ยุคพระเจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร เป็นเจ้าเมือง อาณาเขตคลองเมืองลับแลจะกว้างแค่ไหนสืบถาม กับคนโบราณไม่มีใครตอบได้เพียงแต่รู้ว่าในยุคนั้น |
นครกัมโพช (เมืองทุ่งยั้งในปัจจุบัน) หมดสภาพเป็นเมืองไปแล้ว และ ท่าโพธิ์ ท่าอิด ท่าเซาว์ ก็ยังไม่เจริญผู้เขียนสันนิษฐานว่าพระเจ้าครองเมือง |
ที่มีบุญวาสนาบารมีมีบรมเดชานุภาพมาก จะต้องมีอาณาเขตกว้างขวาง |
1. ทิศตะวันออก ถึงท่าโพธิ์ ท่าอิด ท่าเซาว์ ( ตำบลคลองโพธิ์ ตำบลท่าอิฐ ตำบลท่าเสา ในปัจจุบัน) |
2. ทิศตะวันตก จนเขตนครเชลียง (ศรีสัชนาลัย ในปัจจุบัน) |
3. ทิศเหนือ จดเขตนครแพ ( จังหวัดแพร่ ในปัจจุบัน) |
4. ทิศใต้ จดเมืองพิชัย |
หรืออาจจะกว้างกว่าที่สันนิษฐานก็ได้ |
อีกนัยหนึ่งต้นตระกูลของชาวเมืองลับแล มีสองตระกูลคือสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์เวียงโยนกชัยบุรีศรีเชียงแสน ตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน |
ตั้งแต่บ้านคอกช้าง ขึ้นไป ถึงต้นเกลือ อีกตระกูลหนึ่งสืบเชื้อสายมาจากเวียงจันทร์ ตั้งถิ่นฐานบ้านเรือน ตั้งแต่บ้านกระดาย (บ้านยังกะได ในปัจจุบัน) |
ลงไปถึงบ้านนาแต้ว และบ้านนาทะเล ตามคำบอกเล่าว่า เจ้าเมืองลับแลจัดให้ชาวเมืองลับแลตระกูลเวียงจันทร์อพยพไปตั้งถิ่นฐานอยู่ชายแดน คือ |
ที่บ้านปากฝาง สิ่งที่พิสูจน์ก็คือขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปกรรมต่างๆ เอาแบบฉบับมาจากเมืองลับแลทั้งสิ้น การทอผ้าซิ่นตีนจก ซิ่นมุก ซิ่นไก |
ถุงกุลา ผ้าห่มหัวเก็บและการแต่งกาย ของสุภาพสตรี เหมือนกับชาวเมืองลับแลทุประการ |
ฝ่ายการศาสนาก็มีวัดปากฝาง วัดเหล่าป่าสา ถือธรรมเนียมเดียวกันกับเมืองลับแลมีการเรียนหนังสืออักษรพื้นเมืองภาคพายัพ บูชาแก้วทั้งสาม |
เวรครัวทาน เทศน์มหาชาติทำนองเมืองลับแล สืบต่อมาจนถึงปัจจุบันนี้ พอจะเชื่อได้ว่าอาณาเขตเมืองลับแล ในยุคพระเจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร |
แผ่แสนยานุภาพก็คงจะปกครองไม่ถึงปากฝาง และอาณาเขตทิศตะวันออกจะจดเขตนครเวียงจันทร์ก็ได้ |
อ้างอิงจาก ฟู บุญถึง และคณะ . ( ม.ป.ป.) . ลับแลหรือจะแลลับ , สำนักงานการประถมศึกษาอำเภอลับแล |