เหตุการณ์ก่อการร้ายสากลในประเทศไทย
ส่วนใหญ่เหตุการณ์ต่าง
ๆ
ที่เกิดขึ้น
เป็นการกระทำที่มุ่งร้ายต่อศัตรูของขบวนการก่อการร้ายต่าง
ๆ
โดยไทยมิได้เป็นเป้าหมายโดยตรง
หรือแม้แต่เป้าหมายไทยในต่างประเทศ
อย่างไรก็ดีเมื่อมีสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ
สถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศในไทยหลายชาติ
มักขอความคุ้มครองจากทางการไทยเพื่อเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
สำหรับเหตุการณ์การก่อการร้ายสากลที่สำคัญ
ๆ
เกี่ยวข้องกับประเทศไทย
มีดังนี้
๑.กรณียึดสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล
(๒๘-๓๐ ธ.ค.๒๕๑๕) กระทำโดยสมาชิกขบวนการก่อการร้ายปาเลสไตน์
อัลฟาตาห์
กลุ่ม BLACK SEPTEMBER
บุกเข้ายึดสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงเทพฯ
เมื่อ ๒๘ ธ.ค.๒๕๑๕
ซึ่งตรงกับวันสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
และจับกุมบุคคลที่อยู่ในสถานเอกอัครราชทูตไว้เป็นตัวประกัน
๖ คน
กับยื่นข้อเรียกร้องต่อทางการอิสราเอล
๓ ข้อ คือ
ให้ปล่อยเชลยศึกชาวอาหรับ
๓๕ คน
และนายเคโชโอกาโมโต
สมาชิกองทัพแดงญี่ปุ่น
(ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่อิสราเอลจับกุม)
รัฐบาลไทยได้เข้าทำการเจรจาต่อรอง
ผลปรากฎว่าผู้ก่อการร้ายยอมมอบอาวุธและปล่อยตัวประกัน
ฝ่ายไทยจัดเครื่องบินพิเศษนำออกไปยังกรุงไคโร
อียิปต์
ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
๒.การปล้นยึดเครื่องบินจากฟิลิปปินส์มาลงไทย
(๗-๑๓ เม.ย.๒๕๑๙) โดยผู้ก่อการร้ายขบวนการแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโร
(MORO NATIONAL LIBERATION FRONT OF MINDANAO)
๓ คน
ปล้นยึดเครื่องบินโดยสารภายในประเทศจากฟิลิปปินส์เพื่อไปลงยังลิเบีย
พร้อมด้วยผู้โดยสาร
๗๐ คน
เป็นตัวประกันยื่นข้อเรียกร้องคือให้รัฐบาลฟิลิปปินส์จ่ายเงินค่าไถ่จำนวน
๓๐๐,๐๐๐
เหรียญสหรัฐฯ
และให้เติมน้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องบินกับทั้งขอให้ปล่อยตัวนักโทษการเมือง
๒ คน
และผู้ต้องหาปล้นยึดเครื่องบินอีก
๒ คน
เครื่องบินดังกล่าวได้แวะลงไทยเมื่อ
๙-๑๒ เม.ย.๒๕๑๙
หลังจากทางการฟิลิปปินส์จัดเครื่องบินมาเปลี่ยนให้แล้ว
ได้เดินทางต่อไปยังลิเบียเมื่อ
๑๓ เม.ย.๒๕๑๙
โดยทางการลิเบียยินยอมให้ลี้ภัย
และปล่อยเครื่องบินกับตัวประกันทั้งหมดกับประเทศ
ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น
๓.การปล้นยึดเครื่องบินจากอินโดนีเซียมาลงไทย
(๒๘-๓๑
มี.ค.๒๕๒๔) ผู้ก่อการร้ายขบวนการคอมมานโดญิฮาด
(COMMANDO JIHAD MOVEMENT)
ของอินโดนีเซียจำนวน
๕ คน
ได้ปล้นยึดเครื่องบินโดยสารภายในประเทศเมื่อ
๒๘ มี.ค.๒๕๒๔
จากอินโดนีเซียเพื่อไปลงยังประเทศที่สาม
(ศรีลังกา)
และได้แวะลงที่กรุงเทพฯ
ในวันเดียวกัน
พร้อมทั้งยื่นข้อเรียกร้อง
