ตำนานโป๊ยเซียน

 

โป๊ยเซียน

โป๊ยเซียน ฉลองตรุษจีน

เมื่อเริ่มวันตรุษจีน ชาวบ้านร้านถิ่นต่างนิยมนำรูปของ โป๊ยเซียน มาติดไว้ตามหน้าบ้าน หรือตามที่ต่าง ๆ เชื่อกันว่าจักทำให้มีความเจริญมั่นคงบารมีศรีสุข บางแห่งเศรษฐีที่มีฐานะมีกระตังหน่อย ถึงกับลงทุนจ้างพวกงิ้วมาแสดงเป็นตัว โป๊ยเซียน ซึ่งเรียกว่า ป่วงเซียง หรือฉลองเซียน ทำให้วันเริ่มตรุษจีนนี้ มีบรรยายกาสสดชื่น สนุกสนานรื่นเริง
ผมขอนำเสนอบางส่วนเรื่องราวการผจญภัยของ โป๊ยเซียน เป็นการแสดงการ ป่วงเซียง แทนประเพณีที่ได้ปฏิบัติกันมานาน และโดยที่ ประวัติแลตำนานของ โป๊ยเซียน แต่ละองค์ ได้มีผู้เสนอมามากแล้วทั้งทางหนังสือและทาง เว็บ ผมจึงขอเปลี่ยนสำนวน เป็นความสนุกสนาน ความเจริญรุ่งเรือง ความมีโชคลาภจักเกิดแก่ท่านผู้อ่านตลอดทั้งปี แม้จะยังไม่ถึงเทศกาลตรุษจีนก็ตาม โดยเจตหาได้ลบหลู่ต่อองค์เทพเจ้า โป๊ยเซียน ทั้งแปด และเทพเจ้าต่าง ๆ ตลอดจนพระยามังกรไม่

กิมบ๊อ หรือ ไซอ่วงบ๊อ มีนิวาสสถานอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของประเทศจีน บนยอดเขา คุงลุ่งซัว พระนางมีธิดา 5 องค์ นามว่า ฮั่วลิ้ม ไบ่ลั้ง แชง้อ เอี่ยวกี และเฮ่งอิบ บนสวนวิมานของท่านนั้น มีต้นท้อต้นหนึ่ง เรียกว่า ฮวงท้อ ต้น ฮวงท้อ นี้ 3,000 ปีถึงจะออกดอกให้ผลครั้งหนึ่ง กล่าวกันว่า ผล ฮวงท้อ เป็นยาอายุวัฒนะ หากใครได้กินเข้าไป ก็จักมีอายุยั่งยืนนิรันดิ์กาล (ในเรื่อไซอิ๋ว ซุงง่อคง หรือ เฮ่งเจีย ก็ได้มาขโมยผลท้อนี้กิน ทำให้มีความเป็นอมตะนิรันดิ์กาล) เพราะฉะนั้น เมื่อ ฮวงท้อ ออกผล ก็จะมีงานใหญ่ฉลองกันทั่วสวรรค์ทางทิศตะวันตก เหล่า เซียน ทวยเทพต่าง ๆ พากันไปร่วมงานฉลองมากมาย เซียงท้ง (เด็กสวรรค์) คนหนึ่ง มากล่าวรายงานต่อเจ้าแม่ กิมบ๊อ ว่า
“เหล่า โป๊ยเซียน มาขอคำนับพ่ะย่ะค่ะ”
กิมบ๊อ ต้อนรับ โป๊ยเซียน คารวะด้วยเหล้าคนละจอก แล้วถวาย กิมบ๊อ ด้วยมาลัยเมฆ กิมบ๊อ รับมาสวมพระศอด้วยความดีพระทัย แสงของพวงมาลัยเมฆสาดส่งไปทั่วแดนสวรรค์ตะวันตก กิมบ๊อ รับสั่งให้ โป๊ยเซียน เที่ยวเหาะเหิรชมทั่วสวรรค์ กลิ่นรุกชาติพืชพรรณไม้ดอกสวรรค์ส่งกลิ่นหอมนา ๆ พันธุ์กระจายฟุ้งทั่วสรวงสวรรค์ เหล่าวิหกสวรรค์บินขึ้นลงด้วยความคะนอง !สวรรค์จับกลุ่มเต้นรำเป็นที่สนุกสนาน ผลของ ฮวงท้อ ออกเป็นสีแดงจัด ใกล้สุกแล้ว เสียงนกสีเขียวหยกร้องกระตู้วู้ด้วยความดีใจ กลิ่นของผล ฮวงท้อ ฟุ้งกระจายทั่วสวรรค์ กลบกลิ่นอื่นใด ๆ สิ้น เหล่าทวยเทพและเซียนเป็นสุขสโมสรรื่นเริงเบิกบาน สวรรค์เก้าชั้นสูงสุดเงื้อมสายตาสุดเอื้อม ดั่งมีโคลงพรรณนาว่า
“สวรรค์ชั้นฟ้าถิ่นแดนเทพ พสุธาถิ่นแดนขุนนาง แม้มีนาหยกก็งอก ปราศจากที่ทางจักหาดอกไม้ที่ไหนดม”
โป๊ยเซียน นั่งโต๊ะเฉลิมฉลองอยู่บนหอ เอี่ยวไท้ อาหารทิพย์อันโอชะถูกนำมาเสริฟจำนวนมาก รวมทังผล ฮวงท้อ ด้วย โป๊ยเซียน เห็นเทพธิดาทั้งห้า แต่งองค์ทรงเครื่องอลังการงดงาม อ้วงบ๋อ ทรงมีพระบัญชาให้เทพธิดาทั้งห้า จัดระบำรำฟ้อน ร้องเพลงเสียงทิพย์สวรรค์ เป็นที่ชื่นชมยิ่งนัก ความสุขใด ๆ ใน พื้นปัฏพี ไม่มีใดเหมือนสรวงสวรรค์

