Basic Theory of UFO

 

Basic Theory of UFOs : ว่าด้วยเรื่องราวพื้นฐานอีกหน่อยเกี่ยวกับ UFOs

ทฤษฎีเบื้องต้นเกี่ยวกับจานบินและมนุษย์ต่างดาว
วันที่นั่งปั่นบทความนี้อยู่ คือเช้าตรู่ของวันที่ 2 ต.ค. ครับ อากาศแจ่มใสดีมาก รู้สึกสบายอกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเพราะเมื่อคืนไปเที่ยวมาทั้งคืนเลย กลับมาก็หลับเป็นตาย (เงินเดือนเพิ่งออกนี่นา ต้นเดือนคงเป็นกันทุกคนนะครับ) เพิ่งนึกได้แหละครับว่าไม่ได้ update โฮมเพจนี้นานพอดู ว่าแล้วก็เลยหยิบๆเอกสารที่มีมาพิจารณา เห็นเรื่องนี้แหละครับน่าสนใจ The Basic of UFOs Theories เป็นสมมุติฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับ UFOs เหมาะสำหรับผู้สนใจ และเริ่มต้นจะศึกษาเรื่องราวเหล่านี้ สำหรับผู้เชี่ยวชาญและช่ำชองแล้วจะอ่านดูเล่นๆก็ได้นะครับ ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด

เดี๋ยวนี้เรื่องการพบเห็น UFOs ชักจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาๆไปเสียแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อนนะครับ ที่พอมีข่าวทีก็ไปลือกันให้ลั่นสนั่นเมือง อาจจะเป็นเพราะคนในสมัยนี้เริ่มทำใจได้กับเรื่องพวกนี้ และส่วนหนึ่งก็คงจะยอมรับอยู่ลึกๆว่า UFOs และมนุษย์ต่างดาวนั้นมีอยู่จริง อีกประการก็คือ มีหนังสือ - ตำรับตำรา เกี่ยวกับ UFOs ออกมามากมายเหลือเกิน บางเล่มก็น่าอ่าน บางเล่มก็เพ้อเจ้อ ถึงอย่างนั้นหนังสือพวกนี้ก็ยังได้รับการต้อนรับจากผู้อ่าน แทบทุกสาขาอาชีพ ส่วนใครที่เพิ่งจะมาเริ่มสนใจ และเพิ่ง "หลงผิด" เข้ามาดูเว็บไซต์ของผม - นาย Sonic คนนี้ ก็ขอให้ท่านอ่านบทความต่อจากนี้ก่อน เพื่อดูแง่มุมที่น่าสนใจเบื้องต้นของ UFOs เอ้า… ว่าแล้วเราก็ไปดูกันเลยดีกว่านะครับ

What are UFO's and where do they come from ?
ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น ก้อนหิน ดินทราย ขนมปัง ปลากระป๋อง หรือแม้แต่ UFOs มันก็ต้องมีที่ไปที่มาจริงไหมครับ ถ้า UFOs ที่ข่าวการพบเห็นให้เราได้ยินกันทุกวันๆนั้นมีอยู่จริง มันก็ต้องมีที่มาใช่ใช่ไหมครับ สถานที่ๆ UFOs เหล่านั้นจากมามันต้องมีอยู่ที่ไหนสักแห่งนี่แหละ ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้นยังไม่มีใครตอบได้ หรือมีคนเหล่านั้นก็ดันไม่ยอมปริปากด้วยเหตุผลบางประการ ( เช่น NASA และรัฐบาลของมหาอำนาจตะวันตก อ้อ อย่าดูถูกญี่ปุ่นกับจีนนะครับ นี่ก็ใช่เล่นเหมือนกัน มีข่าวมาเหมือนกัน ว่าทั้งสองประเทศนี้กำลังทำโครงการลับๆอะไรบางอย่าง ที่เกี่ยวกับ UFOs อยู่ ) ในเมื่อหาคำตอบที่ถูกต้องไม่ได้ก็ต้องอาศัยสมมุติฐานเข้าช่วยล่ะครับ มีนักวิชาการหลายท่านเสนอทฤษฎีน่าสนใจขึ้นมา เกี่ยวกับคำถามที่ว่า " UFOs มาจากไหน " ลองมาดูกันครับ ว่า UFOs น่าจะมาจากที่ไหนบ้าง

