" กะเหรี่ยง " ความสัมพันธ์อันยาวนานกับไทย
กะเหรี่ยงทำลายป่าจริงหรือ?
ปัญหาป่าไม้ถูกทำลายเป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยตั้งแต่อดีตมาปัจจุบันและในอนาคต
เพราะยังไม่มีวิถีทางที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิผล
กะเหรี่ยงซึ่งมีวิถีชีวิตอยู่ตามป่าเขา โดยเฉพาะเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร
ทำการเกษตรแบบตัด ฟัน โค่น และเผา
ถูกหลายคนตราว่าเป็นสาเหตุสำคัญของปัญหาป่าไม้ถูกทำลาย
การทำการเกษตรของกะเหรี่ยงเป็นการทำ
"ไร่หมุนเวียน"
ซึ่งหมายถึงการเกษตรในรูปแบบที่มีการตัดฟันต้นไม้ในป่าทุติยภูมิ
โค่น เผา แล้วทำการเพาะปลูกพืชในพื้นที่อยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
แล้วทิ้งให้พื้นที่มีการพักตัวเพื่อฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน
ในระยะเวลาตั้งแต่ 4-10 ปี หรือมากกว่า แล้วแต่สภาพของพื้นที่
สิ่งแวดล้อมทางนิเวศวิทยา และความหนาแน่นของประชากร
หลังจากที่ได้ปล่อยให้พื้นที่มีการพักตัวแล้ว
ก็จะหวนกลับมาทำการตัดฟันต้นไม้ในพื้นที่ซึ่งเป็นป่าไม้ทุติยภูมิ
หรือป่าไม้พุ่ม โค่น เผา
แล้วทำการเกษตรอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งตามที่ได้กล่าวมาแล้ว
แล้วปล่อยให้พื้นที่มีการพักตัวอีก ก่อนที่จะมีการเกษตรอีก
เป็นเช่นนี้ตลอดไปไม่มีที่สิ้นสุด
การเกษตรแบบไร่หมุนเวียนนี้
เป็นการเกษตรแบบตัด ฟัน โค่น เผา ที่มีการอนุรักษ์ทรัพยากรอันได้แก่
ดิน น้ำ และป่าไม้มากที่สุดในพื้นที่ที่มีความลาดชัน(33)
การเกษตรแบบนี้
ทำให้ชุมชนของกะเหรี่ยงอยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีการอพยพโยกย้าย
กะเหรี่ยงบางหมู่บ้านตั้งชุมชุนมานานกว่า 200 ปี(34)
เมื่อเข้าสู่หมู่บ้านกะเหรี่ยง
แม้จะตั้งถิ่นฐานกันมานานแล้วจะเห็นป่าอยู่รอบหมู่บ้าน
เพราะกะเหรี่ยงไม่นิยมตัดต้นไม้จนเตียน แม้ข้าง ๆ
บ้านออกไปเล็กน้อยจะปล่อยต้นไม้ทิ้งไว้ตามธรรมชาติ
ไม่ฟันหรือปราบต้นไม้จนเตียน
กระทั่งการทำไร่ข้าวจะฟันเฉพาะต้นไม้ต้นเล็ก
ๆ ทิ้ง ส่วนต้นใหญ่ ๆ จะเพียงริดกิ่งก้านสาขา
เพื่อไม่ให้บังเงาต้นข้าว(35) ในปีต่อ ๆ มาจะปล่อยให้พื้นดินได้พักตัว
ต้นไม้ทั้งใหญ่เล็กก็ขึ้นเจริญเป็นป่าเช่นเดิมอีก
ด้วยการเกษตรแบบพึ่งตนเอง
คือปลูกข้าวไร่ หรือทำนาซึ่งมีอยู่เพียงเล็กน้อยข้าวโพด ถั่วเหลือง
พริก ยาสูบ ฯลฯ ไว้บริโภคเองภายในครอบครัว
อาจมีเหลือขายบ้างแต่เป็นจำนวนเล็กน้อย
จึงใช้พื้นที่ทำการเกษตรไม่มากนัก
ประกอบกับใช้วิธีการเพาะปลูกแบบดั้งเดิมซึ่งกำลังคนคนหนึ่งสามารถทำการเกษตรและดูแลได้เพียงเล็กน้อย
ทำให้เป็นไปไม่ได้เลยว่ากะเหรี่ยงสามารถทำการเกษตร
ปรากฏอยู่บ่อย ๆ
ถึงการรวมตัวของกะเหรี่ยงที่พยายามต่อสู้ต่อต้านผู้เข้ามาตัดไม้ในเขตหมู่บ้านของตน
และที่ต้องเสียชีวิตไปเพราะอิทธิพลของบุคคลอื่นที่พยายามเข้าไปตัดไม้ก็มาก
หลายครั้งเจ้าหน้าที่แนะให้คนภายนอกมาตัดไม้แล้วโยนความผิดให้กับกะเหรี่ยง
และหลายครั้งที่ได้ยินเสียงเครื่องตัดไม้
เมื่อชาวกะเหรี่ยงไปดูเห็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้พร้อมรถติดเครื่องหมายกรมป่าไม้กำลังตัดไม้อยู่
เขตทุ่งใหญ่นเรศวรและห้วยขาแข้งมรดกทางธรรมชาติชิ้นสำคัญของโลกอันทรงคุณค่า
คือผลงานการรักษาและอนุรักษ์ของกะเหรี่ยงมาหลายร้อยปี
บัดนี้นอกจากไม่นึกถึงและไม่รู้ถึงบุญคุณที่ชาวกะเหรี่ยงรักษาและอนุรักษ์ให้แก่ประเทศไทยและโลก
ยังพยายามขับไล่และป้ายความผิดการทำลายป่าให้กะเหรี่ยงอีกด้วย
|
|