ไม่มีงานเลี้ยงใด ๆ ปราศจากการสิ้นสุด โป๊ยเซียนอำลาจาก ไซอ่วงบ่อ นั่งเมฆาเหิรสวรรค์สู่ทะเล ตังไห้ (ทะเลตะวันออก) หยุดเมฆมองลงไปยังท้องทะเล เกลียวคลื่นซัดกระหน่ำกระจายแตกฟองมิรู้เลือน เซียนท่งปิง กล่าว
“วันนี้ขี่เมฆลงจากสวรรค์ อิทธิฤทธิ์ของ เซียน ใครใคร่รู้ เห็นทีจักต้องทดลองวิชา”
เซียนทั้งหลาย ตอบ
“ชอบแล้ว”
เซียน ทิไกว้ เอาไม้เท้าขว้างลงในน้ำ แล้วกระโดดยืนบนไม้เท้าโต้ฟองคลื่น เซียนเจ็งลี้ ก็โยนกลองใบใหญ่ลงผิวน้ำ เกาะกลองโต้กระแสคลื่น เซียนกวยเหลา โยนลากระดาษลงน้ำกลายเป็นลาจริง โดดขึ้นหลังลาขับขี่แหวกว่ายตามกระแส เซียนท่งปิง เอาบ้างโยนขลุ่ยวิเศษลงบนเกลียวคลื่น กลายเป็นขลุ่ยใหญ่เท่าลำเรือ ยืนเป็นสง่างามมองท้องมหาสมุทร เซียนเซียงจื้อ ก็โยนกระเช้าดอกไม้ลงทะเล เหาะลงนั่งโดยสารบนกระเช้า เซียนเซียงโกว ก็เอาบ้างขว้างสุ่มไม้ไผ่ลงบนเกลียวคลื่นเป็นที่โดยสารโยกไปโยกมา เซียนไฉฮั้ว ใช้ไม่กระดานโต้คลื่นดั่งวิลเสริสส์ เช่นเดียวกับ เซียนก๊กผม๋ เนรมิตรแท่งไม้หยกเป็นกระดานโต้คลื่นหยก
มาจะกล่าวถึงท่าน ไห่เล่งอ้วง (เจ้าทะเลมหาสมุทร) กำลังนั่งออกว่าราชการที่ท้องพระโรงวังบาดาล พลันทันใดก็มีแสงแวววับกระพริบริบ ๆ กระทบเหนือ ฮวงจุ้ย เอ๊ย..วัง จุ่ยเจียเก็ง (พระราชวังคริสตอลน้ำ) ส่งแสงทั้งบนและล่าง ไม่รู้เป็นเหตุอาเภทเช่นใด พลันมีพระบัญชาให้ ไท้จื้อ องค์รัชทายาท ม่อกิก ไปสำรวจตระเวนค้นหา ไท้จื้อ สนองพระราชโองการ นำกำลังทัพ ซีฟู๊ด.. เอ้ย ! กองกำลังทหารทะเลไปเร่งสำรวจ ก็ได้ยลเห็น เซียนน่าไฉฮั้ว เหยียบกระดาโต้คลื่นหยกข้ามหัวไปอย่างมิเกรงอกเกรงใจ ไท้จื้อ ทรงตรัสด้วยพระสุรเสียงแสดงความโลภะ

