อดัม กับ อีฟ ตำนานสวนอีเดน

 

ตำนานสวนอีเดน

.:: Eden: สวนสวรรค์ยุคบรรพกาล [1] ::.

อันนี้ไปขุดเจอมาคับ ท่านที่อ่านมาแล้วหรือเคยรู้มาแล้วเกี่ยวกับ สวน Eden ลองอ่านอันนี้เพิ่มเติมว่าถูกผิดยังไงอ่ะคับ

เรื่องเกี่ยวกับกำเนิดของอาดัมและอีฟ และการถูกอัปเปหิออกจากแดนสวรรค์ที่พระเจ้าเนรมิตขึ้นให้อาศัยอยู่ ตามที่เล่าในคัมภีร์ไบเบิลเล่มปฐมกาลนั้นนะครับ กล่าวได้ว่าเป็นใจความสำคัญอย่างหนึ่งของศาสนาคริสต์ ยูดาย เลยทีเดียว ความคิดเรื่องสวนสวรรค์อีเดน ติดตรึงอยู่ในจินตนาการสร้างสรรค์ของศิลปินและนักประพันธ์มาหลายยุคหลายสมัย สืบเนื่องกันมานานหลายศตวรรษแล้ว

อาดัมกับอีฟที่ถูกมารร้ายลวงล่อให้กินผลไม้แห่งความรู้
แต่ทราบกันไหมครับว่า เรื่องราวของเอเดนนั้น มาจากจารึกตำนานของชาวสุเมเรียน ซึ่งกล่าวถึงดินแดนแห่งพระเจ้า Eridu ที่พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมาจากที่นั่น ตำนานของชาวอินคาก็มีเรื่องราวที่คล้ายๆกัน ว่าด้วยการสร้างมนุษย์โดยเทพจากห้วงเวหาวิราโคชา ที่ทะเลสาบติติคาคาในปัจจุบัน ซึ่งรายละเอียดส่วนนี้ผมเคยเล่าไปหลายรอบแล้ว และคงจะมาขยายรายละเอียดอีกทีใน Ancient Astronaut ภาค Revisited ซึ่งกำลังเรียบเรียงอยู่ ตอนนี้เอาเป็นว่า ผมจะพาท่านมารู้จักกับสวนสวรรค์เอเดนสักนิดละกันนะครับ ว่าตามความเชื่อของคริสตศาสนิกชน ตามไบเบิลฉบับปฐมกาล และตามเรื่องราวของชาวยิวโบราณหรือฮีบรูว์นั้น กล่าวถึงสวนสวรรค์เอเดนกันว่าอย่างไร ถือเป็นการปูพื้นพอหอมปากหอมคอ หลายๆท่านจะได้ไม่สงสัยไงครับ เวลาผมกล่าวอ้างถึงสวนสวรรค์เอเดน (โดยเฉพาะใน"ไบเบิ้ลกับพระเจ้าจากอวกาศ" ที่นายโซนิคดองเอาไว้นานแสนนาน ช่วงหลังจะกล่าวถึงรายละเอียดของเอเดนกับน้ำท่วมโลกแทบทั้งหมดเลย - - แบบว่า กำลังมีโปรเจ็คจะปัดฝุ่นเอามาทำต่อน่ะครับ รอกันนานจนลืมกันไปแล้วหรือยังเอ่ย)
เอาล่ะเรามาต่อกันดีกว่า สวนสวรรค์เอเดนซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดในโลกแห่งนี้ สุขสงบสวยงามอุดมไปด้วยน้ำ อาหารการกิน อาดัมกับอีฟมีเพื่อนเป็น"!ทุกตัวในท้องทุ่งและนกทุกตัวในอากาศ" ที่คอยให้ความเพลิดเพลิน ต้นไม้ไพรพฤกษ์แผ่เงาร่มเย็น แม่น้ำเป็นประกายระยับไหลผ่านอุทยาน และเมื่อไหลพ้นแดนสวรรค์ก็แยกเป็นสายธารสี่สายคือ พิโชน กริโฮน ไทกริสและยูเฟรติส (โปรดสังเกตสองแม่น้ำด้านหลังครับ แม่น้ำสายสำคัญของอารยธรรมเมโสโปเตเมีย... รายละเอียดของสิ่งแวดล้อมที่บันทึกไว้ในไบเบิลมีเพียงเท่านี้ ส่วนที่เหลือคงแล้วแต่คนรุ่นหลังจะตีความ ต้นไม้ที่มีอยู่จริงแท้แน่นอนในสวนนี้ที่กล่าวถึงคือต้นมะเดื่อ แม้เรื่องเล่าภายหลังจะบอกว่าต้นอินทผลัมเป็นต้นไม้แห่งชีวิต และต้นกล้วยคือต้นไม้แห่งความรู้ก็ตามที (คิดถึงต้นไม้แห่งชีวิตของชาวสุเมเรียนขึ้นมาตะหงิดๆแฮะ)