Another Planet
เป็นทฤษฎีที่ป๊อบที่สุด และมีความเป็นไปได้มากที่สุดครับ ดูจากลักษณะทั่วไปของ UFOs มันถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ไม่มีชาติใดในโลกทำได้ ( อย่างน้อยก็ตอนนี้ ) ในบางรายที่พบเห็น UFOs ยืนยันว่า มันไม่เหมือนอากาศยานของชาติใดในโลกอย่างเด็ดขาด ส่วนนักบินที่มากับ UFOs เล่า หน้าตาแต่ละท่านไม่เหมือนเผ่าพันธ์ชาวพิภพเราเลยสักนิดเดียว ดังนั้น นักวิชาการหลายคนจึงลงความเห็นว่า พวกนี้น่าจะมาจากต่างดาวครับ

ข้อยืนยันก็คือ ดวงดาวในห้วงอวกาศมีมากมายจนนับทั้งชีวิตก็ไม่ถ้วน อาจจะมีดาวเคราะห์ในสักจักรวาลหนึ่ง ที่มีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาอาศัยอยู่เช่นพวกเรา มีความเป็นไปได้ใช่ไหมล่ะครับ? ปัญหาก็คือ ระยะทางระหว่างแต่ละแกแล็คซี่มันช่างไกลกันจนน่าใจหาย ความเร็วที่สุดของที่สุดที่มนุษย์รู้จักในปัจจุบันก็คือความเร็วแสง ถึงขนาดว่าแสงเร็วกว่าจะเดินทางไปถึงดาวบางดวงที่อยู่ใกล้ๆ ก็ยังกินเวลาเป็นร้อยๆปีด้วยซ้ำ จะกินเวลาอีกสักเท่าไหร่กันครับ กว่าเทคโนโลยีของมนุษย์จะก้าวข้ามกำแพงแห่งความเร็วแสง เพื่อเปิดยุคแห่งการสัญจรระหว่างดวงดาว จะได้รู้ๆกันเสียทีว่า ดาวดวงใดบ้าง ที่มีสิ่งมีชีวิตอย่างมนุษย์เราอาศัยอยู่บ้าง

มากกว่า 30 ปีมาแล้ว ที่มนุษย์เราสงสัยว่า ดวงจันทร์และดาวศุกร์ (รวมไปถึงดาวอังคาร) มีมนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่ ถึงแม้ปัจจุบัน ภาพถ่ายจากยานสำรวจได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า ไม่น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาสัยอยู่บนดาวเคราห์เหล่านี้ คนส่วนใหญ่รวมทั้งนักวิทยาศาสตร์บางท่านก็ยังปักใจเชื่ออยู่ดี ว่าต้องมีมนุษย์ต่างดาวหลบซ่อนอยู่ตรงหลืบไหนสักแห่งบนดาวเคราะห์พวกนี้แหละ โอกาศที่มนุษย์ต่างดาวและ UFOs จะมาจากต่างแกแล็คซี่นั้น ความเป็นไปได้ออกจะริบหรี่เต็มทน ทั้งนี้เนื่องมาจากระยะทางนั่นเอง แต่ก็ไม่แน่หรอกครับ พวกเขาอาจจะกำเทคโนโลยีที่เราไม่รู้เอาไว้ในกำมือก็ได้