“โอโฮ ! ของวิเศษในวังบาดาลของบิดามีมากมาย แต่ไม่มีสิ่งใดที่วิเศษและน่ารักเหมือนวิลเสริสส์หยกอันนี้เลย ข้าอยากได้จัง”
ทรงบัญชาให้บริวารแย่งวิลเสริสส์ลงมาจากพื้นผิวน้ำ แม้กระทั่งตัว เซียนไฉฮั้ว เองก็ถูกลากจมลงมาใต้ทะเล ถูกจับไปขัง ณ คุกมืด นำของวิเศษวิลเสริสส์กลับเข้าวัง แสงสว่างสอดส่องทั่ววังบาดาลดังพระอาทิตย์บวกพระจันทร์ พระยามังกรทรงดีพระใจ ทรงรับสั่งให้จัดงานเลี้ยงเปียแขร์… เอ้ย ! ฉลองสมโภช ไท้จื้อ
มาจะกล่าวบทไปถึงคณะเซียน เมื่อตระเวนโต้คลื่นในพระมหาสมุทรเป็นที่พอใจแล้ว ก็พากันขึ้นฝั่งไปผลัดผ้าขะม้าอาบน้ำ จึ่งสำรวจกันเองมองตากันลืกลัก ไม่เห็น เซียนไฉฮั้ว คณะ เซียน ขาด ไฉฮั้ว ไปหนึ่งคน (องค์) ต่างพากันรอคอยให้ ไฉฮั้ว ขึ้นจากทะเลมาสมทบ คอยแล้วคอยเล่าดั่งเกลียวคลื่นหาย กลุ่ม เซียนเริ่มกระวนกระวาย เซียนทิไกว้ อดรนทนไม่ไหว รีบกล่าวขึ้นก่อน
“นี่สงสัยเป็นนายมังกรเล่นตลกแน่ ๆ มา… พวกเราจงมาค้นหากันเถิด”
เซียนก๋วยเล่า เสริม
“ข้าร่ำสุราแล้วตาขยิบ ๆ นี่คงเป็นลางว่าไม่ดีเสียแล้ว”
เซียนเจ็งลี้ ถลึงตาหันมามอง เซียนท่งปิง กล่าวว่า
“เรื่องทั้งหลายเหล่ เนื่องจากท่านเสือกมาชวนพวกเราโต้คลื่น ตอนนี้ ไฉ่ฮั้ว หายไป ขอท่านรับผิดชอบไปตาม ไฉ่ฮั้ว กลับมา พวกข้าพเจ้าจักขอล่วงหน้าไปก่อน”
ท่งปิง ยอมรับปากด้วยจนเหตุผล บ่ายหน้าไปกลางทะเล แต่ก็มองไม่เห็นแม้แต่เงาของ ไฉ่ฮั้ว ได้ร้องตะโกนใส่ทะเลว่า
“เฮ้ย ! ไอมังกร รีบ ๆ ส่งคน (เซียน) คืนมาให้แก่ข้านะโว้ย ไม่เช่นนั้น ข้าจะเอาไฟเผาทะเลของท่านให้สิ้นซาก”
มีผีเสื้อสมุทรตนหนึ่งได้ยินเข้า ก็รีบตาลีตาเหลือกไปรายงานแก่ ไท้จื้อ
“ท่าน ไท้จื้อ มีใครไม่รู้ ตะโกนให้ส่งคนคืน ไม่เช่นนั้นจะเผาทะเลพ่ะย่ะค่ะ”
ไท้จื้อ ทรงฟังเช่นนั้น ทรงพระโมโหเป็นกำลัง ดำขึ้นสู่ผิวทะเลถาม
“ใครเหวย มาขึ้นเสียงอึกทึกที่นี่”
ท่งปิง ตอบ
“ข้า…. เซียน ขั้นที่ 1 ลื่อสุ่งเอี้ยง เพื่อน เซียน ลัทธิเต๋า หน่าไฉฮั้ว ตกหายไปในทะเล ข้าจึงมาสำรวจค้นหา ไปรายงานเจ้ามังกรซิ ให้ส่งคนคืนข้ามา”
ไท้จื้อ พิโรธ ตวาดว่า
“หยุดพูดเหลวไหล จงรีบกลับไป ไม่งั้นข้าจะจับเจ้าไปอีกคน”
ท่งปิง โมโห ชักกระบี่ แชเล่งเกี่ยม (กระบี่มังกรเขียว) จิ้มออกไป ไท้จื้อ ดำผลุดหนีลงน้ำ ท่งปิง ไม่พูดพล่ามทำเพลง เขวี้ยงน้ำเต้าไฟของวิเศษพุ่งลงน้ำ น้ำเต้าวิเศษขยายร่างเป็นร้อยเป็นพันน้ำเต้า พ่นไฟเผาน้ำทะเลเดือดเป็นสีแดง ร้อนไปถึงเจ้าทะเล
“เว้ย ! ทำไมน้ำทะเลร้อนอย่างนี้วะ”
ลิ่วล้อรายงานว่า
“หลายวันก่อน ไท้จื้อ ขโมยวิลเสริสส์เขามา แล้วยังจับเจ้าของมาขังที่คุกมืด วันนี้ เซียนลื่อสุ่งเอี้ยง มาทวงคนของเขาคืน ไท้จื้อ ไม่ยอมคืน ลื่อสุ่งเอี้ยง จึงเอาน้ำเต้าไฟเผาทะเล นี่เดือดร้อนจะตายชักแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
พระยามังกร ตรัส
“เอาของวิเศษเขามาแล้ว ยังจับเจ้าของอีก มันมากไปแล้ว รีบปล่อยคนให้เขาไป”
ลิ่วล้อ รีบนำ หน่าไฉฮั้ว ไปส่งขึ้นฝั่ง พอดีพบกับ ท่งปิง อธิบายความเป็นที่เข้าใจ ท่งปิง ยินยอมเก็บคืนน้ำเตาไฟ พา หน่าไฉฮั้ว ไปร่วมสมทบกลุ่ม เซียน