พอพูดถึงเอเดนคนมักจะคิดไปถึงสวนที่มีรั้วรอบขอบชิด อาจเป็นเพราะคำภาษากรีกว่า ปาราดิซอส(paradisos) ซึ่งหมายถึงสวนสวรรค์เอเดนนั้นแปลว่า "ที่ดินซึ่งปิดล้อมเอาไว้" จากต้นตอที่แทบไม่ได้บอกอะไรเอาไว้เหล่านี้ เหล่ากวี จิตกร นักโบราณคดี นักศาสนวิทยา จึงพากันตีความวาดภาพสวนสวรรค์เอเดน โดยใช้ข่าวลือเกร็ดเสริมจากแหล่งต่างๆตามความสามารถในการตีความของตน เรียกว่า ไม่มีใครทราบสภาพความเป็นไปอันแท้จริงของสวนสวรรค์นี้เลยก็ว่าได้ครับ
เรื่องเล่าเก่าแก่ที่สุดของสวรรค์บนดินอาจย้อนรอยสืบไปจนถึงประมาณ 2000 BC. ดินแดนที่เรียกว่า Dilmun ของชาวสุเมเรียนซึ่งตั้งอยู่ ณ ตำแหน่งของอาทิตย์อุทัยคือที่สถิตย์แห่งปวงเทพเจ้า เป็นสถานที่ซึ่งปราศจากความเศร้าโศก โรคภัย หรือแม้แต่ความแก่ชรา และเป็นที่ซึ่ง "ไม่มีใครได้ยินเสียงการ้อง" มีคำอ้างอิงที่แน่ชัดกว่าเกี่ยวกับสวนนี้ในมหากาพย์กิลกาเมชของชาวสุเมเรียน แม้ว่าจะดูคล้ายกับ"อุทยานของพระเจ้า" ในคัมภีร์ของ Ezekeil มากกว่าสวนสวรรค์เอเดนในบท Genesis ของไบเบิลก็ตามที ในมหากาพย์นี้กิลกาเมชตัวเอกของเรื่องเดินทางไปสู่ยอดเขา"อุทยานของพระเจ้า" ที่ต้นไม้มีอัญมณีประดับระยิบระยับออกผลเป็นโกเมน และมีใบเป็นหินลาพิซ ลาซูรี สีน้ำเงินเข้ม