Another Dimension
เป็นอีกทฤษฎีหนึ่งที่น่าสนใจมากครับ กล่าวคือ ถ้า UFOs พวกนี้ไม่ได้มาจากต่างดาว ก็น่าจะมาจากอีกมิติหนึ่ง ซึ่งอาจจะซ้อนกับมิติของเราอยู่ ต้นตำรับผู้เสนอแนวคิดเรื่องผู้มาเยือนจากต่างมิติ คือกระทาชายนาย Jacques Vallee นับว่าน่าสนใจมากเหมือนกัน เพราะสามารถอธิบายลักษณะการปรากฏตัว การลักพาตัวมนุษย์โลก รวมทั้งการเคลื่อนไหวแบบแปลกๆของ UFOs ได้ในหลายๆกรณี แต่ก็แค่นั้นแหละครับ เป็นเพียงแค่ทฤษฎีที่น่าสนใจเท่านั้นเอง ความเป็นไปได้ยังน้อยอยู่มาก ผู้คนส่วนใหญ่จึงเพียงแค่รับฟัง ไม่ถึงกับคล้อยตามอย่างในทฤษฎีแรก ที่ว่าด้วยการมาเยือนจากดาวดวงอื่น

Psychological / Earth Effects
ยังมีนักวิชาการและนักวิจัยจำนวนมาก ที่เชื่อว่าการมองเห็นยูเอฟโอ เป็นผลกระทบจากสมองและอาการผิดปกติทางกายภาพครับ มีอยู่รายหนึ่งเชื่อว่า เป็นอาการตาฝาดหรือมองเห็นภาพหลอน อันเนื่องมาจากสมองของผู้พบเห็นมีปฏิกิริยากับ คลื่นวิทยุ และกระแสแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งมีกันอยู่ดาษดื่นแทบจะวิ่งชนกันตายในสังคมปัจจุบัน อนุภาคของคลื่นบางชนิดอาจส่งผลผิดปกติทางประสาทรับรู้ของคนเราก็ได้ เค้าว่ามาอย่างนั้นนะครับ

มีอีกรายเหมือนกันที่เสนอแนวคิดว่า บนโลกอันแสนจะบูดเบี้ยวของเรานี้ จะมีพื้นที่บางส่วนที่มีพลังแม่เหล็กไฟฟ้ามหาศาลอยู่ เมื่อเกิดปฏิกิริยาบางประการขึ้น เจ้าบริเวณที่ว่านี้จะสามารถส่งพลังงานออกมาและ "ลบ" คลื่นตลอดจนพลังงานทั้งปวงไปจนหมดสิ้น แถมพลังงานที่ออกมาบางครั้งยังเปล่งแสงส่องสว่างได้เหมือนหลอดไฟด้วย มันก็น่าคิดเหมือนกันนะครับ เพราะตามรายงานการพบเห็น UFOs ส่วนใหญ่จะระบุว่า คอมพิวเตอร์ไม่ทำงาน เข็มทิศตลอดจนอุปกรณ์อีเล็คทรอนิคส์ล้วนใช้การไม่ได้ แล้วท่านคิดอย่างนักวิจัยคนนี้ไหมครับ ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ผิดปกติของแม่เหล็กไฟฟ้าบนพื้นที่ "พิเศษ" บางแห่งบนโลกของเรา และเจ้าสิ่งบินแปลกปลอมที่รู้จักกันในนามของ UFOs ที่เห็นๆกันนั้น คือปรากฏการณ์ของการส่องสว่างอันเนื่อง มาจากพลังงานที่ว่า

ฟังๆดูก็เข้าท่าครับ เพียงแต่ทฤษฎีนี้อธิบายเรื่องของ UFOs ไม่ได้ทั้งหมด โดยเฉพาะกรณีที่มีรายงานการพบเห็นมนุษย์ต่างดาว การลักพาตัวคนบนโลกไปทำการทดลอง ตลอดจนร่องรอยของอารยธรรมโบราณที่กล่าวถึงพระเจ้าจาก" อวกาศ " โดยส่วนตัวของนายโซนิคเองเชื่อว่า ในรายงานการพบเห็น UFOs คงมีบางส่วนที่จัดเข้ากรณีนี้ได้ แต่ไม่ใช่ทั้งหมดอย่างแน่นอน แหม… ก็หลักฐานมันเห็นๆกันอยู่ทนโท่นะครับ

