ลำดับการต่อสู้กับมือกฎหมายของผู้ค้ายาเสพติด” นายสุภาพ”  

       เป็นเรื่องธรรมดา ของ ระบบยุติธรรมที่ต้องให้โอกาส กับผู้ต้องหาในการต่อสู้ในชั้นศาล และในทุกวันนี้ คนมีความรู้มากขึ้น การต่อสู้ในแง่มุมของกฎหมายมีมากขึ้น การใช้อิทธิพล อำนาจมืด อำนาจสว่าง แนวร่วมจากฝ่ายการเมือง การใช้สื่อมวล ชน การใช้ แนวความคิดด้านสิทธิมนุษยชน เข้ามาปกป้องตนเองให้พ้นจากมือกกหมายมีมากขึ้น     หลายครั้งที่เจ้าหน้าที่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ  ในบ้านเราโชคยังดีที่ การต่อสู้จำกัดอยู่แค่การใช้เทคนิคทางกกหมาย หรือการใช้สื่อ ไม่เหมือนกับ ประเทศ ทางอเมริกาใต้ ที่ทางฝ่ายผู้ค้า มีขนาดถึงกองทัพของตนเอง มีเครื่องบิน     การลอบสังหารเจ้าหน้าที่เป็นเรื่องปกติ ....แต่ใครจะรู้ว่าไอ้การใช้อำนาจสว่าง การต่อสู้ด้วยกฎหมายนี่มันน่ากลัวกว่ามาก อาจจะไม่ถึงตาย แต่ คนที่โดนรู้ดีว่ามันยิ่งกว่าตายทั้งเป็น ที่ในบางครั้งคนที่เขาสืบมาจนรู้ว่าทำชั่วอะไรมา กลับเข้ามอยู่ในที่ที่ ไม่มีใครทำอะไรได้    

  เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ยังไม่รู้จุดจบ...การต่อสู้ในลักษณะนี้คงจะมีตามมาเรื่อยๆ และพระเอกก็ไม่ได้ชนะเสมอไป                                                       

ยกแรก ของการต่อสู้

15 1500 มี.ค46  นายสุภาพ สีแดง จัดแถลงข่าว ไม่เกี่ยวยาบ้าที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานเขตคลองเตย. หรือ "ภาพ 70 ไร่" ซึ่งเปลี่ยนชื่อเป็น นายสยาม ทรัพย์วรสิทธิ์ ซึ่งมีข่าวพาดพิงว่ามีส่วนพัวพันกับยาเสพติด พร้อมด้วยนายสุนันท์ อึ้งทรงธรรม สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) นายสมเกียรติ สีแดง สมาชิกสภาเขต (ส.ข.) คลองเตย ซึ่งเป็นพี่ชายนายสุภาพ ได้ร่วมกับแถลงข่าวขอความเป็นธรรมกรณีที่ตกเป็นข่าวว่ามีส่วนพัวพันกับยาเสพติดในชุมชนคลองเตย โดยมีประชาชนในชุมชนคลองเตยกว่า 100 คนมาให้กำลังใจและร่วมฟังการแถลงข่าว

นายสุภาพ กล่าวว่า เขาเกิดและโตที่ชุมชนคลองเตย ไม่เคยถูกดำเนินคดีหรือมีความประพฤติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ในชุมชนก็ช่วยเหลืองานสังคมในชุมชน และประกอบอาชีพสุจริต เป็นเจ้าของบริษัททรัพย์ศักดิ์สิทธิ์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับการจัดไฟแนนซ์รถยนต์ รับจำนองและขายฝากที่ดิน ตั้งอยู่ที่ 1179/30-31 ซ.มโนรม ถ.พระราม 4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย รวมทั้งมีอาชีพส่วนตัวคือปล่อยเงินกู้ให้บุคคลต่างๆ ซึ่งทำมานานกว่า 15 ปีแล้ว

"ก่อนที่สื่อมวลชนจะลงข่าว ผมได้รับทราบข่าวมาว่ามีรายชื่อพัวพันเกี่ยวกับยาเสพติด จึงทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด เมื่อวันที่ 16 ก.ค. 2545 เพื่อสอบถามข้อมูลประวัติว่าตนมีรายชื่อดังกล่าวจริงหรือไม่ โดยระบุว่าพร้อมที่จะเข้าชี้แจงและให้ข้อมูลประวัติส่วนตัวเพื่อที่จะให้กระบวนการตรวจสอบดังกล่าวโปร่งใส และเป็นธรรม และได้มีหนังสือลงวันที่ 6 ส.ค. 2545 และเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2546 ทวงถามไปอีกครั้งและได้ติดตามสอบถามการตรวจสอบมาโดยตลอดแต่ก็ไม่ได้รับแจ้งผลการตรวจสอบเป็นทางการแต่อย่างใด" นายสุภาพ กล่าวและว่า การเสนอข่าวของสื่อมวลชนทำให้ผมและครอบครัวได้รับความเสียหายทั้งในด้านชื่อเสียงและธุรกิจที่ทำอยู่ ซึ่งไม่สามารถประมาณค่าเสียหายได้ และพร้อมที่จะให้สื่อมวลชนและองค์กรของรัฐที่เกี่ยวข้องตรวจสอบได้ตลอดเวลา พร้อมบอกว่า หากสื่อมวลชนยังเสนอข่าวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงและทำให้เสียหาย ก็จำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

ความเห็น  “ ตามปกติ รายชื่อในบัญชีดำจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ จนกว่าจะมีหลักฐาน การที่นาย สุภาพได้รับทราบข่าวก่อนแสดงว่า นาสุภาพอาจจะมี เจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่คอยให้ข้อมูลดังกล่าว .”  

