l สาเหตุของโรคซึมเศร้า l การรักษา l ยารักษาโรคซึมเศร้า l ผลข้างเคียงของยา l การรักษาทางจิตใจ lการช่วยรักษาตนเอง l ผู้ใกล้ชิดช่วยได้อย่างไร l
หากมีประวัติการเจ็บป่วยโรคนี้ในญาติของท่าน ก็เพิ่มการป่วยโรคนี้กับสมาชิกอื่นในบ้าน
แต่ก็มิได้หมายความว่า จะเป็นกันทุกคน ปัจจัยที่กระตุ้นให้คนที่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้
มีโอกาสเกิดอาการก็คือ ความเครียด แต่ทั้งนี้คนที่ไม่มีญาติเคยป่วยก็อาจเกิดเป็นโรคนี้ได้ มักพบว่าผู้ป่วยโรคนี้จะมีความผิดปกติของระดับสารเคมี ที่เซลล์สมองสร้างขึ้น
เพื่อรักษาสมดุลย์ของอารมณ์สภาพจิตใจที่เกิดจากการเลี้ยงดูก็เป็นปัจจัยที่เสี่ยงอีกประการหนึ่ง
ต่อการเกิดโรคซึมเศร้าเช่นกัน คนที่ขาดความภูมิใจในตนเองมองตนเอง
และโลกที่เขาอยู่ในแง่ลบตลอดเวลา หรือเครียดง่าย
เมื่อเจอกับมรสุมชีวิต ล้วนทำให้เขาเหล่านั้นมีโอกาสป่วยง่ายขึ้นนอกจากนี้ หากชีวิตพบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ต้องเจ็บป่วยเรื้อรัง
ความสัมพันธ์กับคนใกล้ชิดไม่ราบรื่น หรือต้องมีการเปลี่ยนแปลงใน
ทางที่ไม่ปรารถนา ก็อาจกระตุ้นให้โรคซึมเศร้ากำเริบได้
สาเหตุที่จะกระตุ้นการเกิดโรคซึมเศร้าที่พบบ่อยก็คือ
การมีทั้งความเสี่ยงทางพันธุกรรม ทางสภาพจิตใจ
ประจวบกับการเผชิญกับสถานการณ์เลวร้าย ร่วมกันทั้ง 3 ปัจจัย
โรคซึมเศร้า สามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีการรักษาทางจิตใจ
และการรักษาด้วยยาหลายชนิด โดยที่แต่ละคนอาจตอบสนอง
ต่อการรักษาแต่ละชนิดไม่เท่ากัน บางคนอาจต้องการการรักษาหลายอย่างร่วมกัน การรับประทานยาจะทำให้อาการของโรคดีขึ้นเร็ว
ในขณะที่การรักษาทางจิตใจจะช่วยให้คุณเหมือนมี "ภูมิคุ้มกัน" สามารถต่อสู้กับปัญหาที่จะย่างกรายเข้ามาได้ดีกว่าเดิม
ส่วนใหญ่แล้วการรักษาโรคซึมเศร้าไม่จำเป็นต้องมา
นอนรักษาในโรงพยาบาลแต่อย่างไรเมื่ออาการของโรครุนแรง จนอาจมีอันตรายจากการพยายามฆ่าตัวตาย
หรือผู้ป่วยไม่สามารถกินยาได้ หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา
อาจให้การรักษาด้วยไฟฟ้า แต่จะใช้ในกรณีที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น
--------------------------------------------------------------------------------
ในปัจจุบันยารักษาโรคซึมเศร้าแบ่งออกได้หลายกลุ่ม
ตามลักษณะโครงสร้างทางเคมีและวิธีการออกฤทธิ์ คือ
กลุ่ม tricyclic (คือยาที่มีโครงสร้างทางเคมีสามวง)
กลุ่ม monoamine oxidase inhibitors เรียกย่อๆ ว่า MAOI
และกลุ่มสุดท้ายคือยากลุ่มใหม่ชื่อ SSRI (serotonin-specific reuptake inhibitor) ซึ่งแต่ละกลุ่มมีข้อดีข้อเสียต่างกัน แต่ประสิทธิภาพการรักษาเท่าเทียมกัน
แพทย์อาจเริ่มจ่ายยากลุ่มใดแก่ผู้ป่วย ก่อนก็ได้เพื่อดูผลตอบสนอง
เนื่องจากเราไม่อาจทราบก่อนได้เลยว่า ผู้ป่วยคนใดจะ"ถูก"กับยาชนิดใด แล้วแพทย์จะค่อยๆปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับอาการต่อไปยารักษาโรคซึมเศร้าออกฤทธิ์โดยปรับระดับสารเคมีในสมองให้สมดุลย์
