดิม
จนเมื่อ พ.ศ. 2310
เสียกรุงศรีอยุธยา
วิหารพระมงคลบพิตรถูกไฟไหม้
ทรุดโทรม
พระเมาฬีและพระกรขวาหัก
ในรัชสมัยรัชกาลที่
5
พระยาโบราณราชธานินทร์
ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง
สมุหเทศาภิบาลมณฑลอยุธยา
ได้ซ่อมองค์พระด้วยปูนปั้น
และในปี พ.ศ.
2535
ได้มีการลงรักปิดทองพระมงคลบพิตรทั้งองค์
นับเป็นพระพุทธรูปปาง
มารวิชัยที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทย
พระที่นั่งเพนียด
ตำบลสวนพริก
อำเภอพระนครศรีอยุธยา
พระที่นั่งองค์นี้
เป็นที่สำหรับพระราชาธิบดีประทับทอดพระเนตรการจับ
ช้างเถื่อนในเพนียด
ซึ่งนำมาใช้ประโยชน์ในราชการทั้งในเวลาปกติและใน
เวลาสงคราม
การจับช้างเถื่อนนี้
ถ้าหากว่ามีแขกเมืองเข้ามาในฤดูที่พอจะจับได้แล้ว
พระราชาธิบดีมักจะโปรดให้ทำพิธีจับช้างให้แขกเมืองชมทุกคราวไป
ดังเช่น
ปรากฏในจดหมายเหตุของเชวาเลีย
เดอโชมองต์
ราชทูตฝรั่งเศสที่เข้ามาใน
แผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ว่าสมเด็จพระนารายณ์โปรดให้ชมการ
จับช้างเถื่อนที่เพนียดเมืองลพบุรีครั้งหนึ่ง
ในรัชกาลที่ 5
ซึ่งเป็นรัชกาล
สุดท้ายที่พระราชาธิบดีแห่งประเทศไทยโปรดให้มีการจับช้างเถื่อน
ก็ยัง
ปรากฏว่าได้ทรงโปรดให้จับช้างกลางแปลงที่เพนียดตำบลทะเลหญ้า
ให้
พระเจ้าชาร์นิโคลาสที่
2
ทอดพระเนตรครั้งหนึ่ง
ให้กับแกรนดุ๊กบอริสวลาดิมิ
โรวิตซ์ แห่งรุสเซีย
ทอดพระเนตรอีกครั้งหนึ่ง
เดิมตั้งแต่แรกสร้างกรุงศรีอยุธยาลงมาจนถึงแผ่นดินสมเด็จ
พระมหาจักรพรรดิ
กำแพงพระนครด้านตะวันออกเฉียงเหนืออยู่พ้นวัด
เสนาสนารามเข้าไป
เพนียดคล้องช้างอยู่ที่วัดซอง
ซึ่งเป็นที่ว่าการอำเภอ
กรุงเก่าในปัจจุบันนี้
ต่อมา พ.ศ. 2123
พระมหาธรรมราชาได้ขยายกำแพง
พระนครด้านนี้ออกไปจนถึงริมแม่น้ำ
เพนียดคล้องช้างอยู่ในกำแพงพระนคร
ไม่สะดวกแก่การจับช้าง
จึงได้ย้ายไปอยู่ที่ตำบลทะเลหญ้า
(ปัจจุบันเรียก
ตำบลสวนพริก)
ซึ่งอยู่ข้างวัดบรมวงศ์ในปัจจับันนี้
แต่พระที่นั่งเพนียด
ของเดิมซึ่งสร้างครั้งแผ่นดินสมเด็จพระธรรมราชานั้นถูกพม่าเผาเมื่อเสีย
กรุงศรีอยุธยาครั้งหลัง
ใน พ.ศ. 2310
พระที่นั่งเพนียด
และตัวเพนียด
ที่ยังคงเหลือซากอยู่ในปัจจุบันนี้
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกโปรดให้ซ่อมครั้งหนึ่ง
ต่อมา
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดให้กรมหลวงเทพพลภักดิ์เป็น
แม่กองออกไปซ่อมอีกครั้งหนึ่ง
ถึงรัชกาลที่ 5
พระที่นั่งนี้ชำรุดจึงโปรดให้
ซ่อมอีกครั้ง
วัดพระราม
อำเภอพระนครศรีอยุธยา
สมเด็จพระราเมศวร
โปรดเกล้าฯ
ให้สถาปนาวัดพระรามขึ้นตรงบริเวณที่
ถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระรามาธิบดีที่
1 (พระเจ้าอู่ทอง)
ซึ่งเป็น
พระราชบิดา เมื่อ พ.ศ.