แนวร่วมของกลุมผู้ค้ายา

นายสุนันท์ อึ้งทรงธรรม ส.ก.กรุงเทพฯ กล่าวว่า ตลอดเวลา 5 ปีที่นายสุภาพเป็นผู้ช่วยสมาชิกสภากรุงเทพฯ ก็เห็นได้ว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดโดยให้เขตคลองเตยเป็น 1 ใน 22 จุดอันตราย และบางครั้งงบประมาณการรณรงค์ต่อต้านยาเสพติดมีไม่พอ ก็ได้นายสุภาพให้ทุนทรัพย์ช่วยเหลือ รวมทั้งยืนยันว่า คนในชุมชนคลองเตยทราบดีว่านายสุภาพทำประโยชน์ให้กับชุมชนอย่างไร โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันยาเสพติด ทั้งเรื่องกีฬาและอื่นๆ จึงขอฝากไปยังผู้ที่รักษากฎหมายว่าอย่าโชว์ผลงานให้นายกรัฐมนตรีชอบใจ

"47 ล้านบาทที่นายกรัฐมนตรีหมดไปกับคลองเตยในช่วงสองปีกว่า ปัญหาก็เบาบางไปจริง แต่คิดว่าน่าจะได้ผลมากกว่านี้ อาจจะมีความขัดแย้งกันบ้างกับนายตำรวจ ถ้าอยากรู้ถามกับประธานชุมชนได้ บางเรื่องมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง 47 ล้านบาทก็ละลายหายไปด้วย และถ้าจะหาเรื่องกันเกี่ยวกับผลประโยชน์อื่นๆ นั้นก็ขอให้มีเวทีที่เป็นธรรมให้กับนายสุภาพด้วย" นายสุนันท์ กล่าว

ด้านนายสมเกียรติ สีแดง ส.ข.คลองเตย และพี่ชายของนายสุภาพ กล่าวว่า เขาเป็นสมาชิกสภาเขต 3 สมัย และเป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้งให้พรรคไทยรักไทย 3 สมัยเช่นกัน รวมทั้งเป็นประธานดื่มน้ำสาบานต้านยาเสพติด จึงไม่จำเป็นต้องยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ที่มีข่าวพยายามจะพาดพิงให้ได้ ก็เป็นความคลาดเคลื่อนกับความเป็นจริงและขอความเป็นธรรมด้วย และมองว่าอาจจะเป็นเพราะมีความขัดแย้งเรื่องการเมือง และเรื่องมวลชน ยิ่งใกล้เลือกตั้งก็จะโดนข้อหาเหล่านี้ตลอด แต่ครั้งนี้รุนแรงเกินกว่ารับได้

ความเห็น

เป็นเทคนิคพื้นฐานของ นักการเมืองที่จะต้องหาเวที เรียกร้องความเห็นใจ  โดยที่ลืมไปว่าจริงๆแล้วตามกฏหมายได้ให้โอกาสในการต่อสู้ในชั้นศาล และถือว่ายังไม่ผิดจนกว่าจะมีการตัดสิน

 

นอกจากนั้น นายสุภาพได้ยืนยันอีกครั้งว่า เขาไม่เคยรู้จักนางสมส่วน ศิริยิ่ง จึงแปลกใจมากที่ถูกโยงและซัดทอด รวมทั้งที่ว่ามีธุรกิจร่วมกับนายพลตำรวจก็ไม่เป็นความจริง บัญชีดำก็ยังไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่

260200มี.ค.46 มือกฏหมายเริ่มมีมั่นใจเพราะมี BACK ดี

พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช.ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ โชติมา ผู้บังคับการปราบปราบยาเสพติด 2 (ผบก.ปส.2) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองผู้บังคับการกองปราบปราบ (รองผบก.ป.) ได้นำกำลังตำรวจกองปราบปราม ร่วมกับตำรวจปราบปรามยาเสพติดทั้งในและนอกเครื่องแบบ พร้อมอาวุธครบมือและสวมเสื้อเกราะประมาณ 70 นาย เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 19 หมู่ 12 ซอยเฉลิมพระเกียรติ 30 แขวงดอกไม้ เขตสวนหลวง กทม. ซึ่งเป็นบ้านของ นายสยาม ทรัพย์วรสิทธิ์ อายุ 35 ปี หรือชื่อเดิมนายสุภาพ สีแดง ฉายา "ภาพ 70 ไร่" โดยบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านขนาดใหญ่ 2 ชั้น อยู่บนเนื้อที่ 1 ไร่เศษ บริเวณหน้าบ้าน และที่จอดรถพบรถเบนซ์ รุ่น อี 230 สีดำ ทะเบียน ฐอ 5546 กทม. รถโตโยต้า แกรนด์เวีย สีดำ ทะเบียน ฉพ 8000 กทม. และรถจี๊ป ทะเบียน 1บ 0056 กทม. จอดอยู่

เมื่อเข้าไปภายในตัวบ้าน พบว่าออกแบบตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์อย่างดี และมีห้องใต้ดินด้วย ภายในบ้านพบนายสยาม และ น.ส.ศยามล ศิริธนากร ภรรยาพร้อมบุตรสาว 2 คน และคนงานอีกประมาณ 10 คน รวมทั้งยังพบ ส.ต.ต.ดำรงชัย สร้อยสนธิ์ ตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ส.ต.ต.ปลื้มปิติ กมลมานิตย์ ผู้บังคับหมู่งานธุรการ สน.ทองหล่อ จึงได้ควบคุมตัวไว้เพื่อทำการสอบสวน ส่วนนายสยาม ตำรวจได้ตั้งข้อหาว่า สมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้กระทำความผิดตามที่สมคบกัน

ยึดทรัพย์เบื้องต้น 20 ล้านบาท

ต่อมาได้นำตัวนายสยาม เข้าตรวจค้นภายในบ้านพักอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่เจ้าหน้าที่ไม่พบว่ามียาเสพติดซุกซ่อนแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดทรัพย์สินในบ้าน ประกอบด้วย พระเครื่อง 54 องค์ สร้อยคอทองคำ จำนวน 4 เส้น แหวนทอง 3 วง แหวนเพชรเรือนทอง 7 วง แหวนเพชรเรือนเงิน 7 วง ตุ้มหูทอง 1 คู่ ตุ้มหูเงิน 3 คู่ และโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง

นอกจากนี้ยังมีนาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์ 8 เรือน นาฬิกายี่ห้อปาเท็ก ฟิลลิป 1 เรือน อาวุธปืนสั้นขนาด 9 มม.จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนขนาด .380 จำนวน 2 กระบอก และขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก เงินสด 1,000,000 บาทเศษ คอมพิวเตอร์ และเอกสารจำนวนหนึ่ง รวมทรัพย์สินทั้งหมดมีมูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท จากนั้นได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการป้องกันและปราบป

รามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่ออายัดทรัพย์สินทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจค้นบ้าน นายสุภาพได้แสดงท่าทีไม่พอใจ และโวยวายว่าเขามีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยสมาชิกสภากรุงเทพฯ ทำไมต้องบุกเข้ามาตรวจค้นถึงขนาดนี้

.แนวร่วมออกโรงการันตี แต่เสียงอ่อนลง                                                                                                                                                                          . ีนายสุนันท์ อึ้งทรงธรรม สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) มาคอยสังเกตการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า " มาเพราะนายสยาม เคยทำงานเป็นผู้ช่วยมาก่อน และได้รู้จักกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก คิดว่านายสยามคงจะไม่ได้ค้ายาเสพติด น่าจะเป็นญาตของนายสยามมากกว่า"

ขณะที่ น.ส.ศยามล ภรรยานายสยาม กล่าวว่า อยู่กินกับนายสยาม มาตั้งแต่อายุ 16 ปี มีลูกสาวด้วยกัน 2 คน สามีเคยมีเต็นท์รถมือสอง และยังรับจัดไฟแนนซ์รถยนต์ชื่อบริษัท ทรัพย์ศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้ก็ยังทำงานด้านรับจำนำรถยนต์ รวมถึงทรัพย์สินอื่นๆ ที่มีคนนำมาจำนำ หรือจำนองไว้ และยังรับจำนำทรัพย์สินของนักพนัน รวมทั้งยังปล่อยเงินกู้ โดยทำมานานถึง 15 ปีแล้ว ทำให้ครอบครัวมีทรัพย์สินมากมายอย่างทุกวันนี้ และที่ผ่านมาไม่เคยเกี่ยวข้องหรือค้ายาเสพติดเลย

ความเห็น

การที่ สก.รับทราบเรื่องว่ามี การรับจำนำทรัพย์สินของนักพนัน แสดงว่า เพิกเฉยต่อการเป็นพลเมืองดี หรืออาจจะมีส่วนรู้เห็น ในการเล่นการพนัน ส่วนนายสยามเองก็มีการส่งเสริมให้คนเล่นการพนัน ไม่แน่ใจว่าเป็นการทำความดี หรือการหากินโดยสุจริตหรือเปล่า

แนวร่วม บางคนสู้สุดตัว พี่ชายออกโรงโต้อ้างเป็นเรื่องการเมือง                                                                                                                                  .

นายสมเกียรติ สีแดง สมาชิกสภาเขตคลองเตย พี่ชายนายสุภาพ กล่าวว่า ทราบเรื่องบ้านน้องชายถูกบุกตรวจค้นเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. รู้สึกทั้งตกใจ ตนยืนยันว่าทั้งตัวเองและน้องชายไม่เคยข้องเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ในความรู้สึกนั้นคิดว่า มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ทั้งเรื่องการเมือง และปัญหาในพื้นที่ ดังนั้นคิดว่าที่น้องชายถูกจับในวันนี้ น่าจะมีผู้ประสงค์ร้ายใส่ความเพื่อหวังให้มีผลกระทบมายังตนมากกว่า

“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้น พอจะถึงหน้าเลือกตั้งผมก็จะโดนแบบนี้จนเป็นข่าวอยู่เรื่อยๆ กล่าวหาว่าเป็นผู้มีอิทธิพลบ้าง ซื้อเสียงด้วยยาบ้าบ้าง เลี้ยงมือปืนบ้าง เราก็รู้ว่าเป็นเรื่องการเมือง และไม่ได้ใส่ใจ เพราะเห็นว่าพอหมดการเลือกตั้งก็จบไป โดนมาเป็น 10 ปีแล้ว แต่ไม่เคยคิดเลยว่าปัญหาจะบานปลายรุนแรงขนาดนี้” ส.ก.คลองเตย กล่าว

ท้าให้สอบประวัติ  นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ขณะนี้งงไปหมดแล้ว และไม่รู้จะทำตัวอย่างไรต่อไป อึดอัดมาก เพราะต้องมาอยู่ในพื้นที่คลองเตยนี้ มีทั้งเรื่องยาเสพติดในชุมชน ถ้าไปยุ่งมากก็หาว่าสร้างภาพ ไม่ยุ่งก็หาว่าไม่ให้ความร่วมมือ ย้ายบ้านออกไปก็หาว่าหนีคดี ทั้งที่ไม่เคยคิดหนี บ้านก็เปิดตลอด โทรศัพท์ก็ไม่เคยเปลี่ยนเบอร์ พร้อมให้ตรวจสอบได้ และให้ความร่วมมือเสมอ หากเจ้าหน้าที่ขอให้ช่วยเรื่องยาเสพติด ถ้าคนที่ช่วยทางการแล้วต้องเจอแบบนี้ อีกหน่อยคงไม่มีใครช่วย

“ตอนนี้ไม่กลัวว่าจะมีอะไรเลวร้ายกว่านี้อีกแล้ว อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ถือว่าสุดยอดของชีวิตแล้ว คนที่ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดกลับถูกข้อหาค้ายา ชีวิตมันหมดทั้งชีวิตแล้ว ไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหนอีกแล้ว” นายสมเกียรติ กล่าว

ความเห็น

ตอนนี้แต่ละคนก็เริ่มร้อนตัว

ผช.ผบ.ตร ย้ำฝาโลงด้วยหลักฐานที่พร้อมเข้าไปต่อสู้ในชั้นศาล

ด้านมือกฏหมาย พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ กล่าวว่า ตำรวจได้สืบทราบมานานแล้วว่า นายสยามเป็นนักค้ายาเสพติดรายสำคัญที่มีเครือข่ายจำนวนมาก และพยายามหลบหลีกการจับกุมเรื่อยมา จนกระทั่งทางตำรวจได้จับกุมนักค้ายาเสพติด 2 ราย ในปี 2541 และ 2543 ซึ่งทั้งสองยืนยัน และมีหลักฐานชี้ชัดว่านายสยามมีส่วนในการค้ายาเสพติด จึงได้ทำรายงานเสนอไปยัง พล.ต.ท.ชิดชัย วรรณสถิตย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เพื่อขออนุมัติออกหมายจับกุม และเข้าจับกุมทันที เพราะเกรงว่านายสยาม จะไหวตัวหลบหนีไปก่อน

"ขั้นตอนต่อไปจะต้องอายัดทรัพย์ เพื่อนำไปตรวจสอบว่าทรัพย์สินทั้งหมดได้มาอย่างถูกต้อง เบื้องต้นทราบว่านายสยาม มีเงินเป็น 100 ล้านบาท หมุนเวียนในการค้ายาเสพติด และเป็นนักค้ายาเสพติดที่ทำมานานแล้ว ถ้าไม่รีบจับกุมตัว อาจเกิดปัญหาเพราะรู้จักกับข้าราชการ รวมทั้งยังมีนายตำรวจอีกหลายนายเข้าไปพัวพันด้วย ซึ่งหากมีหลักฐานแน่ชัดจะต้องดำเนินการทางวินัยต่อไป" พล.ต.ท.เพรียวพันธ์ ระบุ

261000มี.ค.46 ขยายผลยึดทรัพย์ 10 ล้านบาท พร้อมยาบ้า 175 เม็ด

ตำรวจ ได้ นำหมายศาลเลขที่ 1670/2546 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 83/4 หมู่บ้านมณีรินทร์ หมู่ 1 ต.กลาง อ.เมือง จ.ปทุมธานี

เมื่อกำลังเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึงพบว่า เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 100 ตารางวา แต่ไม่พบใครอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงงัดรั้วหน้าบ้านเข้าไปตรวจสอบภายใน ซึ่งที่บริเวณลิ้นชักตู้เสื้อผ้าบนห้องนอนชั้น 2 ของบ้านเจ้าหน้าที่พบยาบ้าชนิดสีส้มอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้าจำนวน 175 เม็ด เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

พบว่าบ้านหลังนี้ซึ่งเป็นของนายลัทธพล นันทยศสกุล หรือชื่อเดิม นายสมพร สีแดง อายุ 37 ปี ที่ได้หลบหนีไปแล้วพร้อมด้วยนางสาวอารีย์ ธูปทอง อายุ 32 ปี ซึ่งมีชื่อเป็นเจ้าของบ้าน และเป็นเครือข่ายผู้ค้ายาบ้าในกลุ่มเดียวกับนายสุภาพ สีแดง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดทรัพย์สินภายในบ้านและตัวบ้านพร้อมที่ดิน ประเมินในเบื้องต้นนั้นมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท

260800มี.ค.46. เข้าตรวจค้นบริษัท ทรัพย์ประสิทธิ์

เข้าตรวจค้นบริษัท ทรัพย์ประสิทธิ์ จำกัด เลขที่ 1179/30-31 ซ.มโนรม ถนนพระราม 4 แขวงและเขตคลองเตย กทม. ซึ่งเป็นบริษัทที่นายสุภาพตั้งขึ้นเพื่อใช้สำหรับฟอกเงินจากการค้ายาเสพติด

โดยบริษัทดังกล่าวเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น 2 คูหา ประกอบกิจการรับจัดไฟแนนซ์ จำนำรถยนต์ ต่อทะเบียน ทำ พ.ร.บ. และรับประกันภัย โดยชั้นล่างด้านหน้ามีทีวีวงจรปิดติดตั้งอยู่ ภายในอาคารถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นดี แบ่งสัดส่วนเป็นโถงรับแขก และห้องทำงาน มินิออฟฟิศ และที่บริเวณชั้น 2-3 ตกแต่งเป็นห้องพักพนักงาน ส่วนชั้น 4 ใช้สำหรับเป็นห้องเก็บเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง มีทั้งตู้นาฬิกาแขวนฝังมุก ชุดโซฟา และโต๊ะหมู่บูชาฝังมุก

จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่สามารถยึดทรัพย์สินได้ประมาณ 30 รายการ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้สำนักงาน เช่น คอมพิวเตอร์ แฟกซ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น จอโปรเจคเตอร์ขนาด 52 นิ้ว ทีวีสี ตู้เย็น เปียโน และตู้เซฟ 2 ตู้

260830มี.ค.46. ยึดทรัพย์เมียพี่ชายที่โคราชได้กว่า 20 ล้านบาท

.ต.อ.ประพัฒน์ ศิริวัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นครราชสีมา หัวหน้าชุดติดตามขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินผู้ค้ายาเสพติด ตำรวจภาค 3 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.สูงเนิน และหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการสืบสวนสอบสวนภาค 3 กว่า 30 นาย ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 112 ม.7 บ้านหนองไผ่ ต.ตะขบ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านพักของ นางบุหงา เงินดี อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/143-1 ซอยเคหะคลองเตย 4 แขวงคลองเตย กทม. อดีตภรรยานายสมชาย สีแดง พี่ชายของนายสุภาพ ที่เสียชีวิตไปแล้ว หลังสืบทราบว่า นางบุหงา เป็นหนึ่งในเครือข่ายค้ายาเสพติดของนายสุภาพ

จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ได้ยึดทรัพย์สินมีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านทรงสเปน 3 ชั้น ที่ดินที่จัดเป็นแปลงเกษตร จำนวน 92 ไร่ ใกล้เนินเขา ฟาร์มหมูป่า ฟาร์มวัว รถยนต์ 12 คัน ประกอบด้วย รถเก๋ง 1 คัน รถกระบะ 2 คัน รถบรรทุก 6 ล้อ และ 4 ล้อ 2 คัน รถแทรกเตอร์ 2 คัน รถแบ็คโฮ 1 คัน รถ 10 ล้อบรรทุกน้ำ 2 คัน รถไถเล็กพ่วง 1 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน เช็คเงินสด 2 ฉบับ จำนวนเงิน 1.7 ล้านบาท สลากออมสิน มูลค่า 40,000 บาท สมุดบัญชีธนาคาร 6 เล่ม พบมีเงินหมุนเวียนภายในบัญชี ประมาณ 10 ล้านบาท  นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบนายสมนึก สีแดง พี่ชายคนโตของนายสุภาพ พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวกับนางบุหงาด้วย โดยนายสมนึกเคยถูกจับกุมในคดีค้าเฮโรอีนก่อนหน้านี้

 

27มี.ค.46 แนวร่วมมือกฎหมายก็มี ....แถม ได้ Back ดี                                                                                                                                                      .