๓ ข้อ
ต่อรัฐบาลอินโดนีเซียคือ
ขอให้ปล่อยนักโทษการเมือง
๘๔ คน
ให้ประณามรองประธานาธิบดีอาดัม
มาลิก และไม่ให้มีทหารอิสราเอลในกองทัพอินโดนีเซีย
ต่อมาเมื่อการเจรจาต่อรองกับผู้ก่อการร้ายไม่เป็นผลหน่วยจู่โจมอินโดนีเซีย
จึงเข้าทำการบุกยึดเครื่องบินคืนได้เมื่อ
๓๑ มี.ค.๒๕๒๔
โดยทางการไทยเป็นผู้ควบคุมปฏิบัติการ
ผลปรากฎว่าผู้ก่อการร้ายเสียชีวิต
๔ คน
ถูกจับกุมตัว
๑ คน เจ้าหน้าที่จู่โจมอินโดนีเซียเสียชีวิต
๑ คน
ผู้โดยสารปลอดภัย
เจ้าหน้าที่ประจำเครื่องบินเสียชีวิต
๑ คน
ครั้งนี้
นับเป็นครั้งแรก
ที่หน่วยปฏิบัตการพิเศษ
กองร้อยปฏิบัติการพิเศษ
ของ ทหารอากาศหรือ
คอมมานโดได้ทำงานในการชิงตัวประกัน
ร่วม กับ
กรมรบพิเศษที่
5 ของอินโดนีเซีย
๔.กรณีระเบิดบริษัท
เอ.อี.นานา (๒
ธ.ค.๒๕๒๕) ได้มีผู้นำระเบิดซ่อนไว้ในกระเป๋าเอกสารทิ้งไว้ในสำนักงานบริษัท
เอ.อี.นานา ซึ่งเคยเป็นที่ทำการสถานกงสุลกิตติมาศักดิ์อิรักประจำกรุงเทพฯ
และได้เกิดระเบิดขึ้นขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามจะนำกระเป๋าออกจากตัวอาคาร
ทำให้อาคารของบริษัท
เอ.อี.นานา
พังถล่มลงมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยเสียชีวิต
๑ คน บาดเจ็บ
๑๗ คน
ต่อมาเมื่อ ๓
ธ.ค.๒๕๒๕
ได้มีโทรศัพท์ไปยังสำนักข่าว
AFP
ในกรุงปารีส
อ้างว่าขบวนการปฏิบัติการอิสลามแห่ง
อิรัก (IRAQI ISLAMIC ACTION ORGANIZATION)
เป็นผู้วางระเบิด
เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวเป็นตัวแทนในการรักษาผลประโยชน์ของอิรักในไทย
๕
การปล้นยึดเครื่องบินจากไทยไปลงแอลจีเรีย (๕-๒๐
เม.ย.๒๕๓๑)
ผู้ก่อการร้ายซึ่งเชื่อว่าเป็นสมาชิกขบวนการฮิชบอลลาห์
(HIZBALLAH) จำนวน ๖-๘ คน
ได้ปล้นยึดเครื่องบินโดยสารของสายการบินคูเวตจากกรุงเทพฯ
ไปลงในเมืองมาชาตในอิหร่านเมื่อ
๕-๘ เม.ย.๒๕๓๑
พร้อมด้วยผู้โดยสารและลูกเรือ
๑๑๒ คน
รวมทั้งเชื้อพระวงศ์ของคูเวต
๓ คน เป็นตัวประกันกับเรียกร้องให้รัฐบาลคูเวตปล่อยตัวนักโทษชาวมุสลิมชีอะห์
๑๗ คน ที่ถูกคุมขังอยู่ในคูเวตข้อหาขับรถยนต์บรรทุกระเบิดพุ่งเข้าชนสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา
และวางระเบิดสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสรวมทั้งเป้าหมายอื่น
ๆ อีก ๔ แห่ง
ในคูเวตเมื่อ
๑๒ ธ.ค.๒๕๒๖
เมื่อการเจรจาต่อรองไม่เป็นผล
ผู้ก่อการร้ายจึงนำเครื่องบินออกจากอิหร่านไปลงที่ไซปรัสเมื่อ
๘-๑๒ เม.ย.๒๕๓๑
และที่แอลจีเรียเมื่อ
๑๒-๒๐ เม.ย.๒๕๓๑
หลังจากที่ทางการแอลจีเรียจัดเครื่องบินพิเศษนำออกไปยังกรุงเบรุต
เลบานอน
มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้
๒ คน
เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคูเวต
๖.การลอบสังหารเลขานุการตรี
สอท.ซาอุดิอาระเบีย
เมื่อ ๔
ม.ค.๒๕๓๒ คนร้ายลอบสังหารนาย
SALEH AL-MALIKI เลขานุการตรี
สอท.ซาอุดิอาระเบีย/กท.
