สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ
สมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่
5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ตั้งโรงเรียนผดุงครรภ์ขึ้นในโรงพยาบาลศิริราช
มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำการคลอดบุตรทั้งภายในและนอกโรงพยาบาล
และเน้นถึงการพยาบาลมารดาและทารกแผนใหม่
ทำให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างยิ่ง
เมื่อสมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรนทรเข้ารับราชการเป็นผู้ช่วยปลัดทูลฉลอง
กระทรวงธรรมการ
ทรงมีหน้าที่พิเศษเป็นผู้ตรวจการโรงเรียนฝึกหัดครูและโรงเรียนราชแพทยาลัย
พ.ศ. 2458
จึงทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับการราชแพทยาลัยที่ตั้งขึ้นใหม่
มีอำนาจเต็มที่เกี่ยวกับโรงเรียนแพทย์พยาบาลและโรงพยาบาลทรงขยายการสอนให้มีการพยาบาลผู้ป่วยไข้ทั่วไปด้วย
สมเด็จพระศรีพัชรินทรบรมราชินีนาถก็ทรงสนับสนุนทุกๆ
ด้าน
แต่ในขณะนั้นมีการทักท้วงว่าเป็นการไม่สมควรที่จะให้ผู้หญิงสาวไปทำการพยาบาลผู้ชาย
ดังนั้นในปี พ.ศ. 2449
จึงได้เปิดสอนหลักสูตรพยาบาลชายขึ้น
ระยะเวลาการเรียน 1 ปี
เรียกว่าบุรุษพยาบาล
มีผู้สำเร็จการศึกษารุ่นแรกเมื่อปี
พ.ศ. 2450
ได้รับประกาศนียบัตรวิชาการพยาบาล
ผู้รับการอบรมเหล่านี้ได้ทำประโยชน์อย่างมากในกิจการฝ่ายการพยาบาลของกองทัพต่างๆ
พ.ศ. 2467
งดการผลิตพยาบาลชาย
รวมเวลาที่ผลิตพยาบาลชายทั้งสิ้น
18 ปี
มีพยาบาลชายสำเร็จการศึกษาได้รับประกาศนียบัตรทั้งหมด
9 รุ่น จำนวน 41 คน
รุนแรกหลักสูตร 1 ปี
รุ่นที่ 2 หลักสูตร 2 ปี
ในระยะนั้นกองทัพบกจัดตั้งกองการพยาบาลโรงเรียนทหารบกขึ้น
มีการอบรมพยาบาลชาย (ทหาร)
โดยสภากาชาดเป็นผู้ทำการอบรมให้ชั่วระยะหนึ่ง
และประมาณ พ.ศ. 2459
กองทัพเรือได้ตั้งโรงเรียนพยาบาลชายขึ้นอีกแห่งหนึ่ง
เรียกพยาบาลชายเหล่านั้นว่า
"พลพยาบาล"
ต่อมาเมื่อโรงพยาบาลของสภากาชาด
ทดลองให้พยาบาลหญิงทำการพยาบาลผู้ชายได้สำเร็จและเป็นที่ยอมรับของสังคม
การเลือกผลิตเฉพาะพยาบาลชายจึงน้อยลง
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 เป็นต้นมา
มีการผลิตพยาบาลชายในหลักสูตรต่างๆ
ทั้งของมหาวิทยาลัยและกระทรวงสาธารณสุข
การรับผู้ชายเข้าศึกษาวิชาชีพพยาบาลปรากฎเด่นชัดขึ้นเป็นพิเศษ
โดยเฉพาะที่คณะพยาบาลศาสตร์
มหาวิทยาลัยขอนแก่น
และได้ขยายทั่วไปในวงการศึกษาแต่ผู้ชายไม่นิยมการศึกษาวิชาพยาบาลเท่าที่ควร
เนื่องจากลักษณะการปฏิบัติงานเป็นของสตรี
ในปี พ.ศ. 2523
กระทรวงสาธารณสุขเห็นความจำเป็นที่ต้องมีพยาบาลชายไปทำงานในท้องที่ทุรกันดาร
เสี่ยงอันตรายสำหรับสตรี
จึงรับผู้ชายเข้าศึกษาวิชาพยาบาลในวิทยาลัยพยาบาลต่างๆ
ของกระทรวงสาธารณสุข
เมื่อจบการศึกษาแล้วจะส่งกลับไปบรรจุเข้ารับราชการในท้องที่ที่ได้รับทุนการศึกษา
ทุนส่วนใหญ่จะเป็นทุนของโรงพยาบาลอำเภอ
(ปัจจุบันเรียกโรงพยาบาลชุมชน)
ในจังหวัดต่างๆ
ทั่วประเทศ |