ตำนานดวงดาว

 

ตำนานต้นกำเนิดชื่อดวงดาว

ไอโอ(Io) เป็นเจ้าหญิงแห่ง Argos เป็นธิดาของ Inachus(เทพแห่งแม่น้ำและวีรบุรุษในอดีตของชาว Argos) เธอยังโชคร้ายที่กลายเป็นนางบำเรอตัณหาของซุสอีกคนหนึ่ง ซุสได้แปลงกายเป็นวัวสาวสีขาวรูปร่างดี เพื่อพรางตาเทพีเฮรา ภรรยาขี้โมโหและขี้อิจฉาของเขา เฮรารู้ว่าซุสกำลังเล่นไม่ซื่อ จึงคาดคั้นให้ซุสแปลงกายกลับเป็นร่างเดิม ซุสไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงยอมแปลงร่างกลับเหมือนเดิม เฮราจึงนำเจ้าหญิงไอโอไปฝากให้!ประหลาด 100 ตา อาร์กัส(Argus)คอยเฝ้าดูแลในที่ลับที่ปลอดภัยจากซุส ต่อมาเทพเฮอร์เมสช่วยเหลือเธอออกไป เขาได้ฆ่าอาร์กัส และนำดวงตาของมันมาประดับหางนกยูง(!สัญลักษณ์ประจำตัวของเทพีเฮรา) แม้กระนั้นเทพีเฮรายังคงติดตามหาเธอโดยส่งตัวเหลือบไปต่อยเธอในทุกๆที่ที่เธอไป ในที่สุดแล้วเธอเดินทางมาจนพบโปรมีติอุสที่เชิงเขาคอเคซัสและได้ปรับทุกข์บอกเล่าเรื่องราวของเธอให้เขาฟัง ขณะที่เขายังคงถูกจองจำผูกอยู่กับก้อนหิน ถึงแม้ว่าโปรมีติอุสจะไม่สามารถช่วยเหลือเธอได้มากนัก แต่เขาก็พูดให้กำลังใจว่า ถึงแม้ว่า อนาคตของเธอจะเต็มด้วยความยากลำบากและเหนื่อยยากแค่ไหนก็ตาม เธอก็น่าจะสู้ต่อไป เมื่อเธอมาถึงลุ่มแม่น้ำไนล์ ในอิยิปต์ เธอก็ถูกนำตัวกลับสู่ซุส และให้กำเนิดบุตรแก่เขา ชื่อ Epaphus ซึ่งต่อมาได้เป็นบรรพบุรุษของเฮอร์คิวลิส ซึ่งในที่สุดได้ช่วยเหลือ โปรมีติอุสเป็นอิสรภาพ {ชื่อของเธอได้กลายมาเป็นชื่อแคว้นไอโอเนีย ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งทะเลตะวันตกของเอเซียไมเนอร์(ตุรกี) เพราะว่าเธอได้วิ่งหนีตัวเหลือบมาทางชายฝั่งทะเลนี้ และ ช่องแคบบอสฟอรัส(Bosphorus หรือช่องแคบวัว) ได้รับการตั้งชื่อจากการเดินทางข้ามช่องแคบของเธอ}
{ชื่อของเธอ ถูกกาลิเลโอ นำมาตั้งเป็นชื่อดวงจันทร์ของดาวพฤหัส}

แกนีมิด(Ganymede-กลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ,ดวงจันทร์ดาวพฤหัส) เป็นเด็กหนุ่มรูปงามที่เป็นคนรักหนุ่มของซุส ซุสตกหลุมรักแกนีมิด เมื่อซุสเห็นเขาไปเที่ยวภูเขา Ida กับกลุ่มเพื่อนของเขา ทันใดนั้นซุสก็แปลงกายเป็นนกอินทรียักษ์จับแกนีมิดไปบนเขาโอลิมปัส ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกลุ่มดาวนกอินทรี (Aquila) และกลายมาเป็นคนรินเหล้าให้แก่เทพเจ้า (บางตำนาน กล่าวว่า ซุสได้บัญชาให้เทพีอีออส(Eos)ลักพาตัวแกนีมิด และไทโทนัสลักพาตัวคนรักของแกนีมิด เพื่อแลกกับการประทานชีวิตอมตะแก่ไทโทนัส โดยที่ เทพีอีออสได้ลืมขอให้ไทโทนัสกลับเป็นหนุ่มเหมือนเดิม ทุกๆวัน เทพีอีออสผู้ซื่อสัตย์ได้ดูแลช่วยเหลือไทโทนัส จนกระทั่งวันหนึ่งไทโทนัสได้ขังเธอไว้ในห้องและจากเธอไปไม่กลับมาอีกเลย) เมื่อพระราชา Tros แห่งกรุงทรอยหรือ Laomedon พ่อของแกนีมิดรู้ว่าแกนีมิดหายตัวไป เขาได้เศร้าโศกเสียใจอย่างมาก ซุสจึงบัญชาให้เทพเฮอร์เมสนำของกำนัลคือม้าฝีเท้าดีที่วิ่งเร็วจนวิ่งบนน้ำได้ 2 ตัวไปให้กับพระราชาทรอส และฝากคำพูดไปบอกว่าที่พ่อตาว่าแกนีมิดยังมีชีวิตอยู่และได้รับการประทานชีวิตอมตะ ต่อมา เทพเปอร์ไซดอนได้ส่งอสูรทะเลมารบกวนชาวเมืองทรอย เมื่อเฮอร์คิวลิสเดินทางผ่านมา เขาจึงอาสาปราบอสูรทะเลเพื่อแลกกับม้าทั้ง 2 ตัวนั้น ทรอสตกลง เมื่อเฮอร์คิวลิสปราบอสูรทะเล เขาก็ได้รับม้าสินบนทั้งสองตัวนั้นไป เมื่อแกนีมิดเป็นคนรินเหล้าให้เทพเจ้า ขณะเดียวกันก็ได้กลายเป็นคนรักของซุส ต่อมาเมื่อเทพีเฮราทราบเรื่องก็อาละวาดกับซุสเป็นการใหญ่

ดังนั้น ซุสจึงส่งแกนีมิดไปเป็นหมู่ดาวคนแบกหม้อน้ำ(Aquarius-หมู่ดาวจักรราศีประจำเดือนกุมภาพันธ์) (แต่เดิม คนแบกหม้อน้ำ-Aquarius เป็นเทพอิยิปต์ ผู้ให้กำเนิดแม่น้ำไนล์จากการรินน้ำจากคนโทแบบมีหู) {ชื่อของเขา ถูกกาลิเลโอ นำมาตั้งเป็นชื่อดวงจันทร์ของดาวพฤหัส}