From the Future
มาจากอนาคตครับ ทฤษฎีนี้พึ่งได้รับการตอบรับจากนักวิชาการทั่วไปเมื่อไม่นานมานี้เอง ว่ามีสิทธเป็นไปได้เหมือนกัน แถมยังตอบคำถามเกี่ยวกับ UFOs ได้ในแทบทุกกรณี ซึ่งบางแง่มุมก็น่าคิดอยู่ไม่น้อย ผมจะขอยกประเด็นที่น่าสนใจมาสัก ประเด็นสองประเด็นก็แล้วกันนะครับ

มนุษย์โลกเชื่อกันว่า ความเร็วที่สุดเท่าที่เคยเร็วมาก็คือความเร็วของแสงครับ ไม่มีอะไรจะเดินทางได้เร็ว และย่นเวลาได้เท่าแสงอีกแล้ว หากการมาเยือนของผู้มาจากโพ้นพิภพมีจริงๆ นั่นก็แสดงว่าพวกเขาไม่น่าจะอยู่ไกลจากเรามากนัก เพราะมาให้พบเห็นกันบ่อยเหลือเกิน นักวิชาการบางคนเลยเสนอแนวคิดว่า ผู้ที่มากับ UFOs นั้นอาจไม่ใช่อื่นไกล ก็มนุษย์โลกเราเองนี่แหละครับ ที่ย้อนเวลามาจากอนาคต เพื่อกระทำกิจธุระกับมนุษย์ปัจจุบันในหลายๆด้าน ฟังดูเหลือเชื่อแต่ก็มีสิทธิเป็นไปได้ในอนาคต อนาคตตอนไหนน่ะหรือ? ฮ่า ฮ่า ก็อนาคตตอนที่ฟิสิกข์ของเราก้าวหน้าจนถึงขั้นท่องเที่ยวในกาลเวลาได้เหมือนในหนังน่ะสิครับ

ทุกคนที่เรียนประวัติศาสตร์มาคงจะซึมซาบกับอมตวาจาประโยคนี้ดี "ประวัติศาสตร์ คือบทเรียนที่ดีของอนาคต" ผู้มากับ UFOs อาจต้องการมาศึกษาประวัติศาสตร์จากอดีตของพวกเขา ซึ่งก็คือยุคปัจจุบันของพวกเรา (ฟังแล้วงงดีวุ๊ย) นั่นเอง ความสามารถในการ "วาร์ป" ข้ามกาลเวลาของ UFOs คือคำตอบที่ดีของคำถามที่ว่า ทำไมเวลามีผู้พบเห็น UFOs มักจะเห็นมาโผล่มาอย่างปุบปับ แล้วก็หายแว๊บไปอย่างไม่มีร่องรอย

ข้อเท็จจริงอีกอย่างที่พอจะสนับสนุนทฤษฎีนี้ได้ ก็คือรายงานการพบเห็นสิ่งมีชีวิตที่มากับ UFOS นั่นล่ะครับ รูปร่างเล็ก ตัวสีเทา หัวโต ตัวลีบ นิ้วมือยาว สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะเกิดขึ้นกับมนุษย์ในอนาคต เป็นผลมาจากวิทยาการที่ทำให้มนุษย์ได้รับความสะดวกสบายเกินไป และถ้าพวกเขาเป็นมนุษย์โลกที่มาจากอนาคตจริง มันก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะสนใจทำการทดลองกับร่างกายของเรา เพื่อศึกษาวิวัฒนาการนั่นเอง