นางประทีป อึ้งทรงธรรม สว.กทม. พร้อมด้วย นายระทม อ้นทอง ประธานชมรมข้าขออาสาจะทำความดีเพื่อแผ่นดิน ศูนย์บำบัดและแก้ปัญหายาเสพติดและกลุ่มแม่บ้านชุมชนคลองเตย ประมาณ 50 คน เดินทางเข้าพบ นายกรัฐมนตรีที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อมอบดอกไม้ให้กำลังใจนายกฯ ที่ประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล

ตั้งแต่นายกฯ ประกาศสงครามยาเสพติด ขณะนี้ยาเสพติดในคลองเตยหาซื้อแทบไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นกาวแทน แต่ก็ไม่กล้าขายกัน เพราะความเอาจริงเอาจัง แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง ซึ่งคิดเป็นตัวเลขขณะนี้ยาเสพติดหมดไปแล้ว 80 % แล้วเหลืออีก 20 % ก็อยากให้ถอนรากถอนโคน

ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า รู้ว่ามีการเลี่ยงกฎหมายทั้งนี้ในกรณี "นายสุภาพ 70 ไร่" ก็สืบกันนาน รู้ว่าเงินไปหลบอยู่ไหน จึงมีการเข้าค้น 20 กว่าจุดพร้อมกันทั่วประเทศ หมายจับออกคืนวันที่ 25 มี.ค. เวลา 4 ทุ่มกว่า ตนก็สั่งให้ค้นเลย อย่ารอเพราะเรื่องนี้ปล่อยไม่ได้ เราเสียงบประมาณไป 40 กว่าล้านเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดที่คลองเตย แต่ไม่ได้ผล เพราะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ จึงต้องดำเนินการกับต้นเหตุ คนตัวใหญ่ คิดว่าการปราบที่คลองเตยครั้งนี้ จะทำให้คลองเตยสงบเราจะเลาะเสี้ยนออกไปก่อน และก้างใหญ่ก็ออกไปแล้ว ทั้งนี้ทรัพย์สินเราจะยึดทรัพย์หมด โดยจะเป็นบ้านอีก 30 กว่าหลัง ยืนยันว่าจะไม่เป็นมวยล้ม ถ้าตนมีชีวิตอยู่ไม่มีคำว่าล้มแน่

นายระทม กล่าวกับนายกฯว่า ตนว่าคนระดับนายสุภาพ ยังมีหลงเหลือในคลองเตยอีก ขอให้นายกฯ จัดการ นายกฯ กล่าวว่า ตนก็ว่ายังมีอยู่ ประเภทปล่อยกู้ร้อยละ 20 และไปรับดอกเป็นยาบ้าแทนแล้วเอาไปขาย แต่ขายเสร็จ แล้วไม่เอาเงินมาส่ง นายสุภาพตามไปยึดบ้านที่อยู่ในคลองเตย ซึ่งก็ทราบมาว่ายังมีการตามไปยึดข้างนอกอีก ตนรู้เห็นพฤติกรรมหมด ตรวจสอบตลอด เพราะคิดว่าถ้ารายนี้ไม่โดนถือว่าคลองเตยไม่สงบ ทั้งนี้ตนได้บอกไปแล้วว่า บ้านของคนจนที่ถูกนายสุภาพยึดไป ก็ให้ลองดูว่า จะคืนให้คนจนได้หรือไม่ ถ้าได้ ขอให้ทำ เพราะมีอยู่ 100 กว่าหลังในสลัมที่ถูกยึด ทั้งนี้ตนจะได้ติดตามผู้ค้ารายใหญ่อย่างใกล้ชิดว่าอะไรเป็นอะไร

ความเห็น
นางประทีปอึ้งทรง ธรรมเป็นผู้ที่ ต่อสู้เพื่อ ชุมชน มานาน ในห้วงหลายปีที่ผ่านมา นางประทีป ได้ถูกคุกคามจากกลุ่มผู้มีอิทธิพล ที่ มีผลประโยชน์ในชุมชน คลองเตย ถึงจากครั้งนั้น มีเจ้าหน้าที่ทหาร ต้องเขามาคอยอารักขาในทางลับ จนเหตุการณ์ คลี่คลาย   งานนี้ถ้านายกไม่สั่ง คงจะไม่สามารถ ทำอะไรได้มากเพราะ ถ้าพลาดมานั้นหมายถึง จะต้องมีเจ้าหน้าที่ต้องเสียอนาคตในชีวิตรับราชการอีกหลายคน ตั้งแต่นายพลตำรวจลงมาถึง พลตำรวจ อย่างแน่นนอน

 

 

27 มี.ค. ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ต่อสู้สุดชีวิต   ฝากขังศาลพร้อมค้านประกัน