คาลิสโต(Callisto-ดาวจระเข้,ดวงจันทร์ดาวพฤหัส) เป็นนางไม้ ที่เป็นเพื่อนผู้ติดตามของเทพีอาร์เทมิส และเป็นธิดาของ Lycaon เธอช่วยเหลือเทพีอาร์เทมิสในการล่า!เป็นประจำและยังคงเป็นสาวพรหมจรรย์อีกด้วย คาลิสโตได้สนับสนุนแนวความคิดนี้ด้วยความศรัทธาอย่างแท้จริง จึงทำให้เธอได้กลายเป็นเพื่อนคนสนิทของเทพีอาร์เทมิส ขณะที่คาลิสโตกำลังสนุกสนานอยู่กับเพื่อนผู้ติดตามอาร์เทมิสคนอื่นๆ เธอเปล่งประกายความสาวจนดึงดูดความสนใจซุส ทั้งๆที่ซุสก็รู้ว่าเธอได้สาบานว่าจะเป็นสาวพรหมจรรย์ตลอดไป แต่ซุสก็ได้ใช้เล่ห์กลอิทธิฤทธิ์เพื่อที่จะได้คาลิสโตไปเป็นนางบำเรออีกคน เขาได้แปลงกายเป็นเทพีอาร์เทมิสและได้ทำให้เธอเสียใจ จนเธอหนีออกมา จึงเป็นโอกาสให้ ซุสได้ปลุกปล้ำข่มขืนเธอจนเธอตั้งท้อง (เสร็จตาเฒ่าซุสอีกคน)
เธอพยายามปลีกตัวหลบไม่ให้เทพีอาร์เทมีสล่วงรู้เรื่องที่เธอผิดคำสาบานที่ให้ไว้ ทำให้เธอกลัวว่าเทพีอาร์เทมีสจะโกรธ เธอปิดบังได้ในช่วงเวลาหนึ่ง จนถึงวันหนึ่ง เมื่อเพื่อนผู้ติดตามเทพีอาร์เทมิสคนอื่นๆ ถอดเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำในบ่อน้ำร้อน ในขณะที่คาลิสโตเริ่มที่จะถอดเสื้อผ้าและทันใดนั้นความลับที่ว่าเธอตั้งท้องก็ถูกเปิดเผยออกมา เทพีอาร์เทมิสจึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและขับคาลิสโตออกจากกลุ่มเพื่อนผู้ติดตามเธอ คาลิสโตจึงออกเดินทางเร่รอนกับลูกของเธอไปตามลำพัง แต่เคราะห์กรรมก็ยังตามเล่นงานเธอ เทพีเฮราเห็นเธอพ้นออกจากการอารักขาของอาร์เทมิส จึงแก้แค้นที่เธอมายุ่งกับซุสสามีของหล่อน หล่อนได้กระชากผมของคาลิสโต ผลักเธอล้มลงกับพื้นดิน แล้วสาปให้เธอกลายเป็นแม่หมี ส่วนลูกของเธอถูกเฮอร์เมสนำตัวไปให้เทพีเมอา แม่ของเขาเลี้ยงดู และได้รับการตั้งชื่อว่า อาร์คาส-Arcas ซึ่งหมายความว่า หมี
ต่อมาเขาเติบโตขึ้นเป็นนายพรานหนุ่มฝีมือดี และในวันหนึ่งเมื่อเขาออกไปล่า!เหมือนเคย เขาได้พบกับ หมีคาลิสโตแม่ของเขาซึ่งจำลูกของเธอได้ในทันที แต่เธอไม่สามารถบอกเขาได้ เธอจึงเดินเข้าไปใกล้อาร์คาสเพื่อจับและกอดลูกของเธอ โดยลืมไปว่าเธอถูกสาปให้กลายเป็นหมี อ้อมแขนของแม่จึงกลายเป็นอุ้งเล็บของหมีอันทรงพลัง เสียงของแม่อันอ่อนหวานจึงกลายเป็นเสียงขู่คำรามอันน่ากลัว เธอจึงทำให้อาร์คาสลูกของเธอตกใจกลัว และเล็งหอกของเขาไปที่เธอ ซุสได้เห็นเหตุการณ์ที่เขามีส่วนก่อให้เกิดขึ้น จึงมีความเวทนาสงสารสองแม่ลูกผู้รับเคราะห์กรรมจากตัณหาของเขา และได้เข้าขัดขวางการต่อสู้ของแม่ลูกคู่นี้ ซุสได้ส่งคาลิสโตขึ้นสู่สวรรค์ เป็น กลุ่มดาวหมีใหญ่(Ursa Major) บนท้องฟ้า และให้อาร์คาสกลายเป็นกลุ่มดาวหมีเล็ก(Ursa Minor)ใกล้แม่ของเขา
เทพีเฮราไม่พอใจกับการจัดการของซุสครั้งนี้ โดยเฉพาะเมื่อหล่อนนึกขึ้นได้ว่าคาลิสโตเล่นชู้กับสามีของหล่อน หล่อนจึงไปหาเทพีทีทิส แม่นมของหล่อนและอ้อนวอนให้ทีทิสลงโทษคาลิสโตและอาร์คาส เทพีทีทิสจึงตัดสินใจกั้นแม่น้ำแห่งสรวงสวรรค์(ทางช้างเผือก)จนเปลี่ยนทิศทางไม่ให้ไปถึงสองแม่ลูก ทำให้ทั้งสองหลงทางจนเดินวนเวียนในท้องฟ้า ไม่สามารถลงมาที่ขอบฟ้าเพื่อดื่มน้ำได้เลย(นี่เป็นคำอธิบายของชาวกรีกโบราณว่า ทำไมดาวทั้งสองกลุ่มนี้ จึงเคลื่อนที่วนเวียนอยู่ที่ขั้วโลก) {ชื่อของเธอ ถูกกาลิเลโอ นำมาตั้งเป็นชื่อดวงจันทร์ของดาวพฤหัส}

โครโนส (Cronus-เทพแห่งกาลเวลา) หรือชื่อในภาษาลาตินว่า Saturn เป็นพ่อของซุส {เป็นที่มาของชื่อดาวเสาร์ Saturn}

Titan คือชื่อของกลุ่มเทพเจ้า ทั้ง 12 ที่กำเนิดจาก เทพยูเรนัส และ เทพีกายา มีร่างกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ธรรมดามาก และมีกำลังมหาศาล

Hyperion เป็นเทพผู้คุ้มครองวิถีโคจรของตะวัน มีสมรสกับ Theia มีบุตรธิดา 3 องค์คือ Helios (ตะวัน){เป็นที่มาของธาตุลำดับที่ 2 Helium ค้นพบโดย Sir Norman Lockyer จากแถบสีเหลืองในสเปคตรัมของสุริยุปราคาเต็มดวงของดวงอาทิตย์}, เทพี Eos (รุ่งอรุณ-ชื่อโรมันว่า Aurora มีสวามีคือ Tithonus) และ Selene(จันทรา)

Phobe เป็นเทพีผู้คุ้มครองวิถีโคจรของจันทรา เป็นธิดาของเทพยูเรนัส และ เทพีกายา เธอแต่งงานกับพี่ชายของเธอ Coeus และเป็นแม่ของ Leto เธอเป็นเจ้าของวิหารพยากรณ์แห่งเดลฟี ก่อนทีจะถูก เทพอพอลโล ยึดครอง

Minas

ยูเรนัส (Ouranos-สวรรค์) เจ้าแห่งท้องฟ้า พ่อของโครโนส มีชายา คือ Ge,Gaia {เป็นที่มาของชื่อดาวมฤตยู Uranus}
Mirinda
Ariel
Umbriel
Titanian ราชินีแห่งนางไม้ ตัวละคร ในเรื่อง Midnight summer dream ที่ถูกยาสเน่ห์จนไปหลงรักมนุษย์ครึ่งลา
Oberon พระราชาแห่งภูติ ตัวละคร ในเรื่อง Midnight summer dream ที่งอนราชินีของตนเอง และกลั่นแกล้งให้ไปรักกับมนุษย์ครึ่งลา

คอร์เดเลีย (Cordelia),บิอังกา (Bianca), เครสสิดา (Cressida), เดสเดโมนา (Desdemona),
โอฟิเลีย (Ophelia) เป็นสาวที่แฮมเล็ทรัก แต่เพราะเป็นลูกสาวของเสนาบดีตัวร้ายของกษัตริย์พ่อเลี้ยงของแฮมเล็ท ที่ได้ขึ้นครองราชย์โดยไม่ชอบธรรม จึงถูกแฮมเล็ทหลอกใช้ เป็นเครื่องมือของทุกคน เป็นคนหัวอ่อนถูกบังคับโดยพ่อและพี่ สุดท้ายเมื่อพ่อถูกแฮมเล็ทฆ่าตาย ก็เป็นบ้า และฆ่าตัวตายในที่สุด
จูเลียต (Juliet) นางเอกในเรื่อง โรมิโอกับจูเลียตที่ฆ่าตัวตายตามคู่รักที่ตายเพราะไม่รู้ว่าเธอแกล้งตาย
พอร์เชีย (Portia) นางเอกในละครของเช็กสเปียร์เรื่องเวนิสวานิชเป็นผู้ว่าความให้คู่รักของตน
โรสซาลินด์ (Rosalind)
เบลินดา (Belinda),
พุค (Puck) ผีขี้เล่นลูกน้องของโอเบอรอน ตัวละคร ในเรื่อง Midnight summer dream

โปไซดอน(Poseidon) หรือชื่อในภาษาลาตินว่า Neptune {เป็นที่มาของดาวพระเกตุ Neptune} เป็นเจ้าแห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นบุตรของเทพโครโนส กับเทพีเรอา เขาเป็น 1 ใน 6 หกพี่น้องผู้ซึ่งแบ่งอำนาจกันปกครองโลก มีอาวุธคือตรีศูล มีฤทธิ์ทำให้ท้องทะเลปั่นป่วนและแผ่นดินไหว มีพาหนะคือ ม้าและปลาโลมา ทำให้เขาเป็นเทพแห่งแผ่นดินไหว และเทพแห่งอาชา นักเดินเรือและชาวประมงทั้งหลายบูชายัญเทพโปไซดอนด้วยการทิ้งม้าลงไปในทะเล เพราะพวกเขาเชื่อว่าเทพโปไซดอนจะคอยคุ้มครองให้พวกเขาเดินทางในทะเลอย่างปลอดภัย โปไซดอนอาศัยในวังที่สร้างจากปะการังและอัญมณี ที่ตั้งอยู่บนพื้นมหาสมุทร และเดินทางด้วยรถม้าแบบโรมัน แต่เพราะว่าโปไซดอนเป็นเทพขี้โมโห เจ้าอารมณ์ เมื่อเขาอารมณ์เสีย เขาจะกระแทกตรีศูลกับพื้นดิน ทำให้เกิดน้ำพุขึ้นมาจากพื้นดิน, แผ่นดินไหว, เรือล่ม และน้ำท่วมจนผู้คนจมน้ำตายมากมาย แต่เมื่อเขามีอารมณ์ดี เขาจะทำให้ทะเลสงบและสร้างเกาะขึ้นมาจากท้องทะเล โปไซดอนยังนิสัยเจ้าชู้เหมือนน้องชาย หลังจากที่เขาแต่งงานกับนางพรายทะเลแอมไฟไรท์(Amphitrite) และให้กำเนิด ไตรตอน(Triton) เขายังหลับนอนกับนางเมดูซ่า จนให้กำเนิด Chrysaor และม้าบินเปกาซัส(Pegasus) เขายังข่มขืนนาง Aethra จนให้กำเนิด Theseus แต่หลังจากนั้นนาง Aethra ก็ขอร้องให้เขาแปลงร่าง Caeneus กลับเป็นมนุษย์ นอกจากนี้เขายังข่มขืนนาง Amymone เมื่อหล่อนหนีจาก satyr และโปไซดอนได้ไปช่วยเหลือเธอ ลูกคนอื่นๆของโปไซดอน นอกจากที่กล่าวไปแล้ว ได้แก่ ยักษ์ร้าย Eumolpus, Polyphemus, นายพรานโอไรออน, พระราชา Amycus, Proteus, Agenor และ Belus ลูกของเขากับนาง Europa, Pelias และ ฟาโรห์ Busiris แห่งอิยิปต์ หนึ่งในนิยายรักของโปไซดอน ที่เลื่องลือ คือ โปไซดอนเฝ้ามองเทพีดีมิเตอร์ จนล่มหลง และคอยติดตามนาง จนนางรำคาญ แปลงกายเป็นนางม้าสาว เขาจึงแปลงกายเป็นม้าหนุ่ม และข่มขืนเธอ จนให้กำเนิด ม้าอาริออน Arion ดงันั้นเทพโปไซดอนจึงได้ชื่อว่า เป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์(ผู้เพาะปลูกข้าวสาลี)