เมื่อนั้น ทศพักตร์ยักส้า เฮ้ย !…..เฮ้ย !… คนละเล่ม คณะ เซียน มองเห็น เซียน ไฉฮั้ว กลับคืนมาพร้อมด้วย เซียนท่งปิง ต่างดีใจกันถ้วนทั่ว ห้อมล้อม ไฉฮั้ว ด้วยน้ำตานองหน้า ไต่ถามกันแซงแซด
“เจ้าทำไมถึงถูกจับ”
“ข้าเล่นวิลเสริสส์อยู่ดี ๆ พลันวิลเสริสส์ก็จมหายไป ข้าตกลงไปที่วังบาดาล เจ้าชายมังกรจับข้าไปขังคุกมืด ไม่เห็นเดือนเห็นดวงตะวัน เคราะห์ดีที่วันนี้ เซียนเฮียท่งปิง ได้ไปช่วยไว้จะเผาทะเล เจ้ามังกรกลัวร้อน รีบปล่อยข้าออกมา ข้านึกไม่ถึงว่าทำไมดวงจู๋ต้องติดคุกกินข้าวแดง ขอ เซียนเฮีย ทั้งหลาย โปรดแก้แค้นให้แก่ เซียนตี๋ ด้วยเถิด”
เซีย ไฉฮั้ว สะอึกสะอื้นร้องไห้ด้วยความเสียใจ เหล่า เซียน พากันเข้ามาปลอบ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความแค้นเคือง เซียน ทิไกว้ กล่าวด้วยอารมณ์
“นายพวกลูกหอยปูปลาปีศาจน้อย ไม่มีมารยาท เพื่อน เซียน ทั้งหลายไม่ต้องกังวลต้องเปลืองแรง ข้าขออาสาเอาน้ำเต้าไฟ เผาทะเลให้แห้ง เอาวินเสริสส์ ไฉฮั้ว คืนมา
กวยเหลา ตอบ