รอง ผกก.1 บช.ปส.พร้อมกำลังตำรวจได้นำตัวนายสุภาพ ผู้ต้องหาคดีค้ายาบ้ารายใหญ่ย่านคลองเตย ไปฝากขังต่อศาลครั้งแรก โดยคำร้องระบุถึงพฤติการณ์สรุปว่า ตำรวจ ปส.ได้ทำการสืบสวนจับกุมตัวผู้ค้ายาเสพติดในย่านคลองเตย ตั้งแต่วันที่ 28 ม.ค.41-15 มิ.ย.43 ซึ่งได้ตัวนายอุดร มาบางครุ และนายสุชาติ หรือ หมู่ปานทะโชติ พร้อมของกลางยาบ้า จำนวน 11,700 เม็ด และ 10,600 เม็ด ตามลำดับ ทั้งนี้นายสุชาติให้การรับสารภาพว่ารับยาบ้ามาจากผู้ต้องหา จนกระทั่งวันที่ 26 มี.ค. จึงเข้าจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาที่ ย.123/2546 ข้อหาสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

ในคำร้องยังระบุด้วยว่า พนักงานสอบสวนได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาครบกำหนดแล้ว แต่ต้องสอบปากคำพยานอีก 15 ปาก รอผลการตรวจสอบพิมพ์ลายนิ้วมือและอื่นๆ จึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27มี.ค.-7เม.ย.นี้และขอรับตัวกลับไปควบคุมไว้ที่ บช.ปส. เพื่อสอบสวนขยายผลต่อไป ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง ผู้ต้องหากระทำความผิดลักษณะเป็นเครือข่ายจำนวนมาก และเป็นผู้มีอิทธิพลโดยมีข้าราชการและนักการเมืองเกี่ยวข้อง รวมทั้งมีทรัพย์สินที่จะต้องตรวจสอบอีกเป็นจำนวนมาก หากมีการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนี และใช้อิทธิพลไปข่มขู่พยานได้ จนเสียหายต่อรูปคดีได้ ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้านจึงอนุญาตให้ฝากขังและรับตัวกลับไปควบคุมได้

27 1100 มี.ค  เข้าตรวจค้นที่  จ.สมุทรปราการ

 พ.ต.อ.วิชัย สังข์ประไพ ผกก.สส.น.8 ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นเลขที่ 19/187 ม.17 ในหมู่บ้านแฮปปี้เพลส ซอยกิ่งแก้ว 1 ถ.กิ่งแก้ว ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านของนายอภิสิทธิ์ ขวัญเพ็ชร อายุ 40 ปี และโยงใยกับเครือข่ายของนายสุภาพ จากการตรวจค้นตำรวจพบยาบ้า 2,200 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ใต้ราวบันได ใต้หิ้งพระ นอกจากนี้ยังพบว่ามีทรัพย์สินรถยนต์ฮอนด้าซีอาร์วี 1 คัน รถยนต์นิสสัน 1 คัน รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้ากว่า 20 รายการ และยังพบสมุดบัญชีเงินฝากอีกหลายธนาคารที่มีเงินหมุนเวียนประมาณ 1 ล้านบาท พร้อมกับควบคุมตัว นางมณีรัตน์ ขวัญเพ็ชร อายุ 38 ปี ภรรยา นายอภิสิทธิ์ และนายภาคภูมิ พรหมลายนาค พี่ชายนางมณีรัตน์ นายอภิสิทธิ์ เจ้าของบ้าน หลบหนี ไปได้ ตำรวจจะประสานขออนุมัติอำนาจศาลออกหมายจับ ผลการสืบสวนทางลับพบว่า นายอภิสิทธิ์เป็นน้องชายนายพงษ์ศักดิ์ ขวัญเพชร หรือโอเปค ที่เป็นเครือข่ายเดียวกับนายสุภาพ ซึ่งขณะนี้ นายโอเปค ที่ถูกอุ้มหนีหายไปในคดียาเสพติดเมื่อเดือนกันยายน 2544 ภายหลังจากก่อนหน้านี้โอนเงินให้น้องชายและบิดารวมแล้ว 20 ล้านบาท

27 1200 มี.ค 46 ตรวจค้นจุดต้องสงสัยอีก 2 แห่งในชุมชนคลองเตย

จุดแรกได้เข้าค้น ร้านเกมคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต "สต็อปคอมพิวเตอร์" ห้องเลขที่ 135/65 ชั้น 1 อาคาร 10 เคหะชุมชนคลองเตย 

ภายในร้านตกแต่งผนังลายไม้ ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ ในสภาพที่ผิดแผกไปจากสภาพอาคารของการเคหะที่ทรุดโทรมตามอายุของโครงการ โดยมีตู้แช่เย็นจัดวางเครื่องดื่มชนิดต่างๆ จำหน่ายอยู่ด้านหน้าร้าน ซึ่งการตรวจพบว่ามีนางมณีรัตน์ หรือตุ๊ก พรหมลายนาค เป็นเจ้าของกิจการ โดยนางตุ๊กเป็นภรรยานายอภิสิทธิ์หรืออ๊อด ขวัญเพ็ชร

จุดที่ 2 คือ ห้องพักของนางตุ๊ก ที่อาคาร 8 ชั้น 2 ห้องเลขที่ 135/1 เคหะชุมชนคลองเตย ซึ่งการตรวจค้นพบเพียงเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการอายัดทรัพย์สินภายในร้านสต็อปคอมพิวเตอร์ไว้

ประวัตินายสุภาพ  

นายสุภาพ มีทรัพย์สินอยู่ประมาณ 100 กว่าล้านบาท แต่รายละเอียดอาจจะมีเพิ่มเติมมากกว่านั้น โดยนายสุภาพ เดิมเป็นคนอ่างทอง เข้ามาอาศัยอยู่ในชุมชนคลองเตยช่วงปี 2534 โดยมาเป็นลูกน้องผู้กว้างขวางในชุมชน จากนั้นก็เริ่มไต่เต้าขึ้นมาจนกระทั่งเปิดบ่อนการพนันเป็นของตัวเอง ซึ่งช่วงนี้เองทำให้รู้จักกับนายตำรวจจำนวนมาก รวมไปถึง พ.ต.อ.คนหนึ่ง ซึ่งขณะนั้นเป็นหัวหน้าสถานีตำรวจท่าเรือ และนายตำรวจคนดังกล่าวโยงให้รู้จักกับ พล.ต.ต.ซึ่งใกล้ชิด กับ พล.ต.อ.ซึ่งตกเป็นข่าว ทำให้นายสุภาพเดินเข้าออกสำนักงาน พล.ต.อ.คนนี้เป็นประจำ