Triton เป็นบุตรของโปไซดอน และ แอมไพไรต์ Amphitrite อาศัยอยู่ในวังทองใต้สมุทรกับพ่อแม่ของเขา เขามีร่างเป็นคน แต่มีหางเป็นปลา และมีขาเป็นม้า เขาชอบขี่ม้าและอสูรทะเลท่องไปตามคลื่นลมในทะเล และถือแตรหอยสังข์ที่สามารถเป่าให้คลื่นลมสงบหรือรุนแรงได้ตามอารมณ์ของเขา

Neried
---------------------------------------------------------------

Hades หรือชื่อในภาษาลาตินว่า Pluto {เป็นที่มาของดาวพระยม Pluto} เป็นเจ้าแห่งความตาย ผู้ปกครองดินแดนบาดาล เขานั่งบนบังลังค์งาช้าง, ถือคฑา และมีหมวกวิเศษซึ่งยักษ์ตาเดียวไซครอฟส์ให้เขา เมื่อใครก็ตามสวมใส่แล้ว ผู้สวมสามารถหายตัวได้
ฮาเดสปกครองวิญญาณโดยมีบริวารช่วยเหลือมากมาย เช่น Thanatos, Hypnos, คนแจวเรือ ชารอน, หมาปีศาจ 3 หัว เซอร์เบอรัส
นอกจากนี้ ฮาเดสยังเป็นผู้ครอบครองทรัพย์ในดินทั้งหลาย ทำให้เขากลายเป็น "สุดยอดอภิมหาเศรษฐีคนสำคัญ" และไม่ค่อยมีใครชอบเขามากนัก แม้แต่เหล่าเทพเจ้าทั้งหลายก็รังเกียจเขา ผู้คนต่างหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวนามของเขา ด้วยเกรงว่า พวกเขาจะกลายเป็นบุคคลที่เจ้าแห่งความตายต้องการตัว พวกเขาพยายามหลบเลี่ยงความตายด้วยการบูชายัญแกะดำ ปล่อยให้เลือดมันหยดลงหลุม สวดวิงวอนฮาเดส และเอามือทุบกับพื้นดิน เขายังได้รับสมญา อื่นๆเช่น Clymenus ('คนที่คุณก็รู้ว่าใคร'), Eubuleus ('การคาดเดาอย่างระมัดระวัง') and Polydegmon ('ผู้ซึ่งได้รับสิ่งต่างๆมากมาย')

ชารอน(Charon) เป็นคนแจวเรือจ้างรับส่งวิญญาณคนตายที่ถูกเทพเฮอร์เมสนำมาส่งให้เขาในนรก เพื่อข้ามแม่น้ำ Acheron เขาจะรับส่งเฉพาะวิญญาณคนตายที่ผ่านพิธีฝังหรือเผาศพอย่างถูกต้องตามหลักศาสนา และจ่ายเงิน 1 เหรียญเป็นค่าโดยสาร {เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องมีเงินปากผี} วิญญาณใดที่ชารอนไม่ยอมรับหรือไม่ยอมจ่ายค่าโดยสารจะได้รับเคราะห์กรรมให้เร่ร่อนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ Styx เป็นเวลา 100 ปี มนุษย์คนใดที่ต้องการเข้าสู่นรกจะต้องนำกิ่งไม้ทองจากนักพยากรณ์สาว Cumaean
ชารอน เป็นบุตรของเทพ Erebus กับ Nyx มักจะปรากฏตัวในร่างของชายแก่หน้าบึ้ง หรือ ปีศาจมีปีกถือค้อนคู่ {ชื่อของเขาได้รับการตั้งชื่อเป็น ดวงจันทร์ของดาวพลูโต}

64 เฮอร์คิวลิส(Hercules) มีชื่อภาษากรีกว่า Heracles เป็นบุตรชายของซุส กับ Alcimene ซุสแปลงเป็น Amphitryon พระราชาแห่งเมืองธีบส์ จนนาง Alcimene หลงกล ยอมหลับนอนด้วย จนให้กำเนิด Hercules แต่เทพีเฮรา แม่เลี้ยงขี้อิจฉาของเขาไม่ชอบ หน้าลูกเลี้ยงวัยทารกนัก จึงวางแผนฆ่าเขาโดยปล่อยงูลงในเปลของเขา แต่โชคดีที่เฮอร์คิวริส เกิดขึ้นมาพร้อมกับพลังอันมหาศาล จึงได้จับงูฟาดขอบเปลจนตาย เมื่อเขาเติบโตขึ้นเป็นหนุ่ม ก็ได้ฆ่าสิงโต ในที่สุด เทพีเฮราใช้อำนาจวิเศษ เสกให้เฮอร์คิวลิสเสียสติ จนฆ่าเมียของเขาที่ชื่อ Megara และลูกทั้ง 3 คนของเขา เขาจึงออกเดินทางเร่ร่อนเพราะเขาละอายใจที่เขาเสียสติ เฮอร์คิวลิสได้ไปถามวิหารเดลฟี ว่าเขาควรทำอะไร เพื่อเรียกชื่อเสียงเกียรติยศของเขากลับคืนมา เหล่าคนทรงแห่งวิหารพยากรณ์ ได้บอกให้เขาไปหาพระราชา Eurystheus แห่งเมือง Mycenae และคอยทำงานรับใช้อยู่ 12 ปี พระราชา Eurystheus ไม่รู้ว่าจะหางานใดที่เหมาะสมกับความสามารถของบุตรชายอันทรงพลังแห่งซุส ดังนั้นเทพีเฮราจึงลงมาจากวังของเธอบนเขาโอลิมปัสเพื่อมาช่วยพระราชาคิดและมอบงานอันยากลำบาก 12 งานเพื่อให้เฮอร์คิวลิสทำให้สำเร็จ ได้แก่