เป็นการรักษาโรคโดยตรง มิใช่เป็นเพียงยาที่ทำให้ง่วงหลับ
จะได้ไม่ต้องคิดมากเช่นที่คนมักเข้าใจผิดกันผู้ป่วยส่วนใหญ่ มักต้องการหยุดกินยาเร็วกว่าที่ควรเป็น
ข้อสำคัญและพึงปฏิบัติที่สุดก็คือ การกินยาอย่างต่อเนื่อง
จนกว่าแพทย์จะบอกให้ท่านหยุด ถึงแม้ว่าจะรู้สึกดึขึ้นแล้วก็ตาม
ยาบางตัวต้องค่อยๆลดขนาดลง เพื่อให้โอกาสร่างกายปรับตัวไม่ต้องกังวลว่า ยารักษาโรคซึมเศร้าเป็นยาที่กินแล้วติดหยุดยาไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ก็เช่นเดียวกับการรักษาโรคอื่นๆ
แพทย์อาจให้ตรวจวัดระดับยาให้ถูกต้องกับอาการเป็นระยะๆสิ่งที่คุณหลีกเลี่ยงก็คือ การซื้อยากินเองจากร้านขายยา ยืมยาจากเพื่อน หรือกินยาจากแพทย์ท่านอื่นปนกับโรคซึมเศร้า โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ของท่านก่อน เช่นเดียวกับแพทย์คนอื่นหรือหมอฟันด้วยว่า ท่านกำลังกินยารักษาโรคซึมเศร้าอยู่
อย่าวางใจว่า เป็นแค่ยาพื้นบ้านธรรมดา คงไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงอะไรร้ายแรง
การดื่มอัลกอฮอล์จากเหล้า เบียร์ หรือไวน์ จะลดประสิทธิภาพของยาลงยานอนหลับหรือยาลดความกังวล ไม่ใช่ยาที่สามารถรักษาโรคซึมเศร้าได้โดยลำพัง
อย่างที่กล่าวแล้ว แม้ว่าบางครั้งแพทย์จะสั่งใช้ยาชนิดนี้ควบคู่ไปกับยารักษาโรคซึมเศร้า
เพื่อบรรเทาอาการกังวลในระยะต้นของการรักษา และไม่ควร
ใช้ยากระตุ้นประสาทหรือยาม้าเพื่อหวังผลให้หายเพลียเพียงชั่วครั้งชั่วคราวควรถามแพทย์ทุกครั้งที่ท่านมีปัญหาที่เกิดจากยา หรือเกิดปัญหาที่คิดว่าอาจเกิดจากยา
--------------------------------------------------------------------------------
ยารักษาโรคซึมเศร้ามีผลข้างเคียงอยู่บ้างกับผู้ใช้บางคน
อันอาจก่อความรำคาญ แต่ไม่อันตราย อย่างไรก็ตาม
เมื่อรู้สึกว่ามีผลข้างเคียงของยาเกิดขึ้น กรุณาแจ้งให้แพทย์ทราบ
ผลข้างเคียงต่อไปนี้มักเกิดจากกลุ่มยา tricyclics ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่ถูกสั่งใช้บ่อยที่สุด และเราได้แนะนำวิธีบรรเทาผลข้างเคียงไว้ท้ายข้อแล้วดังนี้1.ปากแห้งคอแห้ง
ดื่มน้ำบ่อยๆ เคี้ยวหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาล รักษาสุขภาพช่องปากให้ดี
2.ท้องผูก
กินอาหารที่มีกาก หรือมีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ ผักผลไม้ เช่น ส้มโอ มะขาม มะละกอ
3.ปัญหาการถ่ายปัสสาวะ
อาจมีการถ่ายปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะไม่พุ่งเช่นเคย
อาจใช้มือกอหน้าท้องช่วยและปรึกษาแพทย์4.ปัญหาทางเพศ
อาจมีปัญหาขณะร่วมเพศได้บ้าง ซึ่งปรึกษาแพทย์ได้
5.ตาพร่ามัว
อาการนี้จะหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องตัดแว่นใหม่
6.เวียนศีรษะ
ลุกจากเก้าอี้ หรือเตียงช้าๆ ดื่มน้ำมากขึ้น
7.ง่วงนอน
อาการอาจหายไปเอง อย่าพยายามขับรถ หรือทำงานกับเครื่องจักร หากง่วงมากในช่วงเช้าให้เลื่อนยามื้อก่อนนอนมากินหัวค่ำกว่าเดิม
สำหรับกลุ่ม SSRI อาจมีผลข้างเคียงที่ต่างออกไป ดังต่อไปนี้
1.ปวดศรีษะ อาจมีอาการสักช่วงหนึ่ง แล้วจะหายไป
2.คลื่นไส้ มักเป็นเพียงชั่วคราว
3.นอนไม่หลับหรือกระวนกระวาย พบได้ในช่วง 2ถึง3 สัปดาห์แรก
ของการกินยา หากคงอยู่นานควรปรึกษาแพทย์
--------------------------------------------------------------------------------
มีวิธีรักษาทางจิตใจอยู่หลายรูปแบบ ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคซึมเศร้า
ซึ่งอาจเป็นการ"พูดคุย"กับจิตแพทย์ 10 ถึง 20 ครั้ง
อันจะช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความเข้าใจกับสาเหตุของปัญหา
และนำไปสู่การแก้ไขปัญหา โดยการเปลี่ยนมุมมองกับแพทย์ การรักษาทางพฤติกรรมจะช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีที่จะได้รับความพอใจ
หรือความสุขจากการกระทำของเขา และพบวิธีที่จะหยุดพฤติกรรมที่
อาจนำไปสู่ความซึมเศร้าด้วยการรักษาอีก 2 รูปแบบต่อไปที่มีการศึกษาแล้วว่า
สามารถรักษาโรคซึมเศร้าได้ดี คือ
การรักษาแบบปรับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล
และการรักษาแบบปรับความคิดและพฤติกรรม
โดยการรักษารูปแบบแรกมุ่งไปที่การแก้ไขปัญหาระหว่าง
ผู้ป่วยกับคนรอบข้างที่อาจ เป็นสาเหตุและกระตุ้นให้เกิดความซึมเศร้า ส่วนการรักษาแบบหลังจะช่วยให้ผู้ป่วยเปลี่ยนความคิด
และพฤติกรรมในแง่ลบกับตนเองส่วนการรักษาโดยอาศัยทฤษฎีจิตวิเคราะห์ ก็นำมารักษาโรคนี้ โดยช่วยผู้ป่วยค้นหาปัญหาข้อขัดแย้งภายในจิตใจผู้ป่วย
ซึ่งอาจมีรากฐานมาจากประสบการณ์ตั้งแต่เด็กโดยทั่วไปสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้ารุนแรง มีอาการกำเริบซ้ำๆ จะต้องการการรักษาด้วยยาร่วมกับการรักษาทางจิตใจควบคู่กัน
เพื่อผลการรักษาในระยะยาวที่ดีที่สุด
--------------------------------------------------------------------------------
การป่วยด้วยโรคซึมเศร้ามักจะทำให้คุณรู้สึกเพลีย รู้สึกไร้ค่า
เหมือนช่วยตัวเองไม่ได้ ไม่มีความหวัง ความคิดในแง่ลบกับตนเองในแบบนี้ มักจะทำให้ผู้ป่วยบางคนท้อถอยและยอมแพ้ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทราบว่า
ความคิดหรือความรู้สึก เหล่านี้เป็นเพียงแค่อาการของโรค มิได้สะท้อนเรื่องจริงในชีวิตของคุณอย่างถูกต้องแต่อย่างใด
ความคิดเหล่านี้จะค่อยๆหมดไปเมื่อเริ่มต้นการรักษาไปสักระยะหนึ่งในระหว่างนี้คุณควรจะ
อย่านำตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่ซับซ้อน
อย่าตั้งเป้าหมายที่บรรลุได้ยาก
หรือเข้าไปแบกความรับผิดชอบมากๆ
พยายามย่อยงานใหญ่ให้เป็นงานเล็ก เลือกทำที่สำคัญกว่าก่อน
แล้วทำให้เต็มที่เท่าที่จะเป็นไปได้
อย่าคาดหวังกับตนเองมากเกินไป
เพราะนั่นคือ คุณกำลังสร้างความล้มเหลว
ร่วมกิจกรรมที่คุณอาจเพลินใจ เช่น การออกกำลังกาย ดูหนัง
ดูกีฬา เข้ากิจกรรมทางศาสนาหรือสังคม แต่อย่าหักโหมหรือหงุดหงิด
ถ้ามันไม่ช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจขึ้นอย่างทันใจ เพราะอาจใช้เวลาบ้าง
อย่าด่วนตัดสินใจกับเรื่องใหญ่ๆ ในชีวิต เช่น ลาออก เปลี่ยนงาน
แต่งงาน หรือหย่า โดยไม่ปรึกษาคนอื่นที่รู้จักคุณดีและ
มีมุมมองที่เป็นกลางต่อปัญหาพอ ไม่ว่าด้วยเหตุใด พยายามเลื่อนการตัดสินใจออกไปก่อนจนกว่าอาการป่วยของคุณจะดีขึ้น
อย่าหวังว่าจะหายจากอาการซึมเศร้าแบบ "ลัดนิ้วมือเดียว"
เพราะเป็นไปได้ยาก จงพยายามช่วยตนเองให้มากที่สุด โดยไม่โทษตนเองว่า ที่ไม่หายเพราะตนเองไม่พยายามหรือไม่ดีพอ
พึงระลึกว่า จะไม่ยอมรับความคิดในแง่ร้าย
บอกตนเองว่ามันเป็นสวนหนึ่งของอาการของโรค
และจะหายไปเมื่ออาการของโรคดีขึ้น
--------------------------------------------------------------------------------
จากการที่โรคทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยล้า หมดหวัง
คุณอาจต้องการหรือต้องพึ่งความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้าง
อย่างไรก็ตาม เป็นการยากที่คนไม่เคยป่วยด้วยโรคนี้
จะเข้าใจผลของการเป็นโรคซึมเศร้า
พวกเขาอาจพูดหรือแสดงท่าทีที่ทำให้คุณรู้สึกเสียใจ
โดยที่พวกเขาไม่ได้ตั้งใจ คุณอาจส่งคำแนะนำเล่มนี้
ให้คนที่คุณอยากให้เขาเข้าใจที่สุดอ่านดู เผื่อเขาจะได้เข้าใจ
และช่วยเหลือคุณได้บ้างวิธีช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า
สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดคือ ช่วยให้เขาได้รับการตรวจวินิจฉัย
และรักษาที่ถูกต้องจากจิตแพทย์ ทั้งยังอาจช่วยให้กำลังใจเขา
ให้เขาร่วมมือกับแผนการรักษาจนกว่าอาการจะทุเลา
ในครั้งแรก เราอาจจะต้องเป็นผู้ช่วยนัดเหมายจิตแพทย์ให้
และไปตรวจพร้อมกับเขา แล้วช่วยติดตามว่า
ผู้ป่วยได้กินยาตามที่แพทย์สั่งมาหรือไม่ลำดับถัดมาคือ การช่วยเหลือทางจิตใจ
อันได้แก่การแสดงความเข้าใจ ความอดทน ความเอาใจใส่
และให้กกำลังใจ แก่ผู้ป่วยโดยการดึงผู้ป่วยเข้ามาร่วมวงสนทนา
และเป็นผู้ฟังที่ดี อย่ามองข้ามคำพูดที่ว่า อยากตาย
หรืออยากฆ่าตัวตาย ควรรีบแจังให้จิตแพทย์ทราบพยายามชวนผู้ป่วยไปเดินเล่น เปลี่ยนสถานที่ ชมภาพยนต์
หรือเข้ากิจกรรมต่างๆ ควรแสดงความตั้งใจจริงที่เราอยากให้เขาไป
หากตอนแรกเขาปฏิเสธ อาจต้องคะยั้นคะยอให้เขา
ทำกิจกรรมที่เขาชอบและเพลิดเพลิน เช่น งานอดิเรก กีฬา ศาสนา
หรือสมาคมต่างๆ แต่ไม่ต้องรีบบังคับผู้ป่วยรับที่จะทำหรือเข้าร่วมกิจกรรมมากๆ
และเร็วเกินควร แม้ผู้ป่วยเหล่านี้จะต้องการสิ่งที่มาจรรโลงใจ
แต่การคาดหวังกับเขามากเกินไปจะยิ่งทำให้เขารู้สึกล้มเหลวอย่ากล่าวโทษผู้ที่กำลังป่วยด้วยโรคซึมเศร้าว่า แกล้งป่วย
หรือเกลียดคร้าน หรือคาดคั้นให้หายซึมเศร้าในพริบตา
ในที่สุดแล้วผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาจะดีขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นปกติ
จงระลึกถึงความจริงข้อนี้และให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยเช่นกันว่า
ด้วยการช่วยเหลือและการรักษา เขาจะหายจากโรคนี้แน่นอนขอขอบคุณ จิตเวชศาสตร์ รามาธิบดี