คำพรรณนาเกี่ยวกับแดนสวรรค์ที่ไม่ได้มาจากพระคัมภีร์ไบเบิล แต่มีอิทธิพลอย่างมากต่อมโนความคิดของชาวคริสต์สมัยต่อมา เป็นคำพรรณนาของกวียุคคลาสสิคในสมัย 800 BC. โฮเมอร์มหากวีชาวกรีกกล่าวถึงดินแดน Elisium ซึ่งตั้งอยู่สุดปลายโลก ในเอลิเซียมนั้นหิมะไม่ตก มี้พียงสายลมแผ่วเบาชื่นใจ เฮซิออตผู้เป็นกวีร่วมสมัยเดียวกับโฮเมอร์บรรยายถึงเรื่องราวที่แตกต่างออกไป โดยพุ่งความสนใจไปที่สภาพความเป็นอยู่ที่สุขสงบมากกว่าจะพูดถึงตัวสถานที่เอง ชวนให้ผู้คนหวนรำลึกถึงยุคทองที่สงบสุขแห่งอดีต ผู้คนที่ไม่มีวันแก่เฒ่า ใช้ชีวิตโดยไม่ต้องทำงานหนัก อาศัยผลิตผลอันอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินเป็นอาหารเช่นเดียวกับอาดัมและอีฟ ก่อนที่พวกเขาจะถูกขับออกมาจากสวนสวรรค์แห่งพระเจ้า... เอเดน
ทั้งโฮเมอร์และเฮซิออต ตลอดจนกวีรุ่นหลังชาวโรมันคือเวอร์จิลและโอวิดมีอิทธิพลใหญ่หลวงต่อการสร้างมโนภาพสวนสวรรค์เอเดน นับแต่ยุคคริสเตียนระยะแรกๆมาจนถึงยุคเรอเนอซองส์และยุคต่อจากนั้น จอห์น มิลตัน กวีชาวอังกฤษพรรณนาถึงสวนสวรรค์เอเดนอย่างละเอียดและมีสีสรรค์ ในมหากาพย์เรื่อง Paradise Lost หรือสวรรค์ล่ม สวรรค์ของมิลตันตั้งอยู่บนที่ราบสูงชัน มีกำแพงล้อมรอบ บนภูเขาปกคลุมด้วยต้นไม้สูงส่งกลิ่นหอมตลบไปทั่ว เต็มไปด้วยเสียงนกนานาชนิด ตามลำธารและอน้ำมีน้ำเหลือเฟือ ความเป็นอัจฉริยะของมิลตันนั้น อยู่การนำเนื้อหาจากทั้งในพระคัมภีร์ไบเบิลและที่อื่นมาผสมผสานกันอย่างแยบคาย บ่อน้ำที่ไม่มีวันเหือดแห้งซึ่งหล่อเลี้ยงสวนนี้กับพื้นดินอันอุดมสมบูรณ์ มีที่มาจากเรื่องราวของเอลิเซียมในสมัยคลาสสิคอย่างไม่ต้องสงสัย
สวนสวรรค์อันพูนพร้อมด้วยรูป รส กลิ่น เสียง นั้น เป็นลักษณะสวรรค์ของชาวมุสลิมที่อยู่บนสววรค์ชั้นฟ้ามากกว่าจะอยู่บนโลก ในคัมภีร์โกหร่านบอกว่ามุสลิมที่เคร่งครัดจะได้ขึ้นสวรรค์หลังจากตายไป และขึ้นไปอยู่ในอุทยานที่มีบ่อน้ำพุพรูพรั่งมีบ่อน้ำหอมหวานไหลริน ต้นปาล์มและทับทิมร่มรื่นเต็มสวน มีที่นอนอันอ่อนนุ่มให้เอนนอน คนที่ได้ขึ้นสวรรค์จะแต่งตัวในชุดผ้าไหมสีเขียว มีสาวพรหมจารีย์ที่งามราวกับทับทิมและปะการังมาปรนนิบัติด้วยอาหารในจานสีเงิน (โอ๊ะ ^^! ชอบ...
ในขณะที่ชาวมุสลิมมุ่งเนรมิตสวรรค์บนโลกโดยการสร้างอุทยานอันสงบสุข ชาวคริสเตียนตั้งแต่ยุคแรกจนถึงยุคกลางก็มุ่งมั่นแต่จะค้นหาสวนสวรรค์เอเดน บางคนเชื่อว่าเอเดนถูกทำลายไปแล้วเมื่อครั้งน้ำท่วมโลก บ้างก็เชื่อว่าเอเดนอยู่บนภูเขาสูงไม่ได้รับผลกระทบจากมหาภัยครั้งกระนู้น ทว่าคนส่วนใหญ่มีความเห็นว่าเอเดนตั้งอยู่บนเกาะทางตะวันออก หลายคนก็สรุปว่าคือศรีลังกา(เรอะ... เมื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส อนุมานว่าโลกมันไม่ได้แบนแต่กลมเหมือนลูกแพร์ ทำให้หลายคนสรุปว่าอุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่บนส่วน"ก้าน"ของลูกแพร์ครับ ว่ากันไปโน่นเลย