• งานแรกของเฮอร์คิวลิสคือ ไปฆ่าสิงโตดุร้าย Nemean เขาได้พุ่งตรงเข้าไปรัดคอมัน แล้วแบกมันกลับมา ยัง Mycenae
• งานต่อมาคือไปปราบงูยักษ์ 9 หัว Hydra เฮอร์คิวลิสได้ต่อสู้กับงูไฮดร้าโดยตัดหัวมันทีละหัว แล้ว Ioloas ลูกพี่ลูกน้องของเฮอร์คิวลิสได้ช่วยเผาหัวของมัน จนมาถึงหัวสุดท้ายที่เป็นอมตะ เขาตัดเท่าใดมันก็งอกออกมาใหม่ เขาจึงยกก้อนหินมากลิ้งทับหัวมัน {เมื่อมันตายได้ขึ้นสวรรค์กลายเป็นกลุ่มดาวไฮดร้า}
• งานที่ 3 คือไปหากวางเขาทองและนำมันกลับมาโดยยังมีชีวิตอยู่ เฮอร์คิวลิสได้ตามรอยกวางตลอด 1 ปี จนกระทั่งเขาพบมันและจับมันกลับมาได้
• งานที่ 4 คือจับหมูป่าที่มาก่อกวนชาวเมืองไมซีเน่ เฮอร์คิวลิสได้ไล่ล่าหมูป่าจนมันหนีขึ้นภูเขาและตกลง ในรอยแยกของหิมะ แล้วเขาก็ช่วยมันขึ้นมา ดูแลจนมันเชื่องและไม่ก่อกวนชาวเมืองอีกต่อไป
• งานต่อไป คือเขาถูกใช้ให้ทำความสะอาดโรงม้าของพระราชา Augeas ที่มีความสกปรกมากเพราะว่า มีปศุ!อาศัยอยู่อย่างแออัดถึง 1,000 ตัว โดยทำความสะอาดโรงม้าทั้งหมดภายใน 1 วัน เฮอร์คิวลิสจึงผันน้ำจากแม่น้ำ 2 สาย ให้ไหลผ่านโรงม้า Augean จนมันสะอาดเรียบร้อยภายในพริบตาเดียว
• งานที่ 6 คือฆ่านกกินคน Stymphalian เฮอร์คิวลิสได้ส่งเสียงตีเกราะเคาะไม้ไล่นกออกมาจากที่ซ่อน แล้วยิงมันด้วยลูกศรอาบยาพิษ
• งานที่ 7 ของเฮอร์คิวลิสคือ จับกระทิงป่าแห่งเกาะครีต เฮอร์คิวลิสได้ปล้ำกับมันบนพื้นแล้วแบกมันกลับไปหาพระราชา Eurystheus
• งานต่อไปคือ จับแม่ม้ากินคนแห่ง Thrace 4 ตัว เฮอร์คิวลิสได้ขว้างคนฝึกม้าที่เป็นเจ้านายมันลงไปจน พวกมันเชื่อง แล้วนำมันกลับไมซีเน่อย่างปลอดภัย
• งานที่ 9 คือไปเอาเข็มขัดของ Hippolyta ราชินีแห่งนักรบหญิงอะเมซอน ฮิปโปไลต้าเต็มใจที่จะให้ เข็มขัดแก่เขา แต่เทพีเฮราได้กล่อมให้พวกนักรบหญิงอะเมซอนเชื่อว่า เฮอร์คิวลิสพยายามที่จะเอาตัวราชินีไปจาก พวกหล่อน(ตามจองเวรไม่เลิกแฮะ) ดังนั้นเฮอร์คิวลิสจึงต้องสู้กลับพวกเขาจนชนะ แล้วนำเข็มขัดกลับไปหาเจ้านายของเขา
• งานที่ 10 คือ ไปจับ!เลี้ยงของปีศาจ Geryon เฮอร์คิวลิสได้ฆ่า Geryon แล้วไล่ต้อนปศุ!ของเกรีออนกลับไป ให้พระราชาของเขา
• งานที่ 11 คือไปหยิบลูกแอปเปิ้ลทองคำของ Hesperides เฮอร์คิวลิสได้บอกกับแอตลาสว่า ถ้าแอตลาส ให้แอปเปิ้ลแก่เขา เขาจะไปหยิบแอปเปิ้ลจากสวรรค์มาให้ เมื่อแอตลาสเสร็จจากงานกลับมา เฮอร์คิวลิสก็หลอกเขาว่า เขากำลัง จะไปเอาแอปเปิ้ลจากสวรรค์
• งานสุดท้ายของเฮอร์คิวลิส คือไปนำตัวสุนัข 3 หัว Cerberus ที่ทำหน้าที่เฝ้ายมโลกมา โดยไม่ใช้อาวุธ ใดๆ เฮอร์คิวลิสได้พุ่งตรงไปจับยึดหัวทั้ง 2 ของมันไว้ มันจึงยอมแพ้ เฮอร์คิวลิสจึงนำตัวเซอร์บีรัสมาให้พระราชา ซึ่งได้สั่งให้นำมันกลับไปคืนที่เดิม
หลังจากผ่านไป 12 ปีกับ 12 งานอันยากลำบาก เฮอร์คิวลิสก็เป็นอิสระอีกครั้ง เขาจึงไปยังเมือง Thebes และแต่งงานกับ Deianira ต่อมาหล่อนก็มีลูกกับเขาหลายคน ต่อมา เซ็นทอร์หนุ่ม นาม Nessus ได้ลักพาตัวนางไดแอนนิร่าไป แต่ เฮอร์คิวลิสได้มาช่วยเหลือโดยยิงด้วยลูกศรอาบยาพิษ ก่อนที่เนสซัซจะตายได้บอกนางไดแอนนิร่าได้เก็บเลือดบางส่วนของเขาไว้จะสามารถใช้เป็นยาเสน่ห์สำหรับ ใส่ให้เฮอร์คิวลิสเมื่อหล่อนสูญเสียเขาไปกับหญิงคนอื่น หลายเดือนผ่านไป ไดแอนนิร่าคิดว่าสามีของหล่อนกำลังจะมีผู้หญิงอื่น ดังนั้นเธอจึงนำเสื้อของเฮอร์คิวลิสไปซักในเลือดของเนสซัซแล้วให้เขาสวมใส่ แต่เนสซัซโกหกหล่อน เลือดของเนสซัซมีพิษ ทำให้เฮอร์คิวลิสมีอาการปางตายและตายในเวลาไม่นาน หลังจากตายไป เฮอร์คิวลิสได้ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ บนเขาโอลิมปัส กลายเป็นกลุ่มดาวมีชีวิตอมตะท่ามกลางเทพเจ้าทั้งหลาย ::

12 เปอร์เซอุส(Perseus) เป็นบุตรของซุสกับ Danae

Danae เป็นพระราชธิดาของพระราชา Acrisius มีความงามเลื่องลือไปทั่ว แต่เพราะพระราชา Acrisius เป็นคนหวงลูกสาวมาก จึงให้ลูกสาวของตนอยู่ในห้องนอนบนหอคอยใหญ่ คอยกันไม่ให้แม้แต่มดหรือแมลงใดๆมากล้ำกรายลูกสาวของตนได้ ความงามของพระราชธิดาดาเน่เลื่องลือไปถึงเขาโอลิมปัสจนเข้าหูซุส ด้วยความเจ้าชู้ไก่แจ้ ซุสจึงแปลงกายเป็นฝนทองคำสาดเข้าสู่หน้าต่าง และได้อยู่กินกับพระราชธิดาดาเน่ จนตั้งท้อง แล้วจากไป เมื่อพระราชธิดาคลอดลูกออกมา เทพพยากรณ์ทำนายว่า ถ้าปล่อยให้เปอร์ซีอุสเติบโตขึ้น เขาจะเป็นผู้ฆ่าพระราชา Acrisius ๆ จึงปล่อยพระราชธิดาดาเน่และเปอร์ซีอุสลอยแพในทะเล
เมื่อลอยไปในทะเลหลายวัน ทั้งสองได้รับการช่วยเหลือโดย Polydectes พระราชาแห่ง Seriphus เพราะหลงไหลในความงามของพระราชธิดาดาเน่ พระราชาโพลีเดคทีสพยายามหาโอกาสที่จะเข้าหาพระราชธิดาดาเน่เพื่อจึ๋ง จึ๋ง แต่ไม่สามารถทำตามตั้งใจได้เพราะเปอร์ซีอุสคอยกีดกันขัดขวางไว้ พระราชาโพลีเดคทีสจึงวางแผนกำจัดเปอร์เซอุส จึงส่งเขาให้ไปนำหัวเมดูซ่า(หญิงสาวที่มีงูเต็มหัว ใครมองเห็นจะกลายเป็นหิน)กลับมาเพื่อพิสูจน์ความกล้าหาญ เปอร์เซอุสออกเดินทางพร้อมกับโล่ห์เงิน ระหว่างเดินทาง เทพเฮอร์เมสและเทพธิดาเอธีน่า ได้ช่วยเหลือเปอร์เซอุสมากมาย เขาเดินทางไปหา เหล่าสาวๆพี่น้องของเมดูซ่า Graeae ที่มีตาเพียงคนละตาเดียวและฟันเพียงคนละซี่เดียว เปอร์เซอุสได้หยิบตาและฟันของพวกเธอมา และสัญญาว่าจะคืนให้ ถ้ายอมช่วยเหลือเขาเพื่อปราบเมดูซ่า พวกเธอจึงช่วยเขาโดยนำปีกนกทำจากไม้จันทน์ 1 คู่ เป็นของวิเศษที่ทำให้บินได้, ย่ามใบใหญ่ เพื่อใส่หัวเมดูซ่า และหมวกวิเศษของฮาเดส ที่มีอำนาจทำให้หายตัวได้ เปอร์เซอุสจึงสวมหมวกวิเศษ แล้วบินไปหานางเมดูซ่า มองเงาสะท้อนของนางในโล่ห์ แล้วใช้ดาบตัดหัวนาง ขณะที่เขาบินข้ามแอฟริกา เพื่อกลับสู่เมืองเซริฟุส เขาได้เผชิญหน้ากับเทพแอตลาส Atlas หลังจากต่อสู้จนเหน็ดเหนื่อย เปอร์เซอุสจึงหยิบหัวของเมดูซ่าออกจากย่ามแล้วให้แอตลาส มองจนกลายเป็นหิน {กลายเป็นภูเขาแอตลาส} แต่เขาก็ทำเลือดเมดูซ่าหยดไปบนผืนทรายของทะเลทรายแอฟริกา ซึ่งต่อมาหยดเลือดนั้นก็กลายเป็นงูพิษทะเลทรายที่มีพิษร้ายแรง
ต่อมาเมื่อเขาเดินทางผ่านทะเล เขาพบเทพธิดาแอนโรเมดาถูกล่ามโซ่เปลือยบนก้อนหินริมทะเลเพื่อสังเวยปีศาจทะเล เขาตกหลุมรักหล่อนในทันทีจึงไปเจรจาเงื่อนไขกับว่าที่พ่อตา เซเฟอุส ว่า เขาจะฆ่าปีศาจทะเลเพื่อแต่งงานกับหล่อน เขาจึงปราบปีศาจทะเลจนหมดสิ้น แต่ในงานพิธีแต่งงาน ก็เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น เมื่อ Phineus เพื่อนชายเก่าของแอนโดรเมดา เกิดอยากเป็นเจ้าบ่าวเสียเอง(ยุ่งล่ะสิ) จึงเกิดเรื่องทะเลาะวิวาทกันขึ้นเพื่อแย่งตัวแอนโดรเมดา เปอร์เซอุสจึงหยิบหัวเมดูซ่าออกมาจากย่าม ให้ ฟิเนอัสและพรรคพวกดูจนกลายเป็นหินไป
เมื่อเขาพาเจ้าสาวกลับมาเมือง Seriphus เขาพบว่าพระราชาโพลีเดคทีสยังคงคอยเซ้าซี่รบกวนนางดาเน่ เขาจึงใช้หัวเมดูซ่าอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนหระราชาให้กลายเป็นหิน(ใช้อยู่เรื่อย พลังไม่หมดหรือไงน่ะ) และเขาก็มอบปีกนก, ย่าม และหมวกวิเศษ ให้กับเทพเฮอร์เมส และมอบหัวเมดูซ่าให้กับเทพธิดาเอธีน่า ซึ่งนำหัวมาติดบนโลห์ aegis ของเธอเพื่อปกป้องเธอในสนามรบ
ในที่สุด เปอร์เซอุสก็เดินทางกลับไปยังเมืองของ Acrisiusโดยได้โยนจานร่อนเพื่อประลองกำลังไปถูกพระราชา Acrisius ตาย ตามคำทำนายทุกประการ

-----------------------------------------------------------------------

4 กาแล็คซีแอนโดรเมดา(Andromeda) เป็นพระราชธิดาของพระราชา Cepheus(กลุ่มดาวเซเฟอุส) กับพระราชินี Cassiopeia แห่งเอธิโอเปีย(Ethiopia)

5 กลุ่มดาวค้างคาว(Cassiopeia) ราชินีคาสซิโอเปีย ได้คุยโอ้อวดความงามของตนว่างดงามเหนือกว่านางอัปสร Nereids ทำให้เทพโปไซดอนโกรธ จึงส่งน้ำท่วม และปีศาจจากท้องทะเลมาแพร่โรคระบาดบนผืนแผ่นดิน พระราชาเซเฟอุส จึงไปขอคำปรึกษาที่วิหารพยากรณ์ของเทพ Ammon เทพได้ให้คำตอบว่า ให้ส่งตัวพระราชธิดาแอนโดรมีดาเป็นเครื่องสังเวยแก่ปีศาจ ประชาชนของเขาได้เรียกร้องให้เขาทำตามคำพยากรณ์ ดังนั้นเข้าจึงล่ามโซ่ผูกพระราชธิดาแอนโดรมีดากับก้อนหินใหญ่ริมทะเล

ต่อมาพระราชธิดาแอนโดรมีดาได้รับการช่วยเหลือโดยเปอร์ซีอุส และแต่งงานกับเธอ หนึ่งในลูกของพวกเขาคือ Perses ได้กลายมาเป็นบรรพบุรุษของมหาราชาแห่งอิหร่าน(Persia)

-----------------------------------------------------------------------

8 กลุ่มดาวม้าปีก Pegasus เป็นม้ามีปีกที่เนรมิตขึ้นโดย โปไซดอน หลังจากที่ เปอร์ซีอุสตัดหัวเมดูซ่า ม้าปีกก็พุ่งออกมาจากเลือดที่ออกจากไหลร่างกายของเมดูซ่า รอยเท้าของมันกลายเป็นสระน้ำ Hippocrene บนภูเขา Helicon และต่อมาได้กลายมาเป็นม้าของเบลเลโรฟอน

เบลเลโรฟอน เกิดในโครินธ์ เป็นลูกชายของพระราชา Glaucus ได้รับการฝึกสอนการขี่ม้าจากพ่อของเขาจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการขี่ม้ามากที่สุดคนหนึ่ง เมื่อเขาอายุได้ 16 ปี จึงได้ออกไปผจญภัยในโลกกว้าง ระหว่างการเดินทางเขาได้พบกับ Proteus ที่แกล้งเป็นมิตรกับเขา แต่จริงๆแล้วเขากลับอิจฉาเบลเลโรฟอน จึงพยายามหาวิธีทำให้เบลเลโรฟอนตาย โปรเตอุส เป็นลูกเลี้ยงของพระราชา Iobates แห่ง Lycia จึงแกล้งทำเป็นมีไมตรีฝากจดหมายให้เบลเลโรฟอนนำไปให้พระราชา เมื่อเขามาถึงไลเซีย เบลเลโรฟอนพบว่าดินแดนแห่งนี้ปกคลุมด้วย เงาดำ ในทุกๆคืน คีเมร่า(Chimera) !ประหลาดที่มีหัวเป็นสิงโตและหางเป็นมังกร เดินลงมาจากหุบเขา และคาบผู้หญิง, เด็ก และปศุ!ไปกินทุกคืน โครงกระดูกของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย กระจัดกระจายไปทั่วหุบเขา ผู้คนทั้งหลายตกอยู่ในความหวาดกลัว เมื่อพระราชาโลเบเตสอ่านจดหมายที่เบลเลโรฟอนนำมาส่ง เขาก็รู้ทันทีว่าโปรเตอุสลูกเลี้ยงของเขาต้องการเขาประหารชีวิตเบลเลโรฟอน ถึงแม้ว่าเขาจะอยากตามใจลูกเลี้ยงของเขา แต่เขาก็เกรงว่า การประหารชีวิตโดยตรงอาจจะทำให้เกิดสงครามกับเมืองโคธินเรียน เขาจึงขอร้องให้เบลเลโรฟอนไปปราบคีเมร่าแล้วเขาจะยกเจ้าหญิงลูกสาวของเขาให้แต่งงานกับเบลเลโรฟอน เพราะเขาแน่ใจว่าไม่เคยมีใครที่ไปปราบคีเมร่าแล้วรอดชีวิตกลับมา(เจ้าเล่ห์จริงๆแฮะ) เบลเลโรฟอนรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ได้ต่อสู้กับคีเมร่า เพราะว่าเขาดีใจที่ได้มีโอกาสช่วยเหลือประชาชนปราบ!ประหลาดที่คุกคามผู้คนทั้งหลาย เขาจึงเตรียมตัว โดยไปขอคำแนะนำจากยอดนักปราชญ์ Polyidus แห่งไลเซีย โพลีอิดัสประทับใจในความกล้าหาญของเขา จึงบอกให้ เขาไปที่วิหารเทพธิดาเอธีน่าและนำของกำนัลไปให้เพื่อขอคำแนะนำในการจับม้าวิเศษเปกาซัส เบลเลโรฟอนทำตามคำแนะนำของโพลีอิดัสทุกประการ และเมื่อเขาหลับไป เทพธิดาเอธีน่าก็มาเข้าฝันบอกว่าสระน้ำแห่งใดที่ม้าวิเศษเปกาซัสจะไปดื่มน้ำ และมอบบังเ!ยนทองแก่เขา พอเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พบบังเ!ยนทองตกอยู่ข้างๆตัวเขา เขาก็รู้ว่าเขาไม่ได้ฝันไป เทพธิดาเอธีน่ามาช่วยเขาจริงๆ เบลเลโรฟอนออกเดินทางไปในป่า เพื่อค้นหาสระน้ำ Pirene ที่เทพธิดาเอธีน่าบอกไว้ เมื่อพบเขาก็ซ่อนตัวในพุ่มไม้ข้างสระน้ำพิเรเน่ เมื่อเปกาซัสบินมาถึงสระน้ำ เขารอจนมันก้มตัวดื่มน้ำในสระ เขาก็กระโดดออกมาจากที่ซ่อน แล้วหยิบบังเ!ยนทองมาครอบหัวม้า เปกาซัสตกใจรีบบินขึ้นไปบนฟ้าและพยายามสะบัดสลัด(แบบมอสยังไงยังงั้น)เพื่อให้เบลเลโรฟอนตกจากหลังของมัน แต่เบลเลโรฟอนมีความชำนาญในการขี่ม้าพยศมาก่อน ไม่ว่ามันจะสลัดสะบัดยังไงเขาก็ไม่ตกจากหลังของมัน เขาเกาะไว้จนมันเหนื่อย และเชื่องจนยอมให้เขาเป็นเจ้านายของมัน หลังจากนั้น เบลเลโรฟอนเดินทางไปยังเชิงผาที่คีเมร่าอาศัยอยู่ แล้วหยิบหอกยาวพุ่งเข้าแทงคีเมร่า แต่คีเมร่าก็พ่นไฟออกมาตอบโต้ เปกาซัสจึงบินหลบไปด้านหลังของคีเมร่าเพื่อหลบไฟ แล้วเปกาซัสก็บินอ้อมกลับมาด้านหน้า ก่อนที่มันจะพ่นไปอีกครั้ง เบลเลโรฟอนอาศัยโอกาสนี้พุ่งหอกเข้าปักหัวใจของคีเมร่า จนมันตาย และขี่เปกาซัสบินกลับไปยังวัง แล้วตามสัญญาที่ตกลงไว้กับพระราชา เบลเลโรฟอนก็ได้แต่งงานครองคู่กับเจ้าหญิงอย่างมีความสุข แต่หลายปีผ่านไป เบเลโรฟอนเกิดเบื่อการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในวัง อยากออกไปผจญภัยเหมือนสมัยหนุ่ม จึงขี่เปกาซัส บินไปเยี่ยมเทพเจ้าบนเขาโอลิมปัส ซุสเคืองในความโอหังของเบเลโรฟอนจึงส่งเหลือบไปกัดม้า จนเปกาซัสตกใจสลัดเบเลโรฟอนลงจากหลัง และบินหนีขึ้นไปบนสวรรค์{กลายเป็นกลุ่มดาวเปกาซัส} ส่วนเบเลโรฟอน ขณะที่ตกลงมาเทพเอธีน่าก็เสกให้พื้นดินกลายเป็นหญ้าที่อ่อนนุ่มรองรับร่างของเบเลโรฟอนไว้ หลังจากนั้นเขาจึงออกเดินทางตามหาเปกาซัส อย่างโดดเดี่ยวจนตายไปในที่สุด