พวก"เขา"มาที่โลกทำไม?
สงสัยกันมาบทหนึ่งแล้ว ว่า UFOs นั้นมาจากไหน คราวนี้เราก็มาสงสัยกันต่อดีไหมครับ ว่าพวกเขามากันทำไม มาเพื่อกิจการใด หรือมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ในการมาเยือนดาวเคราะห์ดวงเล็กๆแห่งนี้ เช่นเคยครับ มีทฤษฎีที่น่าสนใจอีกเช่นกัน ถึงเหตุผลที่ UFOs มาเยือนโลกมนุษย์เรา เหตุผลที่ว่า ก็มีดังนี้ครับ

มาเยือนด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ฮะฮะ… จั่วหัวข้อเอาไว้อย่างกับมนุษย์ต่างดาว (ขอเรียกแบบนี้ไปก่อนนะครับ) เป็นไทยมุงชอบสอดแน่ะ แต่จริงๆแล้วก็น่าคิดอยู่ไม่น้อย เป็นเหตุผลที่ Simple Normal ธรรมดาๆมาก เหตุที่เราได้รับการมาเยือนจากโพ้นพิภพก็เนื่องจากผู้มาเยือน ต้องการมาศึกษาโลกมนุษย์ไงล่ะครับ ก็คล้ายๆกับคนเรานี่แหละ ที่ชอบเดินทางไปไหนมาไหน เพื่อศึกษาอารยธรรมใหม่ๆ เหตุผลที่มนุษย์ต่างดาวเทียวมาเทียวไปโลกเราเป็นว่าเล่น อาจจะเป็นเหตุผลเดียวกับที่คุณๆขึ้นเหนือไป เพื่อดูกระเหรี่ยงคอยาว หรือเป็นเหตุผลเดียวกับนักมานุษยวิทยาบุกเข้าป่า เพื่อศึกษาวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองก็เป็นได้ นับเป็นเหตุผลธรรมดาๆที่หนักแน่นและน่าฟังทีเดียวครับ

ถึงงั้นก็เถอะครับ มีหลายกรณีที่ไม่แน่ว่าจะเป็นการมาทัวร์โลกเพื่อการศึกษาเสมอไป การลักพาตัวมนุษย์โลกไปทดลองเอย ปรากฏการณ์ฆ่าหมู่สัตว์เลี้ยงที่เรียกว่า Cattle Mutilation เอย มันดูไม่เหมือนเพื่อการศึกษาเลยสักนิด แถมมนุษย์ต่างดาวที่พบเห็นกันในปัจจุบัน ก็มีหลากเผ่าหลายพันธ์กันเหลือเกิน ถ้าจะบอกว่าบางเผ่าพันธ์มาเพื่อการศึกษา ในขณะที่บางเผ่าพันธ์ไม่ เรื่องนี้ก็คงต้องคิดกันอีกยาวล่ะครับ สำหรับผู้มีหน้าที่รักษาความมั่นคงของชาติ

เพื่อแสวงหาทรัพยากร
เป็นไปได้เหมือนกันนะครับ มนุษย์ต่างดาวอาจมาเยือนโลกเราด้วยเหตุทางเศรษฐกิจ คือมาหาทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่มีบนดาวเคราะห์ของเขา อาจเป็นแร่ธาตุบางประเภท เพราะบ่อยครั้งที่มีรายงานว่า พบ UFOs กำลังตักตัวอย่างดิน หรือหิน บางที ทรัพยากรที่มนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ต้องการ อาจรวมไปถึง "สิ่งมีชีวิต" บางประเภทด้วยก็เป็นได้

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็น่าจะติตต่อทำการค้ากับโลกเราเสียเลยสิ บางท่านอาจคิดแบบนี้ ก็ไม่รู้เค้าล่ะครับ เค้าคงชอบแอบมาเงียบๆแบบไม่ให้รู้ตัวกระมัง หรือไม่ก็เห็นโลกเป็นจุดแวะระหว่างทาง แอบมาเติมพลังงาน เติมเชื้อเพลิง เติมเสบียง ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังแกแล็คซี่อื่นก็ได้