“ใจเย็น ๆ น้อง รอให้ เซียนท่งปิง ไปค้นหาก่อน ถ้าไม่เจอค่อยมาเผาทะเลก็ยังไม่สาย”
ท่งปิง ชวน เซียงโกว ไปด้วยกัน ตะโกนท้าทีท้าต่อยทั่วทะเล นางผีเสื้อสมุทรได้ยินเข้าอีกรีบไปรายงาน ไท้จื้อ อีก ไท้จื้อ ตื่นเต้น
“นายเซียน นี่เคยมาท้าตีท้าต่อยครั้งหนึ่งแล้ว มันเผาทะเลแม้แต่วังท่านบิดาก็เกือบถูกเผา ดีที่ท่านพ่อรีบปล่อยคนเสียก่อน วันนี้ท่ามันจะคงมาทวงของวิเศษคืน ข้าเห็นจะต้องขอลองประลองยุทธกับมันสักครั้ง”
เมื่อคิดดังนั้นแล้ว ก็สั่งนายทัพกุ้ง 10 ตัว นายทัพปู 10 ตัว เหิรน้ำสู่ชายฝั่ง หวังจะจับ ท่งปิง ท่งปิง คอยรับมืออยู่แล้ว ประลองยุทธกัน 10 กว่าเพลง ไท้จื้อ สู้ไม่ได้ วิ่งหนีลงน้ำไป เซียงโกว โยนสุ่มไม้ไผ่วิเศษลงดักไว้ ไท้จื้อ หนีไปไหนไม่รอด หันหน้ากลับมาสู้แบบหมาจนตรอก ท่งปิง ตวาดดังเสียงฟ้าลั่น ปล่อยกระบี่วิเศษพุ่งขึ้นบนฟ้า กระบี่วิเศษดั่งมีตา พุ่งเข้าหาเสียบที่หน้าผากของ ไท้จื้อ ปลิดชีวิต นายทัพกุ้งนายทัพปูทั้งหลายเห็นไม่เข้าท่า ต่างรีบหนีเอาตัวรอด แต่ก็ไม่วายถูกสุ่มวิเศษของ เซียงโกว ดักไว้หมดหลายตัว ถูกจับกุดหัวจำนวนมาก ลิ่วล้อที่เหลือหนีไปรายงาน ไห่เล่งอ้วง ไห่เล่งอ้วง เจ้าสมุทร ได้ทราบข่าวเช่นนั้น ทรงพระตระหนกตกพระทัย ทรงรับสั่งให้องค์ชายรอง ทำกองทัพสมุทรขึ้นไปต่อกรกับ เซียนท่งปิง และ เซียนเซียงโกว เซียนท่งปิง และ เซียนเซียงโกว ต่างยืนรอคอยท่าอยู่แล้ว องค์ชายรองขึ้นทะยานสู่ผิวน้ำแลเห็นสองเซียน ไม่พูดพล่ามทำเพลง เสือทวนพุ่งไปที่ ท่งปิง ทันที เหล่าซีฟู๊ดอาร์มีต่างบุกกลุ้มรุมเซียนทั้งสอง ทั้งสองเซียนอึดอัดหายใจไม่ออกด้วยกลิ่นคาวของ!ทะเล เซียท่งปิง ได้ชักกระบี่วิเศษออกจากฝักอีกครั้งโยนขึ้นไปบนท้องฟ้า กระบี่วิเศษได้แปลงเป็นกระบี่ร้อย ๆ พันหมื่นเล่ม หล่นกระจากลงมาเต็มฟ้าพุ่งโจมตี เหล่าทหารทะเล หลั่งเลือดคาวทะเล สองเซียนหลุดออกกจากวงล้อมได้ เซียนท่งปิง ได้ปะทะกับองค์ชายรอง ฟันถูกแขนซ้ายขององค์ชายรองบาดเจ็บ องค์ชายรองกระโดดลงน้ำหนีไป เหล่ากองทัพซีฟู๊ดพากันชุลมุนวุ่นวาย ดำหนีหายไปในน้ำ เซียนท่งปิง และ เซียนเซียงโกวก็ดำน้ำตามลงไป
มาจะกล่าวบทไปถึงพระยามังกร ทรงนั่งอยู่บนบัลลังก์วังบาดาล สลับตรับฟังข่าวคราวขององค์ชายรอง ครั้นประจักแจ้งว่า ไท้จื้อ ทรงพระพ่าย บาดเจ็บพระกรข้างซ้าย ทรงทุกข์โทรมนัสเป็นหนักหนา กรรแสงด้วยพระแค้นเคือง เหล่าเสนาขุนสอพลอพลอยพยัก พากันประจบป้ายสีว่า
“แหม่…! แหม่..! อ้าย ท่งปิง ทำร้ายเจ้านายรอง ท่านอ๋องเจ้ามังกรต้องแก้แค้นพ่ะย่ะค่ะ อะฮั้นเหล่าเสนาสมุทรขอชะเลียเต็มที่พ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องเจ้าสมุทร ทรงพระทิฐิ ด้วยเหล่าเสนาเข็นเต็มที่ ทรงร้อนพระอาสน์กระทืบพระบาท เหวย ๆ ผมจักต้องแก้แค้นให้ลูกสอง เมื่อนั้นพระทรงสมุทร นำทัพราชนาวีสโมสรจำนวนแสน เสด็จเหิรขึ้นสู่ท้องทะเล หมายราวีคณะเซียนให้สิ้นซากแก้แค้นองค์ชายรอง ความอย่างไรขอเชิญทอดทัศนาองค์ต่อไป