2 กลุ่มดาวปลา(Pisces-กลุ่มดาวประจำราศีมีน) ในระว่างเกิดศึกระหว่างซุสกับเหล่าเทพไทแทน ขณะที่เหล่าเทพเจ้าทั้งหลายแปลงกายหลบหนีไทฟอน ไปในดินแดนต่างๆ เทพีวีนัสได้พาคิวปิด ลูกชายของเธอไปหลบอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำยูเฟรติสในบาบิโลเนีย วันหนึ่งอสูรร้ายไทฟอนได้ไปอาละวาดบริเวณริมฝั่งแม่น้ำ ที่สองแม่ลูกอาศัยอยู่ ทั้งสองตกใจ กระโดดหนีลงแม่น้ำ แปลงร่างเป็นปลา 2 แม่ลูกว่ายหลบหนีไทฟอน ต่อมาเมื่อซุสปราบไทฟอนได้ จึงรับปลาสองแม่ลูกกลับขึ้นสวรรค์ และทั้งสองได้แปลงกายกลับเป็นเทพีวีนัสและเทพคิวปิดตามเดิม หลังจากนั้นซุสสร้างกลุ่มดาวปลาเป็นเครื่องเตือนใจถึงเรื่องราวในครั้งนั้น

14 กลุ่มดาวแกะ(Aries-กลุ่มดาวประจำราศีเมษ) เป็นกลุ่มดาวที่เป็นเครื่องรำลึกว่าครั้งหนึ่งซุสได้แปลงกายเป็นแกะไปอยู่อิยิปต์ เพื่อหลบหนีอสูรร้ายไทฟอน

18 ดาวธง,ดาววัว(Taurus-กลุ่มดาวประจำราศีพฤษภ)

Hyades("ผู้เปียกฝน ชุ่มชื้น",the rainy ones)เป็นธิดา 5 องค์ของแอตลาสและแอทรา( Aethra) และเป็นน้องสาวของพลีเดส บางตำนานกล่าวว่า พวกเธอเป็นแม่นมของเทพเมรัยไดโอนิซัสหรือ ทารก ซุส เมื่อครั้งเรียอาหลบหนีโครนัส และเทพจึงรับเธอขึ้นสวรรค์กลายเป็นหมู่ดาววัว บางตำนานกล่าวว่า พวกเธอเป็นน้องสาวของไฮยาส(Hyas) ต่อมาไฮยาประสบอุบัติเหตุจากการล่า! และไฮยาเดสได้โศกเศร้าเสียใจจนตาย เปลี่ยนให้เป็นส่วนหัวของกลุ่มดาววัว

29 ดาวโลง(Gemini-กลุ่มดาวประจำราศีเมถุน) เป็นฝาแฝด 2 คน คือ Castor กับ Polydeuces (Pollux) เป็นบุตรชายของซุสกับ Leda ธิดาของ Thestius และชายาแห่ง Tyncareus

โดย ซุสแปลงเป็นหงส์ เพื่อเข้าหานาง Leda จนท้อง Castor, Polydeuces และ Helen และยังเป็นพี่ชายของ Helen แห่งทรอย ทั้งสองคนมีความสามารถพิเศษคือ Polydeuces เป็นยอดนักมวย และ Castor เป็นยอดนักขี่ม้า เมื่อน้องสาวของเขาถูกเจ้าชายปารีสลักพาตัวไป เขาทั้งสองได้ออกเดินทางเพื่อไปช่วยเหลือหล่อน ผ่านการผจญภัยต่างๆมากมายด้วยกัน นอกจากนี้เขายังช่วยJason ตามหาขนแกะทองคำ ต่อมา Castor ถูกหลานชายของ Leucippus, Idas และ Lynceus ฆ่าตายในสงคราม หลังจากนั้น ซุสได้ประทานความอมตะให้เป็นของขวัญให้แก่ Polydeuces เขาได้นึกถึงพี่ชายที่เสียชีวิตไปแล้ว จึงขอร้องให้ซุสแบ่งความอมตะให้กับพี่ชายของเขา ซุสตกลง เขาทั้งสองจึงใช้ชีวิตเหมือนเป็นเทพแห่ง Olympus และกลายเป็นดวงดาวบนฟากฟ้า ประจำจักรราศีเมถุน

กลุ่มดาวหญิงสาว(Virgo) Astraea ("the star-maiden") เธอเป็นธิดาของซุสกับ เทพีแห่งความยุติธรรม เธอมิส เธออาศัยอยู่ยนโลกมนุษย์ ในระหว่างยุคทองของกรีก เมื่อครั้งเทพเจ้าล้วนอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ ต่อมาเมื่อมนุษย์เริ่มมีความชั่วร้ายเลวทรามเกาะกินในสันดานเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เทพเจ้าทั้งหลายก็เริ่มละทิ้งมนุษย์ไปสู่สรวงสวรรค์ ซึ่งเอสเธรียได้จากไปเป็นพวกสุดท้ายและได้ไปอยู่ท่ามกลางหมู่ดาว กลายเป็นกลุ่มดาวหญิงสาว

ดาวลูกไก่(Pleiades) เป็นเทพธิดา 7 องค์ ประกอบด้วย Alcyone,Electra, Celaeno, Maia, Sterope, Merope และ Taygete เป็นลูกสาวของแอตลาสกับ Pleione เป็นเพื่อนสาวพรหมจรรย์ของเทพี Artemis เมื่อนายพรานหนุ่มรูปงามโอไรออน คอยไล่ตามจีบพวกเธอและแม่ของเธอ พวกเธอได้ขอพรวิงวอนให้เทพเจ้าช่วยเหลือ เหล่าเทพได้ช่วยเหลือโดยเสกให้เธอกลายเป็นนกพิราบบินขึ้นสู่ท้องฟ้ากลายเป็นดาว ซุสได้จัดให้พวกเธออยู่บนท้องฟ้าในตำแหน่งของกลุ่มดาววัว

23 ดาวไถ,ดาวเต่า(Orion) เป็นนายพราน บุตรชายของ Poseidon กับ Euryale มีร่างกายใหญ่โตแข็งแรงเหมือนโปไซดอน เมื่อนายพรานโอไรออนยังหนุ่ม เขาตกหลุมรัก Merope ลูกสาวของ Oenopion ราชาแห่งเกาะไคออส(Chios) บุตรชายของเทพเมรัยไดโอนิซุสกับ Ariadne นายพรานโอไรออนได้พยายามที่จะแต่งงานกับมีโรเปและเอาใจพ่อตา โดยช่วยเหลือราชกิจต่างๆ แต่ Oenopion ก็แกล้งชะลอการแต่งงานออกไป โอไรออนจึงฉุด Merope หนีไป ราชา Oenopion จึงวางแผนแก้แค้น โดยมอมเหล้าโอไรออน จนเมื่อเขาหลับไปก็ควักลูกตาไปทิ้งทะเล โอไรออนที่ตาบอด จึงซมซานไปทั่วไปจนกระทั่งโอไรออนไปชนกับ Hephaestus ที่สงสารเขาจึงใช้ให้เด็กบริวารของเขาเป็นผู้นำทาง เด็กชายน้อยก็ให้โอไรออนแตะไหล่ นำทางเขาไปทางทิศตะวันออก เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นก็รักษาตาของเขาให้กลับคืนมาเหมือนเดิม เมื่อตาของโอไรออนหายดี เขาจึงคิดแก้แค้นพ่อตา โอไรออนจึงวางแผนสังหารเสีย แต่โชคดีที่ Hephaestus สังหรณ์ไว้ก่อนแล้วจึงให้สร้างห้องใต้ดิน และนำพระราชาไปซ่อนตัวอย่างมิดชิด เมื่อไม่สามารถหาพระราชาแห่ง Chios พบ โอไรออนจึงยอมล้มเลิกแผนสังหารพระราชา และเดินทางไปกับเทพี Eos เทพีแห่งรุ่งอรุณที่ตกหลุมรักเขา และพาเขาไปยัง Delos เพื่ออยู่กินด้วยกัน

ต่อมาเขาได้ไล่ตามเหล่าเทพธิดา Pleiades บริวารสาวพรหมจรรย์ของอาร์เทมีสเพื่อจะฉุดเหล่าเทพธิดาสาวๆไปเป็นภรรยา อาร์เทมีสทราบเรื่องจึงโกรธมาก และได้ส่งแมงป่องแอบติดตามเขาไป เพื่อให้ปล่อยพิษฆ่าเขา เขาได้เดินทางติดตามเหล่า Pleiades ที่ถูกเสกให้กลายเป็นนกพิราบที่บินขึ้นสู่ท้องฟ้า ไปจนถึงสวรรค์และกลายเป็นกลุ่มดาวนายพรานไป ส่วนแมงป่องที่แอบตามมาห่างๆก็กลายเป็นกลุ่มดาวแมงป่อง(Scorpius-กลุ่มดาวประจำราศีพิจิก)