มาเพื่อเตือนมนุษย์โลก
ในบรรดาผู้มีประสบการณ์ในการติดต่อกับ UFOs เป็นจำนวนมาก ในที่นี้จะรวมทั้งผู้ถูกลักพาและผู้สามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ (โดยอ้างว่าติดต่อทางโทรจิต -Sonic) ล้วนกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า มนุษย์ต่างดาวที่ตนได้ติดต่อด้วย มาเพื่อเตือนมนุษย์ชาวโลกไม่ให้เดินทางผิด และทำลายโลกทั้งใบด้วยน้ำมือของมนุษย์

ก็น่าคิดอยู่เหมือนกันนะครับ วิทยาการในปัจจุบัน แม้จะเจริญก้าวหน้า นำความสะดวกสบายมาให้มนุษย์แบบก้าวกระโดดก็จริง คิดอีกแง่หนึ่ง มันก็เป็นดาบสองคมเหมือนกัน ถ้าใช้ไม่ดี ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นหรอกที่จะเจ็บหนัก สิ่งมีชีวิตอื่นๆก็จะพลอยรับกรรมไปด้วย ดังจะเห็นได้จากปัญหามลพิษเอย สารตกค้างเอย ความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมทำเอาสัตว์สูญพันธ์ไปอย่างถาวรนับร้อยนับพันธ์สปีชี่ส์ ร่างกายมนุษย์เองก็เริ่มพิกลพิการ หรือเติบโตแบบผิดธรรมชาติ อันเนื่องมาจากผลกระทบทางวิทยาการ โรคภัยใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวันจนนับกันแทบไม่ไหว

นั่นเป็นผลกระทบทางกายภาพเท่านั้นครับ ผลทางด้านจิตใจอันเกิดจากสังคมมนุษย์เรายังไม่ได้พูดถึงเลย และผมก็คงละไว้ในฐานที่เข้าใจกันนะครับ ว่ามนุษย์เรานับวันมีแต่จะหย่อนด้านศีลธรรม วิปริตวิปลาศมากขึ้นทุกวันๆ นี่แหละครับ ผลจากการยึดติดกับอารยธรรมด้านวัตถุเพียงถ่ายเดียว

นักวิทยาศาสตร์บางท่านแนะว่า สาเหตุที่มนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกเรา น่าจะมีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากพลังงานใหม่ พลังงานอันน่ากลัวที่เราเพิ่งค้นพบกันในสมัยศตวรรษที่20 พลังงานนิวเคลียร์ไงครับ ข้อสังเกตุบางประการของนักวิทยาศาสตร์ท่านนี้คือ รายงานการพบ UFOs มีถี่ขึ้นเป็นพิเศษ หลังช่วงปี 1950 เป็นต้นมา สัมพันธ์กันพอดีกับการทดลองระเปิดปรมาณูลูกแรกในช่วงกลางปี 1945 ข้อเท็จจริงอีกข้อที่ปฏิเสธไม่ได้คือ UFOs จะถูกพบเห็นบ่อยมากในแถบที่มีการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ มีเตาปฏิกรณ์ปรมาณู หรือ สถานีปล่อยยานอวกาศ ( ทั่วโลกเลยครับ ไม่ใช่แค่อเมริกา ) บางท่านคงเคยได้ยินหรืออ่านข่าวกรณี UFOs ตกที่รอสเวล (Roswell) แล้วทราบกันบ้างไหมครับ ว่ารอสเวลคือฐานทัพแห่งแรกที่เป็นที่ตั้งของเครื่องบินทิ้งระเบิดปรมาณู