เมื่อนั้น เซียนท่งปิง และ เซียนเซียงโกว เหาะเหิรกลับสมทบกับคณะเซียน เล่าความแถลงไขว่า เจ้ามังกรไม่ยอมมอบคืนกระดานโต้คลื่น แถมยังให้สององค์ชายขึ้นมาราวี ข้าได้ฆ่าเสียองค์ชายหนึ่ง และทำร้ายองค์ชายรอง สร้างความผูกแค้นพยาบาทแก่เจ้าสมุทร ขอพวกเราจงตั้งมั่นรับกองทัพซีฟู๊ด จับยำจับปิ้งทำลาบก้อยตามอัชฌาสัย เซียนไฉฮั้ว ได้ยินดังนั้นก็ดีใจน้ำลายสอ เซียนกวยเหลา กล่าวด้วยอารมย์โกรธ
“ท่านทำเช่นนี้มิเท่ากับกวนทั้งทะเล กุ้งหอยปูปลาและน้ำเต้า ดารดาษเรียงหน้ามาให้ท่านแทง (เอ๋า..! ไหงเป็นอย่างงั้น….”
เซียนเจ็งลี้ กล่าว
“เมื่อเหตุการณ์เป็นมาเช่นนี้ ก็ย่อมมิอาจฝืนลิขิตสวรรค์ ขอพวกเราจงอย่าตั้งความประมาท หาหนทางรับมือดูเหตุการณ์”
เซียนทิไกว้ กล่าว
“เฮียเจ็งลี้ พูดมาก็มีเหตุผล แต่ท่านมียุทธวิธียังไงบ้าง”
เซียนเจ็งลี้ ตอบ
“พวกเราต้องระดมกำลังสู้ แบบน้ำน้อยให้ชนะไฟ หนึ่งต่อร้อย ร้อยต่อพัน แม้นทัพนาวียกมามากเท่าไหร่ เราก็ต้องสู้ ต้องสู้…. ต้องสู้…. จึงจะ…ชะ….นะ”
เซียนทิไกว้ ถาม
“นอกจากต้องสู้อย่างเดียวแล้ว ท่านมีวิธีการเช่นใดจึงจะชนะ”
เซียน เจ็งลี้ ตอบ
“วันนี้ ไห่เล่งอ้วง ยกทัพมาเพียงกองเดียว ลำพังพวกเรา 8 เซียน น่าจะต้านอยู่ พวกเราจงเสกกองทัพแบ่งเป็น 4 ทิศทาง และเพื่อเป็นการอำพรางลวงศัตรู ให้ทัพกลางถือธงอาญาสิทธิ์ โบกสะบัดให้กองทัพทั้งหมด รุมขยี้ศัตรู แค่นี้ก็จักชะนะ…จัก..ชะ…นะ…อา…”
กลุ้มเซียนทั้งหมดเห็นด้วย
“แผนการณ์อัน…วี่….เศษ…”
คำพูดยังมิทันจบ ก็มีใบบอกเข้ามาว่า ศัตรูบุกทะลวงเข้ามาแล้ว ท่าน เล่งอ๋อง นำทัพมาด้วยตนเอง สั่งให้บุก ๆ ฆ่า ๆ เล่งอ๋อง เมื่อมองเห็นหน้า ท่งปิง ทรงพระโกรธ พระพักตร์ที่เขียวอยู่แล้วยิ่งเขียวขึ้นไปอีก ทรงด่า ท่งปิง เสีย ๆ หาย ๆ กระโจนเข้ามาจะแก้แค้นให้โอรสทั้งสอง เซียนเจ็งลี้ รีบสั่ง ท่งปิง ให้จัดขบวนต้อนรับ เซียนเซียงจื้อ เป็นทัพซ้าย เซียนไฉฮั้ว และ เซียนเซียงโกว เป็นทัพขวา ส่วน เซียนทิไกว้ และ เซียนก๊กผม๋ เป็นทัพหลัง เซียนกวยเหลา ควบคุมธงอาญาสิทธิ์ แต่เห็นว่าการรบตะลุมบอนกันอยู่ยังไม่แพ้ชนะ จึงยังไม่โบกธง เซียนเจ็งลี้ นำเป็นทัพหน้ารำกระบี่บุกเข้าไป เล่งอ๋อง ไม่ฟังเสียง ถือทวนทิ่มแทงเข้าไปที่ เจ็งลี้ เจ็งลี้ ใช้กระบี่รับปัดปลายทวน ทั้งสองตีรันฟันแทงกันอยู่ได้ 50 กว่าเพลงยังไม่แพ้ชนะ เล่งอ๋อง ตาเหลือกตวาดให้กองทัพซีฟูดอาร์มี่ ช่วยรุมขยำ เจ็งลี้ เป็นที่อลหม่าน เซียนกวยเหลา เห็นดังนั้น ก็ยกธงอาญาสิทธิ์สะบัดไปมา เสียงร้องตะลุมบอนแหวกดังทั่ว 4 ทิศ ทางด้านซ้ายก็มี เซียนท่งปิง และ เซียนเซียงจื้อ ฟาดฟันฆ่าตะลุยเข้ามา ทางด้านขวา มี เซียนไฉฮั้ว และ เซียนเซียงโกว เป็นผู้นำบุกเข้ามาฆ่า ทางด้านหลังก็มี เซียนไกวเหลา และ เซียนก๊กผม๋ หนุนเข้ามา ท่าน เล่งอ๋อง ทรงไม่ทราบกำลังของฝ่ายศัตรูมีมากเท่าไหร่
แลเห็นกองทัพของตัวชุลมุนวุ่นวายไปหมด ไม่มีกะจิตกะใจสู้รบ เหยียบย่ำกันเองล้มตายบาดเจ็บจำนวนนับไม่ถ้วน เซียนเจ็งลี้ ยิ่งรบยิ่งมัน เล่งอ๋อง มองเห็นท่าไม่ดี รีบหนีเอาตัวรอดเพียงผู้เดียว เซียนเจ็งลี้ กวาดตาเที่ยวตามหาทั่ว 4 ทิศ มองเห็น เล่งอ๋อง กระโดดลงสู่ทะเล เซียนทิไกว้ และเซียนท่งปิง ต่างพากันเอาน้ำเต้าไฟโยนลงน้ำ เผาผลาญน้ำทะเลจนแห้ง ควันไอน้ำกระจายเต็มท้องฟ้า ขณะนั้น มหาสมุทรฝั่งตะวันออกกลายเป็นพื้นราบกว้างมหาศาล เล่งอ๋อง ไม่มีที่อยู่อาศัยรีบพาลูกเมียหอบหนีไปอยู่ที่ทะเล น่ำไห้ (ทะเลใต้) กองทัพซีฟู๊ดทั้งหมดล้วนตายสิ้น คณะโป๊ยเซียนจัดทัพฉลองชัยชำนะ ยกพยุหะยาตราไปอยู่ที่วัง จุ่ยเจียเก็ง (ไม่ใช่เวิ้งตรงสะพานเหล็กนะครับ) ของไห่เล่งอ้วง