ที่ ซ.พิพัฒน์
๑
บริเวณหน้าบริษัทกิจเจริญอินเตอร์เนชั่นแนล
จำกัด
ถ.สาธรใต้
เขตบางรัก กท.
ใช้อาวุธปืน
๖.๓๕ มม.
ซึ่งกลุ่ม THE SOLDIERS OF
JUSTICE (TRUTH) กับกลุ่ม
ISLAMIC JIHAD
อ้างความรับผิดชอบ
ซึ่งเคยปรากฏข่าวสารว่ากลุ่มอาบูนิดาล
(ABU NIDHAL ORGANIZATION/ANO)
อาจเป็นผู้กระทำ
เพราะห้วงปี
๒๕๓๑-๓๒ กลุ่ม
ANO
ได้ใช้ชื่อในการปฏิบัติการว่า
SOLDIERS OF TRUTH
ในการปฏิบัติการในประเทศต่าง
ๆ หลายครั้ง
๗.นักศึกษาพม่าจี้เครื่องบินมาลงที่อู่ตะเภา๖
ต.ค.๓๒ นักศึกษาพม่า
๒ คน
จี้เครื่องบินของสายการบินพม่า
ซึ่งบินจากเมืองมะริดมาลงที่อู่ตะเภา
จ.ระยอง เมื่อ
๖ ต.ค.๓๒ เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า
ต่อมา พล.อ.เทียนชัย
สิริสัมพันธ์
รอง นรม.
ในขณะนั้นได้เจรจาต่อรองในที่สุดผู้ต้องหายอมมอบตัว
๘. นักศึกษาพม่าจี้เครื่องบินสายการบินไทย นักศึกษาพม่า
๒ คน
จี้เครื่องบินของสายการบินไทย
เส้นทาง
กท.-ย่างกุ้ง
ออกจาก
กท.ไปลงที่เมืองกัลกัตตาในอินเดียเมื่อ
๑๐ พ.ย.๓๒
เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า
และให้ปล่อยนักโทษการเมือง
วันต่อมาได้ยอมจำนนกับทางการอินเดีย
๙
คนร้ายขับรถบรรทุกระเบิด
C-๔ เมื่อ ๑๑
มี.ค.๓๗ คนร้ายขับรถบรรทุก
๖ ล้อ
บรรทุกระเบิดแสวงเครื่องขนาดใหญ่อยู่ในแท้งค์น้ำ
ประกอบด้วย แอมโมเนียไนเตรด,
ระเบิดซี ๔
ขนาด ๒ ปอนด์
๒ ลูก,
เชื้อปะทุ ๑๐
ดอก
และแท่งดินระเบิดซี
๔ ขนาด ๑/๔
ปอนด์ ๓ แห่ง,
มีเชื้อปะทุ
๖ ดอก ขณะคนร้ายขับรถออกจากที่จอดห้างเซ็นทรัล
และเลี้ยวซ้ายมุ่งไปทางสี่แยกเพลินจิต-ชิดลม
ได้ประสบอุบัติเหตุชนกับรถ
จยย.
และคนร้ายได้หลบหนีไป
ต่อมา
ตำรวจจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่านได้
๑ คน
ส่งฟ้องศาล
แต่ในที่สุดศาลฎีกาได้กลับคำพิพากษาให้ยกฟ้อง
เมื่อ ๑๘
ก.พ.๔๑
๑๐
นักศึกษาหัวรุนแรงพม่ายึดสถานเอกอัครราชทูตพม่า
เมื่อ ๑ ต.ค. ๔๒ ตรงกับวันที่
นายวิลเลี่ยม
โคเฮน รมต.กลาโหมสหรัฐเดินทางมาเยือนไทย
นักศึกษาพม่า
๕
คนได้บุกเข้ายึดสถานเอกอัครราชทูตพม่าประจำประเทศไทย
และจับกุมตัวประกันไว้กว่า
๓๐ คน
พร้อมกับยื่นข้อเรียกร้อง
๓ ข้อต่อรัฐบาลพม่า
คือ (๑)
ปล่อยตัวนักโทษการเมืองทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข
(๒)
เปิดการเจรจากับคณะกรรมมาธิการสภาผู้แทนประชาชน
(๓)
ร่วมมือกับสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนจัดตั้งรัฐบาลผสม
ผลปรากฎว่า
รัฐบาลไทยจัดเฮลิคอปเตอร์
กับตัวประกันสำคัญ
คือ ม.ร.ว.