32 ดาวโจร,ดาวสุนัขใหญ่(Canis Major)และ 36 ดาวสุนัขเล็ก(Canis Minor) คือ สุนัขล่า!ของนายพรานโอไรออน ที่มักจะติดตามเจ้านายออกล่า!ด้วยเสมอ มีชื่อว่า Sirius ซึ่งเป็นดาวดวงใหญ่ที่ท้องฟ้า ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ที่อยู่ในใจกลางของจักรวาลทางช้างเผือกของเรา เมื่อ โอไรออน ติดตาม เหล่า Pleiades ที่เป็นนกพิราบบินไปสู่สวรรค์ ก็มีสุนัขติดตามไปด้วย 2 ตัว และได้กลายเป็นกลุ่มดาวทั้งสอง

6 นกฟินิคส์(Phoenix) คือนกไฟในตำนาน มีความสัมพันธ์กับมหาเทพ รา และเทพอพอลโล (Apollo) นกฟินิคส์อาศัยอยู่ในทะเลทรายอาระเบีย ใกล้ๆสระน้ำที่สวยงาม ทุกๆเช้าที่พระอาทิตย์ขึ้น มันจะบินลงไปอาบน้ำในสระและร้องเพลงที่ไพเราะจนพระอาิทตย์หยุดรถเพื่อที่จะฟัง มีนกฟินิคส์เพียงตัวเดียวในช่วงเวลาหนึ่ง มันมีอายุขัยประมาณ 500 หรือ 1461 ปี เมื่อมันใกล้จะตาย มันจะสร้างรังจากไม้หอม แล้วจุดไฟขึ้น เพื่อเผาตัวมันเองในกองไฟ เมื่อมันถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน นกฟินิคส์ตัวใหม่จะปรากฏออกมาจากกองฟืน และหมกตัวในกองขี้เถ้า เพื่อสร้างไข่จากยางไม้หอมและหยิบไข่ของมันโบยบินจากไปยังเมืองเฮลิโอโปลิส(Heliopolis-"เมืองแห่งดวงตะวัน") เพื่อไปฝากไข่ไว้บนแท่นบูชาแห่งสุริยเทพ นกฟินิคส์เป็นสัญลักษณ์แทนความอมตะ, การฟื้นคืนชีพ, ชีวิตและความตาย มักจะปรากฏในรูปร่างของนกกระสา, นกยูง หรือนกอินทรี ถูกเรียกขานในตำนานต่างๆคือ ในอิยิปต์ เรียกว่า นกBenu, ในอินเดีย เรียกว่า พญาครุฑ ในจีนเรียกว่า หงส์ฟ้า Feng-huang และในญี่ปุ่นเรียกว่า นกไฟฮิโนโทริ


--------------------------------------------------------------------------------

76 กลุ่มดาวหงส์ Cygnus เป็นเพื่อนคู่หูของ Phaeton วันหนึ่ง เฟียทอน แอบขับรถพระอาทิตย์ออกซิ่งด้วยความเร็วสูงออกนอกเส้นทาง จนเข้าใกล้กับพื้นดิน ทำให้น้ำในแม่น้ำเหือดแห้ง เผาผลาญพื้นดินกลายเป็นทะเลทรายสะฮารา และคนพื้นเมืองถูกพระอาทิตย์เผาจนตัวดำ ผมไหม้หยิกดำ กลายเป็นนิโกร และได้ส่งเสียงโวยไปเข้าถึงหูซุส เมื่อซุสทราบเรื่อง จึงหยิบสายฟ้าไปฟาดใส่ เฟียทอน จนตกจากรถพระอาทิตย์ ตกลงสู่แม่น้ำ อีรีดานัส(Eridanus){เป็นกลุ่มดาวแม่น้ำบนสรวงสวรรค์} เมื่อซิกนัสเห็นเพื่อนรักของตน ตกลงไปในแม่น้ำ จึงโดดลงแม่น้ำ ดำลงงมไปหาหวังจะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่พบ ซิกนัส ยังคงงมหาแม้ใครๆจะปักใจเชื่อว่า เฟียทอนกลายเป็นศพ ไปแล้ว ซิกนัสว่ายน้ำดำผุดดำว่ายอยู่หลายวัน จนตัวเปื่อย เทพสงสารจึงเปลี่ยนร่างให้ซิกนัสกลายเป็นหงส์ ดำหาเพื่อนไปจนสิ้นอายุไข ซุสประทับใจในมิตรภาพของซิกนัส จึงนำดวงวิญญาณของซิกนัสขึ้นสู่สวรรค์ เนรมิตให้เป็นกลุ่มดาวหงส์ตลอดไป


กลุ่มดาวมงกุฏเหนือ(Corona Borealis) มีที่มาจาก เจ้าหญิงแอรีแอดเน่(Ariadne) ธิดาของ ไมนอส เจ้าครองเกาะครีต ซึ่งหลงสเน่ห์ผู้กล้าธีซุส(Theseus) ที่อาสาไปปราบมิโนทัวร์(Minotaur)ในเขาวงกต(Labyrinth) และได้บอกวิธีการเข้าออกจากเขาวงกต โดยใช้กลุ่มด้ายผูกไว้กับหินก้อนใหญ่หน้าถ้ำ แล้วเดินเข้าไปปราบ มิโนทัวร์ หลังจากปราบเสร็จ ก็สาวด้ายเดินกลับออกทางเดิม และได้แอบพานางแอรีแอดเน่ ขึ้นเรือไปด้วย คืนหนึ่งเมื่อเรือไปจอดใกล้เกาะ Naxos ซึ่งเป็นเกาะที่เทพเมรัย ไดโอนิซัสชอบมาพักผ่อนดื่มไวน์ ธีซุสได้นอนฝันไปว่า เทพธิดาเอธีน่ามาเข้าฝันบอกว่า เจ้าหญิงแอรีแอดเน่ไม่ใช่เนื้อคู่ของเขา ให้ทิ้งนางเสีย ธีซุสจึงทิ้งนางไว้บนเกาะ เมื่อนางตื่นขึ้นไม่พบเรือ จึงรู้ว่านางถูกทิ้งไว้บนเกาะ จึงร้องไห้เสียใจที่ถูกทอดทิ้ง จนกระทั่งเทพเมรัยไดโอนิซัสที่เดินทางมาพักผ่อนผ่านมาเห็น จึงรู้สึกสงสาร และรู้สึกพอใจในหน้าตาของเจ้าหญิง เขาจึงปลอบโยนและหว่านล้อมให้นางคลายทุกข์ ในท้ายที่สุดแล้วนางก็แต่งงานกับเทพไดโอนิซัส โดยเทพไดโอนิซัสได้ประดิษฐ์มงกุฏทองคำประดับเพชร 7 เม็ดให้นางเป็นของขวัญในพิธีแต่งงาน ทั้งสองได้อยู่กินเรื่อยมา จนนางสิ้นอายุขัย ด้วยความคิดถึงอาลัยรัก จึงนำมงกุฏของดูต่างหน้า ไปประดับบนฟากฟ้ากลายเป็นกลุ่มดาว มงกุฏเหนือ

กลุ่มดาวคนเลี้ยง!(Bootes) มีที่มาจาก Erichthonius เจ้าเมืองเอเธนส์คนที่ 4 กำเนิดจากอสุจิของ Hephaestus ที่หลั่งขณะจะปลุกปล้ำเทพธิดาเอธีน่า และเทพธิดาเอธีน่าได้รับเอาไปใส่ใน!บให้ราชธิดาของท้าวซิครอปดูแล และสั่งว่าห้ามแอบเปิดดูเป็นอันขาด แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดความสงสัยจนทนไม่ไหว เปิดออกดู ก็พบงูมากมายใน!บ จึงตกใจวิ่งหนีตกเขาตาย เมื่อ อิริชโธเนียส เติบโตขึ้นก็ได้ประดิษฐ์รถศึกขึ้นมา และได้รับเลือกให้ปกครองกรุงเอเธนส์นาน 50 ปี จึงถึงแก่กรรม ซุสได้รับขึ้นสู่สวรรค์ กลายเป็นกลุ่มดาวคนเลี้ยง!