มาจะกล่าวบทไปถึงพระยามังกรแห่ง น่ำไห้ (ทะเลใต้) เจ้าเหง่าหยุง ขณะกำลังออกว่าราชการได้ถามเหล่าขุนนางเสนาสมุทรว่า
“เจ้าพระยามังกรแห่ง ตังไห้ มีธุระปะปังเช่นใดหรือ ถึงได้จรมาถึงที่นี่”
ฝ่ายเสนาตรวจการท้องสมุทรกราบทูลว่า
“ท่านเจ้าสมุทรแห่งทะเลตะวันออก ได้ทำสงครามยุทธหัสถี.. เอ้ย ! ยุทธนาวีกับกองทัพของ โป๊ยเซียน ดังนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ท่าน อ๋องมังกร ตรัส
เฮ้ย..! เรื่องใหญ่โตเช่นนี้ทำไมข้าไม่รู้วะ…”
ทรงมีพระบัญชาจัดกองทัพไปตรวจตราที่ทะเล ตังไห้ เหล่าเสนายกขะโหยงไปเลียบ ๆ มอง ๆ แล้วกลับมารายงานว่า
“เจ้า ตังไห้เล่งอ้วง ทรงพ่ายแพ้สงครามนำลูกเมียมาขอพึ่งพาพระองค์พ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าพระยา เหง่าหยุง สะดุ้งตกพระทัย ทรงรีบสั่งเลิกว่าราชการ รับสั่งให้เสนาสนิทแอบเข้าหลังม่านซุบซิบปรึกษากัน
ฝ่ายเจ้าพระยา ตังไห้ ปล่อยโฮร้องห่มร้องไห้น้ำตาไหลท่วมเข้ามาอย่างไม่อายใคร
“โฮ…!….โฮ ! ท่านพี่เจ้าขา อ้ายพวก โป๊ยเซียน อันธพาล บุกทะเลมารังเกหม่อมฉันพะคะ เพียงเพราะว่าเจ้า ซิงไฉฮั้ว… เอ้ย ! น่าไฉฮั้ว เล่นวิลเซิร์พปล่ยแสง เฮ้ากวง ข้ามหัวบนวังของหม่อมฉัน องค์ชายโตทนรำคาญไม่ไหว เลยริบกระดานโต้คลื่นวิลเซิร์พมาหมายจะเล่นเอง แต่เซียน ท่งปิง กลับนำกองทัพมาบุกย่ำยีเวียงวังของหม่อมฉัน ซ้ำยังฆ่าองค์ชายใหญ่ของหม่อมฉันและทำร้ายตัดแขนองค์ชายรองของหม่อมฉันพิการเจียนตาย แค้นอันนี้น้องสุดระทมฝืนใจ จึงได้ยกทัพไปทำสงครามหมายแก้แค้น นึกไม่ถึงว่าพวกมันไม่กล้าต่อสู้กันซึ่ง ๆ หน้า แอบซุกกองทัพไว้ข้างทางเมื่อยามน้องเผลอ ตีกองทัพน้องหนีแตกกระจายหลบหนีเข้าวัง มันยังอุตส่าห์เอาน้ำเต้าไฟมาเผาวังของน้องจนกระทั่งน้ำในมหาสมุทรเหือดแห้งพะคะ น้องตอนนี้บ้านแตกสาแหรกขาดจริง ๆ วังที่ยังผ่อนไม่หมด ไฟท์แน้นซ์ก็ยังมาตามยึด เอ้ย..! ถูก โป๊ยเซียน ยึดไปพะคะ นะคะ… ท่านพี่ ขอยืมวังของท่านพี่เป็นที่ซุกหัวนอนของน้องและครอบครัว และเพื่อเห็นแก่ความเป็นพี่น้องที่ว่ายน้ำข้ามทะเลมาด้วยกัน ขอท่านพี่โปรดยกกองทัพไปแก้แค้นทำสงครามให้กับน้องด้วยนะ….นะ….ตัวง่า……”