สุขุมพันธ์
บริพัตร
รมช.ต่างประเทศไปส่งลงบริเวณพื้นที่บ้านแม่เพี้ยเล็ก
ซึ่งเป็นพื้นที่อิทธิพลของกะเหรี่ยงเคเอ็นยู
หรือกะเหรี่ยงคริสต์
ไม่มีการสูญเลือดเนื้อใดๆ
ผบ.เหตุการณ์ขณะนั้นคือ พล.ต.สนั่น ขจรประสาท โดยตั้ง บก.เหตุการณ์ที่ ตึกของบริษัท บายเออร์
เหตุการณ์นักศึกษาพม่าบุกยึดสถานฑูตพม่าประจำประเทศไทย
สรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังนี้
ห้วงเวลา : 1-2 ตุลาคม
2542
เงื่อนไข : กลุ่มก่อการร้ายเรียกร้องต่อรัฐบาลพม่า
คือ
1.
ปล่อยนักโทษการเมืองทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข
2.
เปิดการเจรจากับคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนประชาชน
3.
ร่วมมือกับสมาชิกสภาผู้แทนประชาชนจัดตั้งรัฐบาลผสม
หากว่ารัฐบาลทหารพม่า
ไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้อง
จะไม่รับผิดชอบต่อการกระทำทุกอย่าง
บทเรียนจากการปฏิบัติการ
1. การตั้ง
บก.เหตุหารณ์ที่ติด
ที่หมายมากเกินไป
2. ขาดการควบคุม
และการจัดการที่..ไม่มีการกั้นเขตวงรอบ
เจ้าหน้าที่
ตร.ท้องที่ขาดความรู้
ในการดำเนินการ
3. ขาดการประสานงานและการทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวสาร
4. ผบ.เหตุการณ์ไม่มีความรู้
ในการปกิบัติการ
ของ นปพ.
และความเข้าใจในสถานการณ์เพียงพอ
๑๑
กองกำลังทหารกะเหรี่ยง
กลุ่ม
"ก็อดอาร์มี่"
ยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี
เมื่อ ๒๔-๒๕
ม.ค. ๔๓ ทหารกะเหรี่ยง
กลุ่ม
"ก็อดอาร์มี่"
๑๐ คนได้บุกเข้ายึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี
อ.เมือง
จังหวัดราชบุรี
และได้จับกุมตัวประกัน
ซึ่งมีทั้งคนไข้
แพทย์และพยาบาล
พร้อมยื่นข้อต่อรองให้รัฐบาลทหารพม่ายุติการปราบปรามชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนไทย-พม่า
รัฐบาลไทยได้จัดการขั้นเด็ดขาด
โดยการสนธิกำลังหน่วยต่อต้านการก่อการร้ายสากลระหว่างทหารและตำรวจ
เข้าช่วยเหลือตัวประกัน
ผลปรากฏว่า
ตัวประกันปลอดภัย
หน่วยต่อต้านการก่อการร้ายสากลได้รับบาดเจ็บ
๘ นาย ผู้ก่อการร้าย
๑๐
คนเสียชีวิตทั้งหมด
เหตุการณ์กองกำลังทหารกะเหรี่ยง
กลุ่มก็อตอามี่
บุกยึดโรงพยาบาลราชบุรี
ห้วงเวลา : 24-25
มกราคม 2543
เงื่อนไข : กลุ่มก่อการร้ายเรียกร้องต่อรัฐบาลพม่า
คือ
ให้รัฐบาลพม่ายุติการปราบปรามชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดน
ไทย - พม่า
สิ่งที่ได้จากการปฏิบัติ
·
พิมพ์เขียวสถานที่สำคัญควร
มีการรวบและปรับปรุงให้ทันสมัย
·
เหตุการณ์
นี้ทำให้รัฐบาลมองเห็นความสำคัญของการมีหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่มีตุณ
ภาพ
ซึ่งก่อนหน้านี้หน่วยรองได้ของบประมาณในการปรุงและ
การฝึก
แต่ขาดความเอาใจใส่การหน่วยงานระดับสูงเท่าทีควร
มีการตีดทอนงบประมาณเป็นจำนวนมากไปใข้ประโยชน์ในด้านอื่น
·
เครื่องแต่งกายในการปฏิบัติและอุปกรณ์ได้รับการอรุมิติงบประมาณในการจัดซื้อ
หลังจากการปฏิบัติการครั้งนี้
------------------------