1912
ต่อมาได้มีการปฏิสังขรณ์วัดนี้ในสมัยสมเด็จ
พระบรมไตรโลกนาถ
และอีกครั้งหนึ่งในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่จึงเป็นฝีมือช่างสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ในปัจจุบัน
วัดพระรามอยู่ติดกับบึงพระรามซึ่งเดิมเรียกว่าหนองโสน
ใกล้กับ
พระอนุสาวรีย์สมเด็จพระรามาธิบดีที่
1 (พระเจ้าอู่ทอง)
และอยู่ทางทิศ
ตะวันออกของวิหารพระมงคลบพิตร
ภายในวัดยังปรากฏซากวิหารใหญ่
องค์พระปรางค์ที่มีระเบียงโอบล้อม
มีพระพุทธรูปศิลาปรักหักพังตั้งเรียงราย
โดยรอบ
และมีพระอุโบสถอยู่ทางทิศเหนือ
วัดไชยวัฒนาราม
อำเภอพระนครศรีอยุธยา
สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง
ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้างวัดไชยวัฒนารามขึ้นใน
ปี พ.ศ. 2173
เพื่ออุทิศถวายให้เป็นอนุสรณฺสถาน
ณ บ้านเดิมของพระราช
มารดา
และเพื่อเฉลิมพระเกียรติในการเสด็จขึ้นครองราชย์
ด้วยทรงมี
พระราชนิยมศิลปะแบบขอม
วัดนี้จึงมีสถาปัตยกรรมรูปปรางค์
ประกอบด้วย
พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาติเป็นองค์ประธานสูงเด่นอยู่ท่ามกลางปรางค์ทิศ
และปรางค์รายทั้ง 8
ทิศ
สันนิษฐานว่าแต่เดิมในคูหาปรางค์ประธานเป็นที่
ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุหรือสิ่งอันควรบูชาอื่น
ๆ
พระอุโบสถอยู่ทางด้านตะวันออกของพระปรางค์
มีซากพระประธานเป็น
พระพุทธรูปปางมารวิชัยสร้างด้วยหินทราย
และที่ฐานประทักษิณด้าน
ทิศเหนือ
มีฐานรากของเจดีย์ 3
องค์ตั้งเรียงกัน
สันนิษฐานว่าเป็นที่บรรจุพระ
อัฐิเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร
(เจ้าฟ้ากุ้ง
รัตนกวีแห่งกรุงศรีอยุธยา)
เจ้าฟ้าสังวาลย์
และเจ้าฟ้านิ่ม
พระสนมเอกในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
วัดภูเขาทอง
ตำบลภูเขาทอง
อำเภอพระนครศรีอยุธยา
สมเด็จพระราเมศวร
ทรงโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างวัดภูเขาทองเมื่อ
พ.ศ. 1930
ณ
ทุ่งฝั่งตะวันออกทางด้านเหนือ
ห่างจากพระราชวังไปประมาณ
2 กิโลเมตร
ต่อมาใน พ.ศ. 2112
พระเจ้าหงสาวดีมีชัยชนะต่อกรุงศรีอยุธยา
จึง
โปรดเกล้าฯ
ให้สร้างเจดีย์ใหญ่ขึ้นที่วัดนี้
เพื่อเฉลิมพระเกียรติ
ครั้นรัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ทรงโปรดเกล้าฯ
ให้ปฏิสังขรณ์พระอาราม
และพระเจดีย์ใหญ่ซึ่งหักพังลงมาก่อนหน้าแล้ว
แต่ทรงให้เปลี่ยนรูปเจดีย์
ของเดิม เป็นแบบไทย
คือตอนข้างบนถึงยอดทำเป็นรูปย่อเหลี่ยมไม้สิบสอง
วังมัจฉาวัดตึกคชหิรัญศรัทธาราม
ตำบลอมฤต อำเภอผักไห่
(ภาพจาก www.thaitambon.com)
เป็นวังปลาซึ่งอยู่ในบริเวณที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยว
เป็นจำนวนมากในวันหยุด เนื่องจากมีปลาหลายชนิดจำนวนมาก
เป็นบริเวณที่ปลาชะโดว่ายน้ำชนเรือที่ผ่านไปผ่านมา
โดยในแต่ละปีจะมีนักท่องมาเยี่ยมชมกว่า 20,000 คน
|