วัดเจดีย์คีรีวิหาร |
|||
วัดเจดีย์คีริวิหาร ตั้งอยู่ในเขตการปกครอง คณะสงฆ์มหานิกาย เลขที่ 135 บ้านวัดป่า หมู่ที่ 9 ตำบลฝายหลวง อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มีเนื้อที่ 28 ไร่ 2 งาน 13 วา ได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2471 ประวัติโดยย่อ วัดเจดีย์คีรีวิหารเดิมชื่อวัดป่าแก้ว สร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. 1519 ขณะที่เจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร ครองเมืองลับแล พระองค์มีใจฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่งมีพระราชดำริที่จะสร้างเจดีย์ เพื่อเผยแผ่บำรุงส่งเสริม เชิดชูพระพุทธศาสนาจึงเสด็จไปเฝ้าพระเจ้าเรืองธิราช กษัตริย์แห่งโยนกนคร กราบทูลขอแบ่ง พระบรมสารีริกธาตุจากพระธาตุดอยตุง ยังหวัดเชียงราย อัญเชิญมาบรรจุที่เจดีย์วัดป่าแก้ว (วัดเจดีย์คีรีวิหาร ปัจจุบัน) เจดีย์นี้เป็นเจดีย์แห่งแรก ของอำเภอลับแล ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ (ปัจจุบันนี้กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนไว้ ) และมีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังว่า ถึงวันศีลวันธรรม จะมีดวงไฟสุกสว่างลอยขึ้นเหนือเจดีย์อยู่เป็นประจำ กาลเวลาล่วงเลยมานาน อาคาร และถาวรวัตถุก็ทรุดโทรมผุพังไปตามธรรมชาติ วัดป่าแก้วก็กลายเป็นวัดร้าง เจดีย์ก็ชำรุดผุพังลงไป จนถึงประมาณปี พ.ศ. 2453 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ได้เสด็จประพาสภาคเหนือ มาประทับที่วัดทุ่งเอี้ยงซึ่งอยู่ห่างจากวัดป่าแก้วไม่มากนักพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นเจดีย์เก่าอยู่จึงตรัสถามพระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร เจ้าอาวาสวัดทุ่งเอี้ยง ขณะนั้น ดำรงตำแหน่งเข้าคณะแขวงเมืองพิชัยว่า “นั่นเป็นวัดหรือย่างไร เห็นเจดีย์เก่าแก่อยู่ “ พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตรจึงกราบทูลว่าเป็นวัดร้างมานานแล้ว ชาวบ้านเรียกว่าวัดป่าแก้ว “สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงตรัสกับพระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร ว่า “วัดร้างนั้นอยู่ในทำเลที่ดี อยู่ในที่เป็นเนินสูงไม่มากนัก พร้อมทั้งมีเจดีย์เก่าอยู่ข้าพเจ้าเข้าใจว่า คงเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่ง ท่านเป็นเจ้าคณะแขวงเมืองพิชัย น่าจะบูรณะซ่อมแซมและไปอยู่ที่นั่น ถ้าท่านไปบูรณะและไปอยู่จริง ข้าพเจ้าจะตั้งชื่อวัดให้ใหม่ว่า “ วัดเจดีย์คีรีวิหาร “ หลังจาก สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรส เสด็จกลับแล้ว ปี พ.ศ. 2454 พระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร และคณะศรัทธาก็ได้ร่วมกันบูรณะซ่อมแซมเจดีย์คงคืนสภาพเดิม มีขนาดวัดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 วา สูง 13 วา ขณะที่ซ่อมแซมเจดีย์และอุโบสถ (หลังเก่า) นั้นได้พบแผ่นศิลาจารึก 1 แผ่นตัวอักษรในแผ่นศิลาจารึกนั้นอ่านไม่ออก (ไม่ใช่ภาษาไทย) ข้างหลวงอุตรดิตถ์ (ผู้ว่าราชการจังหวัด) ได้ส่งไปไว้ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติแล้ว เมื่อซ่อมแซมเจดีย์และอุโบสถเสร็จแล้วก็ได้สร้างกุฏิและศาลาการเปรียญ (หลังเก่า) ขึ้นอีก 1 หลัง เมื่อสร้างเสร็จแล้วพระครูธรรมฐิติวงศ์คีรีเขตร ก็ได้ย้ายมาจากวัดทุ่งเอี้ยงมาอยู่จำพรรษาที่วัดเจดีย์คีรีวิหาร ซึ่งเป็นนามที่สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวชิโรรสทรงตั้งชื่อไว้ เจ้าอาวาสวัดรูปต่อๆ มาจึงวางแผนผัง และก่อสร้างอาคารเสนาสนะ และถาวรวัตถุต่างๆ เช่น อุโบสถ ศาลาการเปรียญ โรงเรียนพระปริยัติธรรม โรงเรียนประถมศึกษา ศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนา วันอาทิตย์ ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ในวัด และอาคารอื่นๆ ให้เหมาะสมและสวยงาม ครั้งเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2521 สมเด็จพระอาริยวงศาคตญาณ (วาสน์วาสโน) สมเด็จพระสังฆราช ได้เสด็จไปประทับที่วัดเจดีย์คีรีวิหาร ทางวัดได้สร้างตำหนักถวายแด่สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ท่านตั้งนามตำหนักนี้ว่า “ตำหนักคีรีรมย์”
มีถาวรวัตถุ คือ
ปฏิสังขร เมื่อปี พ.ศ. 2539 โดยพระครูสถิตธรรมญาณ ร่วมกับคณะศรัทธาบูรณะปฏิสังขร เมื่อปี พ.ศ. 2539 โดยพระครูสถิตธรรมญาณร่วมกับคณะศรัทธา (ปัจจุบันปรับปรุงเป็นสำนักงานเจ้าคณะอำเภอลับแล) |
เจดีย์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองนครลับแล |