ม่อจื้อ
ประวัติของม่อจื้อ
เป็นชาวรัฐลู้ สันนิษฐานว่าเกิดระหว่าง พ.ศ. ๖๓ ถึง ๗๖ และถึงแก่กรรมราว พ.ศ. ๑๕๓ ถึง ๑๖๘ คำว่า ม่อ เป็นแซ่ ส่วนชื่อจริงคือ เต็กหรือตี่ มีการคาดกันว่าม่อ ไม่ใช่แซ่แต่เป็นคำเรียกคนที่มีรอยสักเป็นเครื่องหมาย ได้แก่ พวกทาส กรรมกร หรือเชลยสงคราม ม่อจื้อก็เป็นช่างฝีมือคนหนึ่งจึงมีรอยสักเช่นกันส่วนตี่ก็ไม่ใช่ชื่อจริง คำนี้หมายถึงขนนกก็ได้ เพราะเชื่อว่าม่อจื้อชอบปักขนนกตามความนิยมของคนสมัยนั้น หากเป็นเช่นนั้นก็จะได้ว่าม่อจื้อเกิดในตระกูลของกรรมกรซึ่งต่างจากเหลาจื้อและขงจื้อซึ่งเกิดในตระกูลขุนนาง และนน่าจะเป็นจริงอย่างนั้นเพราะม่อจื้อได้รณรงค์อย่างมากให้ล้มล้างระบบชนชั้น และยกฐานะกรรมกรให้สูงขึ้นเสมอคนทั้งหลาย
ปรัชญาชีวิตและสังคม
ม่อจื้อเชื่อว่าคนทุกคนชอบความสุขเกลียดความทุกข์ด้วยกันทั้งนั้นเพราะฉะนั้นก็ควรจะปฏิบัติต่อกันดังนี้ ๑ เจริญเมตตา ๒ มุ่งบำเพ็ญประโยชน์แก่มนุษย์ชาติทั้งมวล ๓ เชื่อถือเทพเจ้า
ปรัชญาเศรษฐกิจ
ม่อจื้อมีความเห็นว่าปากท้องมีความสำคัญที่สุดโดยปัญหามีอยู่ว่าคนเราจะท้องอิ่มได้อย่างไร เรื่องนี้ม่อจื้อสอนให้ ขยันหมั่นเพียร ใช้ชีวิตเรียบง่ายและตัดรายจ่ายที่ไท่จำเป็นออก ซึ่งอาจแบ่งเป็นข้อย่อยได้ดังนี้ ๑ เลิกการแบ่งชนชั้นและตัดความหรูหราฟุ่มเฟือยออก ๒ เลิกล้มประเพณีที่สิ้นเปลือง ๓ เลิกเชื่อถือพรมลิขิต ๔ เลิกหมกมุ่นกับดนตรี ๕ ส่งเสริมให้เพิ่มประชากร
ปรัชญาการเมือง มีหัวข้อใหญ่ๆดังนี้
๑ ปลูกฝังความรักความเมตตาสากลต่อมนุษย์ชาติ ๒ ให้ความยกย่องบัณฑิต ๓ ให้ทำตามผู้นำ ๔ ตั้งกองกำลังรักษาสันติภาพ
สรุปปรัชญาม่อจื้อ
เพื่อให้เกิดความรักความเมตตาต่อกันและกัน ม่อจื้อได้ดำเนินการดังนี้ ๑ รณรงค์ให้คนเห็นคุณค่าของความรักความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ๒ รณรงค์ให้เลิกมีการแบ่งชนชั้น ๓ รณรงค์ให้ขยันหมั่นเพียร ๔ รณรงค์ให้เลิกการใช้ฟุ่มเฟือย ๕ รณรงค์ให้เลิกเชื่อโชคชะตา ๖ รณรงค์ให้เชื่อเรื่องเทพเจ้าผีสางเทวดา