ความเห็น

การเดินเข้าเดินออกห้องนายตำรวจ นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ยากสำหรับ คนระดับผู้ช่วย สก. และมีกิจกรรมที่ต้องมีการติดต่อ กับตำรวจ โดยเฉพาะในด้านชุมชนสัมพันธ์ ซ฿งไม่จำเป็นว่านายตำรวจ ผุ้นั้นจะต้องมีความเกี่ยวข้องในเรื่องการค้ายาเสพติเสมอไป เพราะห้วงที่ผ่านมา นาย สยามเองก็กล่าวว่าได้ให้ความร่วมมือกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจในการรณรงค์ ต้อต้านยาเสพติด

ปปง. ร่วมยำ ป้องกันการดิ้น หลุด พร้อม สรรพากรเตรียมตรวจสอบ                                                                                                                          .

.ต.อ.ยุทธบูล ดิสสะมาน รอง เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยว่า  หากการทำสำนวนของ ป.ป.ส.และ บช.ปส. ไม่สามารถหาหลักฐานที่จะสาวถึงที่มาของทรัพย์ของนายสุภาพ และเครือข่าย เพื่อจะทำการยึดในคดีอาญาได้ทั้งหมด ปปง.จะใช้อำนาจตามกฎหมายฟอกเงิน ม.58 ที่ระบุว่า กรณีที่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด สามารถดำเนินการตามกฎหมายอื่นได้ แต่ไม่เป็นผลหรือดำเนินการตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินก่อให้เกิดประโยชน์แก่ราชการมากกว่า สามารถดำเนินการได้ตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ ยึดอายัดทรัพย์ในทางแพ่งได้ทันที เจ้าของทรัพย์ต้องเข้าชี้แจงพร้อมหลักฐานถึงที่มาของทรัพย์สินดังกล่าวให้ได้ ซึ่ง ปปง.จะคำนวณรายได้จากความเป็นจริงในการประกอบอาชีพที่สุจริต ว่าเป็นไปได้หรือไมโดยกฎหมายฟอกเงินฉบับนี้ ออกมาเพื่ออุดช่องว่างของการยึดทรัพย์ในคดีอาญา ซึ่งต้องอาศัยพยานหลักฐาน ต่างกับคดีแพ่ง ขณะนี้ยังได้ประสานไปยังกรมสรรพากรให้ตรวจสอบรายการเสียภาษีย้อนหลัง 10 ปี หากพบว่า มีทรัพย์สินในความครอบครองเกินกว่ารายได้ประเมินเสียภาษีจะเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง

การต่อสู้เชิงยุทธศาสตร์ เสนอเปิดตู้ ปณ.รับร้องทุกข์ บัญชีดำไม่เป็นธรรม                                                                                                               .

นาย สุวโรช พะลัง กรรมาธิการการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมาธิการ ว่า คณะกรรมาธิการ เชิญ รมว.มหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทย เข้าชี้แจงกรณีประชาชนร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่เป็นธรรมในการขึ้นบัญชีดำ ซึ่ง รมว.มหาดไทย และปลัดกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า ได้ยกเลิกการขึ้นบัญชีดำประชาชนบางราย แต่กรรมาธิการได้ตั้งข้อสังเกตว่า ยังมีอีกหลายกรณีที่ถูกขึ้นบัญชีดำโดยไม่เป็นธรรม แต่ไม่สามารถเข้ามาร้องเรียนได้

"คณะอนุกรรมาธิการยุติธรรมที่มีผมเป็นประธาน จึงได้เสนอให้เปิดตู้ ปณ.9 ในส่วนของรัฐสภา เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ กรณีการถูกขึ้นบัญชีดำโดยไม่ชอบ และส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่ผิดชอบต่างๆ รวมถึงศูนย์ดำรงธรรมของแต่ละอำเภอ โดยจะเชิญผู้อำนวยของศูนย์ดำรงธรรมในพื้นที่ต่างๆมาชี้แจง และตรวจสอบถึงการขึ้นบัญชีดำอีกครั้ง นอกจากนี้กรรมาธิการยังเสนอให้มีการตั้งศาลพิเศษขึ้น เพื่อพิจารณาเกี่ยวกับคดียาเสพติดโดยเฉพาะ เพื่อทำให้เกิดความรวดเร็ว และรอบคอบมากยิ่งขึ้น" นายสุวโรช กล่าว

ความเห็น
เรื่องนี้น่าจะเป็นความผิดของ เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูง ในเรื่องการนำเอาบัญชีดำมากล่าว เพื่อแสดงว่า ตนเองนั้น ได้ทำงาน โดยหา รู้ไม่ว่าการนำเอาบัญชีดำมากล่าวถึงนั้นเป็นดาบสองคม ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือตัวผู้ปฏิบัติงานปราบปราม เพราะ จะต้อง คนที่มีรายชื่อแล้วรู้ตัวก็ จะ  ระวังตัวเพิ่มขึ้น และหากผู้ที่มีรายชื่อมีอำนาจรัฐอยู่ในมือ เจ้าหน้าที่ ก็จะตกเป็นเหยื่อ
ส่วนผลเสียรองลงมาคือ ในส่วนบัญชีดำ ที่ไม่ดำมาก ที่หลายคนเรียกว่าบัญชีเทา เพราะ คนเหล่านั้นแค่อยู่ในข่ายต้องสงสัย แต่เพื่อ ความไม่ประมาท เจ้าหน้าที่หลายนายก็ อาจจะใส่รวมลงไป เพื่อให้ มีการติดตามเพื่อหาหลักฐานที่แน่นอนก่อน
ในอดีตบัญชีดำจะรู้อยู่ในวงจำกัดเท่านั้นNEED TO KNOWN  ดังนั้นปัญหาเรื่องการร้องเรียนดังกล่าวไม่มี คนที่อยู่ในบัญชี เทา หากเป็นคนดีจริงก็ไม่เดือดร้อน เพราะรายชื่อดังกล่าวไม่มีใครรู้ และเจ้าตัวก็ไม่รู้ก็ดำเนินชีวิตไปตามปกติ แต่ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะการอยากสร้างผลงาน , ความยากดังหรือต้องการที่จะสร้างความกดดันให้กับผู้ค้ายา  บัญชีดังกล่าวกลายเป็นเรื่องราวที่คนรู้มากขึ้น จริงแล้วแนวทางแก้ปัญหาคือการใช้มาตรการเหมือในอดีต คือรู้แค่เจ้าหน้าที่ทีปฏิบัติงาน เท่านั้น จนกว่าจะเริ่มมั่นใจเกือบ ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่อยปล่อยออกมา ทุกฝ่ายน่าจะเป็นสุข