48 Centaurs เป็นอมนุษย์ครึ่งคนครึ่งม้า โดยมีหัวและลำตัวเป็นคน และมีร่างกายของม้า เขาเป็นบริวารผู้ติดตามของเทพเมรัยไดโอนิซัส ที่มีชื่อเสียงในด้านการช่วยเหลือหญิงสาวผู้ถูกรังแกและมีชื่อเสียด้านสุดยอดขี้เมา พวกเขาอาศัยอยู่บนเขา Pelion ในแคว้น Thessaly ทางตอนเหนือของกรีซ พวกเขาเป็นลูกหลานของพระราชา Ixion แห่งเมือง Lapithae (Thessaly) กับเมฆหมอก เขาแอบนัดพบเล่นชู้กับเฮรา แต่ซุสได้ข่าว จึงเสกเมฆหมอกให้กลายเป็นเฮรา แล้วส่งให้ไปพบกับพระราชาเล็กซิออนแทน มีเรื่องราวเลื่องลือกันกระฉ่อนว่า พวกเขาไปก่อเรื่องเลวทรามในงานอภิเษกสมรสของพระราชา Pirithous แห่งเมือง Lapiths โดยได้ไปลวนลามข่มขืนแขกสาวๆในงานและพยายามลักพาตัวเจ้าสาว จนเกิดการทะเลาะวิวาทนองเลือดไปทั่ว หลังจากนั้นพวกเขาก็ถูกเนรเทศขับไล่ออกจากแคว้น Thessaly แต่เซนทอร์บางตัวก็เป็นคนดี เช่น จอมปราชญ์ ไครอน ที่เป็นอาจารย์ของผู้กล้า Jason และ Achilles

70 กลุ่มดาวคนยิงธนู Sagitarius หรือไครอน เดิมเป็นเทพเจ้าแห่งการรักษาของ Thessalian แต่ในตำนานกรีก เขาถูกแปลงมาเป็นพวกเซนทอร์ ซึ่งแตกต่างจากคนอื่นๆเผ่าพันธุ์ของเขา เป็นบุตรของโครโนสและฟิไลยา(Philyra) ไครอนเป็นเทพที่ฉลาดและมีความเชี่ยวชาญในศิลปะแห่งการรักษาสูงยิ่ง ซึ่งต่อมาเขายังได้เป็นอาจารย์ของเหล่าวีรบุรุษผู้กล้าอย่าง แอสคลีปิอุส, เธเซอุส,เจสัน และอะคลีลิส ในบั้นปลายเขาได้ถูกเฮอร์คิวลิสยิงด้วยธนูอาบยาพิษ เขาทนทรมานจากพิษที่ได้รับจึงยอมสละชีพให้แก่โปรมีทิอุส ที่ถูกลงโทษจากซุส เนื่องจาก เฮอร์คิวลิส เข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นพวกเซ็นทอร์เลวทรามที่ลวนลามข่มขืนสตรี ซุสเห็นในคุณงามความดี และความรู้ความสามารถ จึงรับขึ้นสู่สวรรค์ ให้เป็นกลุ่มดาวคนยิงธนูนับตั้งแต่นั้น

กลุ่มดาวคนแบกงู Asclepius เป็นวีรบุรุษชาวกรีกซึ่งต่อมาได้กลายเป็นเทพเจ้าแห่งโอสถและการรักษา เป็นบุตรของเทพอพอลโลและนางโคโรนิส แอสคลีปิอุสมีลูกสาว 5 คน ได้แก่ Aceso, Iaso, Panacea, Aglaea และ Hygieia เขาได้รับการนับถือไปตลอดทั้งแคว้นกรีกแต่วิหารศักดิ์สิทธิ์ที่บูชาเขาตั้งอยู่ในเมือง Epidaurus ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแคว้นPeloponnese เขามักจะถือไม้คฑาของแพทย์ที่มีงู Asclepian ตัวพันอยู่โดยรอบซึ่งได้รับมาจาก เทพเฮอร์เมส ซึ่งต่อมาเมื่อเขามีชื่อเสียงโด่งดังด้านการรักษาโรคภัย ไม้คฑาของเขาก็กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของวิชาการแพทย์สมัยใหม่ เขามีสัญลักษณ์คือ ไก่ตัวผู้ โคโรนิส แม่ของเขาเดิมเป็นราชธิดาของพระราชา Phlegyas แห่ง Thessaly ต่อมาอาร์เทมิส น้องสาวฝาแฝดของอพอลโลได้ข่าวว่า โคโรนิสนอกใจอพอลโล ดังนั้นอาร์เทมิสจึงสังหารเธอและเผาบนเมรุ เมื่อร่างของเธอเริ่มไหม้ อพอลโลนึกถึงลูกของเขาที่ยังไม่เกิด จะพลอยถูกเผให้ตายไปโดยไม่ได้กระทำผิด อพอลโลจึงฉวยเอาทารกแอสคลีปิอุสจากศพของแม่ และนำทารกไปให้ไครอนเลี้ยงดูอบรมสั่งสอน ไครอนได้สอนวิชาการรักษาให้แก่แอสคลีปิอุสและสอนโคลงปินต้า(Pindar,Pythian Odes) นอกจากนี้แอสคลีปิอุสยังได้ไปเรียนวิชาการผ่าตัด,การใช้ยาสมุนไพร,ยาเสน่ห์ และการใช้เวทมนตร์ และยังไปศึกษาหาความรู้ที่หอสมุด Apollodorus ซึ่งต่อมาเทพธิดาเอธีน่าได้ให้ยาวิเศษที่ผลิตจากเลือดของกอร์กอนแก่เขา มีสรรพคุณแตกต่างกัน 2 แบบขึ้นอยู่กับว่าเอามาจากข้างไหน ถ้าเอามาจากข้างขวาของกอร์กอน จะเป็นยาวิเศษ ที่ปลุกคนตายให้ฟื้นได้ แต่ถ้าเอามาจากข้างซ้าย จะเป็นยาพิษร้ายแรง ด้วยวิชาความรู้ต่างๆและยาวิเศษที่เขาได้รับ ทำให้เขามีอำนาจเหนือมนุษย์ แต่บางครั้งเขาก็รับเงินแลกกับการชุบชีวิตคนทำให้ซุสขัดใจเป็นอันมาก และเห็นว่า เขากำลังละเมิดกฏของธรรมชาติ ซุสจึงใช้สายฟ้าพิฆาตเขาจนตาย แต่หลังจากนั้น ซุสเห็นแก่ความดีที่เขาได้ช่วยเหลือมนุษย์มามากมาย จึงสถาปนาให้เขาเป็นเทพเจ้า กลายเป็นกลุ่มดาวคนแบกงู ซึ่งงูที่เขาแบกจะใช้ในพิธีการรักษาโรคของเขา โดยนำงูไม่มีพิษไปทิ้งไว้ในหอพักผู้ป่วยที่คนป่วยจะนอนอยู่บนพื้นดินตลอดคืน พิธีการรักษาโรคของแอสคลีปิอัสมีการนิยมใช้กันอย่างมากมายในระหว่าง 300 ปีก่อนคริสต์กาลโดยมีพระเป็นผู้ทำพิธีรักษา ผู้ป่วยจะมาที่วิหารของแอสคลีปิอัสเพื่อหาวิธีรักษาอาการป่วยไข้ การรักษาของเขาเรียกว่า incubation ผู้ป่วยจะถูกส่งไปนอนในหอพักผู้ป่วย โดยระหว่างที่ผู้ป่วยหลับ จะมีเทพเจ้ามาเข้าฝัน แล้วพระผู้รักษาจะตีความความฝันออกมาเป็นสาเหตุของโรค และให้ยา หรือแนะนำวิธ๊รักษาตามอาการ เช่น อาจให้ไปอาบน้ำหรือไปออกกำลังที่โรงยิม มีวิหารและโรงเรียนตามวิธีนี้ แพร่หลายไปมากมาย จากทริกกิสในแคว้นเธสซัลลี(Thessaly) ไปจนถึงเกาะคอส(Cos) เชื่อกันว่าบิดาแห่งแพทย์สมัยใหม่ ฮิปโปเครตีส ได้ศึกษาวิชาแพทย์มาจากวิหารของแอสคลีปิอัสเกาะคอส ดังนั้เราจึงอาจกล่าวได้ว่า ฮิปโปเครตีส เป็นผู้สืบทอดวิชาแพทย์มาจากแอสคลีปิอัส ชาวโรมันเรียกเขาเป็นภาษาลาตินว่า แอสคูลาปิอัส(Aesculapius)

กลุ่มดาวพิณ(Lyre) คือพิณของเทพอพอลโล เดิมเทพเฮอร์เมสสร้างขึ้นจากกระดองเต่า ดีดเล่นไปมา แล้ววันหนึ่ง เทพอพอลโลถือไม้ Caduceus(ไม้เท้ามีปีก 2 ปีกติดอยู่ข้างๆ) ต้อนวัวผ่านมามากมาย เทพเฮอร์เมสนึกสนุกจึงรอ ให้เทพอพอลโลหลับไป แล้วเอาวัวทั้งหลายไปซ่อน เทพอพอลโลตื่นขึ้นมาไม่พบวัวของตน จึงออกตามหา จนพบและสืบได้ว่า เทพเฮอร์เมสแกล้งเอาไปซ่อน พอดีกับที่เห็นเทพเฮอร์เมส ดีดพิณ น่าสนุก จึงเอ่ยปากขอแลกพิณกับไม้ Caduceus ที่ใช้ต้อนวัว ซึ่งต่อมาเทพเฮอร์เมสเห็นงู 2 ตัว กำลังกัดกัน จึงได้เอาไม้ไปขวางไว้เพื่อห้ามปราม งูทั้งสองตัวก็เลื้อยขึ้นมาพันบนไม้ ซึ่งเทพอพอลโลได้ประทาน พิณแก่โอฟีอุส (Orpheus) ซึ่งเป็นนักดนตรีฝีมือเอกใช้บรรเลงให้!และมนุษย์ได้รับความบันเทิง หลังจากโอฟีอุสตายแล้ว ซุสจึงนำพิณไปวางบนสวรรค์ให้ปรากฏอยู่บนท้องฟ้า โดยมีดาวที่สว่างที่สุดในกลุ่ม ชื่อดาว วีกา (Vega)

 

 

 


 
 
BY ขจรศักดิ์ เลาห์สัฒนะ
Hosted by www.Geocities.ws

1