มาเพื่อทดลองถ่ายเทพันธุกรรม (Genetic Manipulation)
เหตุผลนี้นักลึกลับศาสตร์ทั้งหลายชอบกันนักล่ะครับ รวมไปถึงผู้สร้างภาพยนตร์หลายรายก็นิยมกันไม่น้อย ใช่แล้วครับ มนุษย์ต่างดาวบางกลุ่ม กำลังใช้มนุษย์และสิ่งมีชีวิตบนโลก ทำการทดลองบางอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับพันธุวิศวกรรมศาสตร์ ปรากฏการณ์ Cattle mutilation ยืนยันถึงเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

พยานหลายปากที่ถูกลักพาตัวไปโดยมนุษย์ต่างดาว ( หาอ่านได้จากหนังสือทั่วไปนะครับ เยอะแยะไปหมด ) ล้วนให้ปากคำตรงกันว่า พวกเขาถูกนำไปทดลองอะไรบางอย่าง มีการดูดเอาของเหลวออกจากร่างกาย บางรายโดนเก็บตัวอย่างน้ำเชื้อ หรือ รังไข่ไปด้วย มองในแง่หนึ่ง อารยธรรมหรือสายชีวิตของมนุษย์ต่างดาวพวกนี้พังทลายไปหมดแล้ว พวกเขาต้องการ"อะไร"บางอย่างมาเชื่อมต่อห่วงโซ่ที่ขาดหาย และสร้างสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา หรือบางทีพวกเขาต้องการปรับตัวของพวกเขาเองให้อาศัยอยู่บนโลกได้ โดยอาศัยยีนส์และ DNA จากสิ่งมีชีวิตบนโลก อ้าว… เป็นไปได้เหมือนกันนะครับ มาจากดาวคนละดวงกันนี่นา ชั้นบรรยากาศ สภาพแวดล้อม หรือแม้แต่เชื้อโรคอาจต่างกันแบบสุดขั้วก็ได้

เอ…ว่าแต่ถ้าพวกเขาต้องการมาอาศัยบนโลกจริงอย่างที่ทฤษฎีนี้กล่าวไว้ พวกเขาจะมาในฐานะอะไรล่ะ ผู้มาอาศัย หรือ ผู้ปกครองคนใหม่ น่าคิดนะครับ

มาเพื่อรุกราน
เหตุผลที่ผมจัดมันไว้อันดับสุดท้ายก็เนื่องมาจากมันไม่เข้าท่า แถมน่ากลัวเอาเหมือนกัน ลองนึกถึงภาพยนตร์บางเรื่องสิครับ Invader From Mars หรือ ID 4 ก็ได้ แต่ฉากจบคงไม่แฮปปี้เอนดิ้งเหมือนในหนังหรอก มนุษย์จะเอาอะไรไปชนะเทคโนโลยีของสิ่งมีชีวิตจากต่างพิภพได้ล่ะ เชื่อว่าถ้าสงครามระหว่างมนุษย์โลกกับต่างดาวเกิดขึ้นจริงๆ เราแทบไม่ต้องคาดเดาผลของสงครามเลย ผมก็รู้ คุณก็รู้ ใครๆก็รู้ ภาวนาอย่างเดียวคือ ขออย่าให้มันเกิดขึ้นเลย

นักเขียนบางคนได้จับเอาประเด็นของการยักย้ายพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นั่นก็คือ มนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ ได้จับตามองจ้องจะยึดโลกมานานแล้ว ที่พวกเขารออยู่ ก็คือรอการปรับพันธุกรรมของพวกเขาเอง ให้แน่ใจว่าสามารถดำรงชีวิตอยู่บนโลกได้เสียก่อน แล้วค่อยลงมือยึดครอง

ฟังดูแล้วน่ากลัวแฮะ รู้สึกเหมือนตกไปอยู่ในยุคล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกยังไงยังงั้นเลย ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง เราชาวโลกก็พูดอะไรไม่ออกล่ะครับ ประเทศอาณานิคมจะมีสิทธิพูดอะไรได้ฤา?

 

หน้า2 NEXT>>

 


 
 
BY ขจรศักดิ์ เลาห์สัฒนะ
Hosted by www.Geocities.ws

1