28 1400 มี.ค 46 พ.ต.อ.สมบัติ ศุภชีวะ ผกก.สส.บช.ปส.พร้อมกำลัง เข้าตรวจค้นสำนักงานสแตนดาร์ท ออโต้ ซึ่งเป็นสำนักงานรับซื้อขายแลกเปลี่ยนรถยนต์ ในซอยรามอินทรา 117 แขวงบางชัน เขตคันนายาว กทม. มีนายชัยเอก ณรงคสุต อายุ 34 ปี รับเป็นเจ้าของ  ซึ่งสามารถยึดรถยนต์มือสองได้จำนวน 19 คัน และทรัพย์สินอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท

28 1400 มี.ค 46 พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ ผกก.1 ป. ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ ปปง.เข้าตรวจค้นและยึดทรัพย์สินของนายสุภาพ และเครือข่ายอีก        1. จุดแรกเข้าตรวจค้นอพาร์ตเมนต์ไม่มีชื่อ ซึ่งเป็นตึกแถว 2 ชั้น เลขที่ 239/30 ม.7 ซ.ลาดกระบัง10 แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กทม. ซึ่งเป็นอาคารของนายสุภาพที่ซื้อไว้ราคา 6 ล้านบาท และได้จัดทำเป็นห้องเช่าจำนวน 30 ห้อง จึงได้ยึดเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาตรวจสอบ

2. ส่วนจุดที่ 2 ตำรวจกองปราบปรามได้เข้าตรวจทรัพย์สินเป็นที่ดินจำนวน 29 ไร่ ที่ อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซึ่งสืบทราบมาว่าเป็นของนายสุภาพ จึงยึดโฉนดมาตรวจสอบ พร้อมอายัดอาคารและที่ดินทั้ง 2 แห่งไว้ตรวจสอบ

28 1400 มี.ค 46 บุกค้นบ้านพี่สะใภ้ที่พิษณุโลก

28 1400 มี.ค 46 สภ.อ.นครไทย จ.พิษณุโลก พร้อมกำลัง เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 110 หมู่3 ต.เนินเพิ่ม และบ้านเลขที่ 109 หมู่6 ต.บ้านพร้าว ซึ่งเป็นบ้านของ นายร่วม ธูปทอง พบนายร่วมอยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นการขยายผลจากเครือข่ายนายสุภาพเช่นกัน เนื่องจากบ้านที่เข้าตรวจค้นเป็นของนายร่วม ซึ่งเป็นพ่อของ น.ส.อารี ธูปทอง อายุ 32 ปี ภรรยาของนายลัทธพล นันทยศ หรือ "แดงอ้วน คลองเตย" พี่ชายของนายสุภาพ ที่เพิ่งถูกจับกุม

การตรวจค้นครั้งนี้มีเหตุอันควรเชื่อว่า ทรัพย์สินเกี่ยวกับการกระทำผิดยาเสพติด ตำรวจได้ยึดทรัพย์สินรวม 9 รายการ มีมูลค่าประมาณ 1.56 ล้านบาทไว้ตรวจสอบ

ปปง.ไล่บี้ ตามยึดไม่เว้น

 ข้อโต้แย้งของนายสุภาพที่อ้างว่า ทรัพย์สินได้มาจากการปล่อยเงินกู้และการเล่นพนันนั้น นายสุภาพจะต้องนำหลักฐานมาแสดง หากมั่นใจว่ามีรายได้สุจริตก็ต้องมีเอกสารการเสียภาษีในแต่ละปีมาแสดงด้วย โดยจะต้องชี้แจงให้ได้ว่าทรัพย์ดังกล่าว ไม่มีที่มาจากการค้ายาเสพติด  ". หากพบว่า นายสุภาพ มีการนำเงินไปเปิดบัญชีเงินฝากในธนาคารต่างประเทศก็จะติดตามไปยึดอายัดทุกบัญชี ทุกวันนี้ 80 ประเทศทั่วโลกมีกฎหมายป้องกันการฟอกเงิน เราทำงานประสานตรงถึงสำนักงาน ปปง.ในแต่ละประเทศโดยไม่ต้องผ่านสถานทูตหรือตำรวจสากล" พ.ต.อ.พีรพันธุ์ กล่าว

ความเห็น
การเล่นการพนัน ไม่ถูกกฎหมายเช่นกัน ตอนนี้ ฝ่ายมือกฎหมาย ล้อมไว้เกือบหมดทุกด้าน อย่างน้อยที่สุดหากนายสุภาพหลุดข้อหายาเสพติดไปได้ก็ต้องเจอ กับ การเก็บภาษี ย้อนหลัง แน่นอน  ยกต่อไป การต่อในชั้นศาล การฆ่าตัดตอนอาจจะมีขึ้น การเก็บ ผู้ค้ารายย่อยเพื่อลดการถูกซักทอดจะมีมากขึ้น เพราะจากทรัพย์สิน แสดงว่าเครือข่ายของนายสุภาพค่อข้างใหญ่ ซึ้งจะต้องมีคนที่เกี่ยวข้อง ค่อนข้างมากอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงแต่เป็น เครือข่ายของเครือข่ายอีกทีหนึ่ง

 โปรดติดตามตอนต่อไป

                        กลับหน้าหลัก

 

Hosted by www.Geocities.ws

1