ร่องรอยของสวนสวรรค์เอเดนนั้นอยู่หนใด เมโสโปเตเมีย?
เมื่อโลกสมัยหลังเจริญขึ้น มีการสำรวจมีการบันทึกถึงดินแดนต่างๆมากขึ้น ไม่มีใครสืบสาวราวร่องได้ว่าสวนสวรรค์เอเดนตั้งอยู่ที่ตรงไหน นักปราชญ์จึงย้อนกลับไปหาบท Genesis อีกครั้งเพื่อค้นหาสิ่งที่บอกร่องรอยที่ตั้งของสวนสวรรค์นี้ ดินแดนเมโสโปเตเมียหรือประเทศอิรัคในปัจจุบันนี้ ดูจะเป็นสิ่งที่เข้าเค้าและน่าค้นหามากที่สุด ทั้งนี้ก็เพราะแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติสที่ปรากฏในพระคัมภีร์ไหลผ่านบริเวณนี้นั่นเอง ถึงกระนั้นก็เถอะครับ ดินแดนเมโสโปเตเมียมันไม่ใช่เล็กๆ และแม่น้ำอีกสองสายในพระคัมภีร์คือพิโชนและกิโฮนก็ไม่ได้ปรากฎอยู่ จึงไม่อาจบ่งบอกตำแหน่งของสวนสวรรค์เอเดนได้ มีคนโยงเมืองเยรูซาเล็มกับกอลกอธาเข้ากับเอเดน เนื่องจากเกี่ยวข้องกับพระเยซูเป็นอย่างมาก และพระเยซูมักถูกขนานนามว่าอาดัมคนที่สอง จึงน่าจะสมเหตุสมผลที่โยงสวรรค์เอเดนเข้ากับเมืองเหล่านี้ แต่หลักฐานอ่อนมากๆครับจึงตกไป ปมปัญหาจึงน่าจะอยู่ที่บันทึกของสุเมเรียน อันกล่าวถึงเอเดนหรือ Eridu เป็นแหล่งแรกในโลก แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครสาวร่องรอยนี้พบ
และการที่ไม่มีใครค้นหาเอเดนพบนี่เอง ชาวคริสต์ในสมัยหลังๆ จึงตามรอยชาวมุสลิมคือพยายามมโนภาพและสร้างเอเดนให้เป็นสวนหรืออทุยานที่อยู่บนสวรรค์ บนดินแดนแห่งพระเจ้า โดยอาศัยข้อมูลจากไบเบิลและงานเขียนในยุคคลาสสิค (ของมุสลิมใช้โกหร่านเป็นแหล่งข้อมูลครับ)
ความสำคัญของเอเดนในสายตาของหล่าสาวกทฤษฎีพระเจ้าจากอวกาศนั้น คือเป็นแล็บของพระเจ้าในการสร้างและทดลองถ่ายเทพันธุกรรมมนุษย์ ซึ่งหลายคนก็มีทฤษฎีที่ตั้งของสวนสวรรค์แห่งนี้ มีรายละเอียดที่ชี้นำไว้น่ารับฟังมาก เอาไว้ว่างๆจะแกะมาเล่าให้ฟังละกันนะครับ มาเล่าตรงนี้ดูจะผิดที่ผิดทางไปหน่อย

 

 

 


 
 
BY ขจรศักดิ์ เลาห์สัฒนะ
Hosted by www.Geocities.ws

1