เจ้าพระยา เหง่าหยุง ทรงฟังพระเช่นนั้น ทรงตวาดด้วยพระสุรเสียงอันดังว่า
“ชิชะ..! อ้ายไท้จื้อเหตุไฉนจึงแกว่งส้นตีนไปหาเสี้ยน กะอีแค่วิลเซิร์ฟพลาสสะติกธรรมดาเพียงไม่กี่สะตังเท่านั้นเอง แหม่…! แหม่ ! อ้ายพวก โป๊ยเซียน นี่มันขี้งกจริง ๆ ขอยืมหลานข้าเล่นแค่นี้เป็นไรมี นี่ถึงกับต้องฆ่าแกงต้มยำกินกันด้วยหรือ ไม่เป็นไร… น้องข้า พี่จะขอออกหน้ายกทัพไปแก้แค้นให้น้องเอง”
ทรงตรัสถามต่อไปอีกว่า
“เออ..! น้องพี่…. แล้วกองทัพพวก โป๊ยเซียน นี่ มันยกกันมาเท่าไหร่”
“มีไม่เท่าไหร่หรอกพะคะ แต่พวกมันนี่แข้มเข็งจริง ๆ “
“แล้วเจ้า ซุ้ง (หมายถึงเซียน ลื่อท่งปิง) กับพวกมันตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“พวกมันตอนนี้อยู่ที่วังของหม่อมฉัน พวกมันยึดไปขัดดอกพะคะ”
เจ้าพระยา เหง่าหยุง ทรงตรัสด้วยความดีพระทัยว่า
“โอ้…. เจ้า ซุ้ง อยู่ที่นี่ มันเท่ากับหาที่ฝังศพฆ่าตัวตาย”
ท่านน้อง เล่งอ้วง ถาม
“แล้วท่านพี่มีแผนอย่าไรพะคะ”
เจ้าพระยา เหง่าหยุง ตอบ
“ตามตำรับพิชัยณรงค์สงคราม ซุงบู้ ซุงจื้อ บวก ซิงปิง กองทัพที่อยู่ที่สูงย่อมได้เปรียบทางทำเลหลายส่วน พวกมันหลบอยู่ในวังบาดาลของท่านซึ่งเป็นที่ต่ำ ข้าเพียงแต่เรียกกองทัพซีฟู๊ดซึ่งมีอยู่หลายล้านตัวในมหาสมุทร ไปเหยียบพวกมันเท่านี้ก็ท่วมมิดแล้ว”
ตังไห่เล่งอ้วง ตรัส
“วี่…..เศษ ความคิดท่านช่าง วี่เศษ แล้วท่านพี่จะลงมือเมื่อไหร่พะคะ”

เจ้าพระยา เหง่าหยุง ทรงเขียนพระราชโองการขึ้น 2 ฉบับ เป็นการเรียกระดมพลทั้ง 4 มหาสมุทร ฉบับหนึ่งส่งไปยัง ไซเล่งอ้วง อีกฉบับหนึ่งส่งไปยัง ปักไห่เล่งอ้วง ให้นัดกันยกทัพมาตอนตี 5 จุดประทัดเป็นสัญญาณ แล้วจัดพลที่ไว้ใจได้ ส่งหนังสือไปยังทะเลตะวันตก และทะเลเหนือ สองพระยามังกรเมื่อได้รับหนังสือ ก็ได้ยกกองทัพมาตามนัด แล้วจุดประทัดตามสัญญาณ เจ้าพระยา เหง่าหยุง เมื่อได้ยินสัญญาณประทัดทั้งสองจุด ทรงดีพระทัยหาย ส่งเสนาบดีกุ้งหอยปูปลาและน้ำเต้าออกไปต้อนรับอย่างละ 40 ตัว

 

 


 
 
BY ขจรศักดิ์ เลาห์สัฒนะ
Hosted by www.Geocities.ws

1