เมื่อรัฐจะยกที่ดินกรรมสิทธิ์ของประชาชนให้เหมืองแร่
โดย :
สุรพงษ์ กองจันทึก
ท่านรู้สึกอย่างไร
หากทราบว่าใต้พื้นดินที่บ้านท่านปลูกสร้างอยู่มีการทำเหมืองแร่โดยท่านไม่มีสิทธิคัดค้าน
และหากบ้านท่านเสียหาย ผู้ประกอบการเหมืองแร่ไม่ต้องรับผิดชอบ
เว้นแต่ท่านพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายมาจากเหมืองแร่
ปัจจุบันมีการแก้ไขพระราชบัญญัติแร่ซึ่งการแก้ไขที่สำคัญ คือ
การเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการเหมืองแร่สามารถทำเหมืองแร่ผ่านใต้ที่ดินของส่วนราชการและเอกชนได้
โดยเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่สามารถคัดค้านและไม่ได้ค่าชดเชย
ดังร่างพระราชบัญญัติแร่มาตรา12 เขียนว่า
ก่อนออกประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน
ถ้าปรากฏว่าการทำเหมืองใต้ดินผ่านที่ดินของส่วนราชการหรือเอกชนรายใด
ให้กรมทรัพยากรธรณีแจ้งให้ส่วนราชการหรือเจ้าของหรือผู้ครอบครองนั้นทราบ
โดยผู้ยื่นคำขอประทานบัตรนั้นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ยังยกเลิกหลักแดนกรรมสิทธิ์ของบุคคลในที่ดิน
ดังร่างพระราชบัญญัติแร่มาตรา 13 เขียนว่า
แดนแห่งกรรมสิทธิ์ของบุคคลตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์
มิให้คลุมถึงสิทธิการทำเหมืองใต้ดินหรือสิทธิในแร่ที่อยู่ใต้ดินรวมตลอดถึงสิทธิในการใช้สอยพื้นที่ใต้ดินในระดับความลึกที่กำหนดตามมาตรา
50 ทวิ (50 เมตรลงไป)เพื่อประโยชน์ในการทำเหมืองใต้ดิน
หลักแดนกรรมสิทธิ์ในประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1335 บัญญัติว่า
ภายในบังคับแห่งบทบัญญัติในประมวลกฏหมายนี้หรือกฏหมายอื่น
ท่านว่าแดนแห่งกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นกินทั้งเหนือพ้นพื้นดินและใต้พื้นดินด้วย
ซึ่งหมายความว่าภายใต้พื้นดินลึกลงไปถือเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินด้วย
กรรมสิทธิ์ในที่ดินนี้เป็นสิทธิของบุคคลในทรัพย์สินที่รัฐธรรมนูญให้การคุ้มครองและรับรอง
โดยบัญญัติไว้ในกฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 มาตรา 48
ว่า สิทธิของบุคคลในทรัพย์สินย่อมได้รับความคุ้มครอง
ขอบเขตแห่งสิทธิและการจำกัดสิทธิเช่นว่านี้
ย่อมเป็นไปตามที่กฏหมายบัญญัติ
การจำกัดสิทธิของบุคคลในทรัพย์สิน
ที่ไม่สามารถมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเองในความลึกตั้งแต่ 50 เมตรลงไป
ซึ่งกฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 มาตรา 48
รับรองไว้นั้น ไม่สามารถทำได้ ดังกฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. 2540 มาตรา 29 บัญญัติว่า
การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้จะกระทำมิได้
เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฏหมายเฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้กำหนดไว้และเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
และจะกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้นมิได้
ข้อยกเว้นที่จะจำกัดสิทธิและเสรีภาพ กระทำได้เมื่อครบองค์ประกอบ 3
ประการ จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งมิได้ คือ 1.
ต้องเป็นการกระทำเพื่อการที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ 2.
เท่าที่จำเป็นเท่านั้น 3.
จะกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพมิได้
ในกรณีร่างพระราชบัญญัติแร่นี้
ไม่เข้าแม้องค์ประกอบเดียว กล่าวคือ
ไม่เป็นการกระทำเพื่อการที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้
ไม่มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดใดใดเลย
เนื่องจากผู้ได้ประโยชน์เป็นผู้ประกอบการธุรกิจเอกชน
และกระทบกระเทือนต่อสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพโดยตรง
เพราะสูญเสียสิทธิในทรัพย์สิน
ดังนั้นร่างพระราชบัญญัติแร่ย่อมขัดต่อกฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พ.ศ. 2540 มาตรา 29 และมาตรา 48
ซึ่งคุ้มครองและรับรองสิทธิเสรีภาพในทรัพย์สินของบุคคล
นอกจากนี้ร่างพระราชบัญญัติแร่ฉบับดังกล่าว
ยังละเลยการมีส่วนร่วมของบุคคล องค์กรเอกชน องค์กรท้องถิ่น
ในการร่วมจัดการทรัพยากรท้องถิ่น
ซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 ได้บัญญัติถึง
สิทธิของบุคคล ชุมชนดั้งเดิม
และอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดังนี้
มาตรา 46
บุคคลซึ่งรวมกันเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมย่อมมีสิทธิอนุรักษ์หรือฟื้นฟูจารีตประเพณี
ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะหรือวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่นและของชาติ
และมีส่วนร่วมในการจัดการ การบำรุงรักษา
และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน
ทั้งนี้ ตามที่กฏหมายบัญญัติ มาตรา
56 สิทธิของบุคคลที่จะมีส่วนร่วมกับรัฐและชุมชนในการบำรุงรักษา
และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ
และในการคุ้มครอง ส่งเสริม และรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้ดำรงชีพอยู่ได้อย่างปกติและต่อเนื่อง
ในสิ่งแวดล้อมที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพ
หรือคุณภาพชีวิตของตน ย่อมได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้
ตามที่กฏหมายบัญญัติ มาตรา 59
บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับข้อมูล คำชี้แจง และเหตุผล จากหน่วยราชการ
หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น
ก่อนการอนุญาตหรือการดำเนินโครงการหรือกิจกรรมใดที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม
สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิต
หรือส่วนได้เสียสำคัญอื่นใดที่เกี่ยวกับตนหรือชุมชนท้องถิ่น
และมีสิทธิแสดงความคิดเห็นของตนในเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้
ตามกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามที่กฏหมายบัญญัติ
มาตรา 79
รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการสงวน บำรุงรักษา
และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุล
รวมทั้งมีส่วนร่วมในการส่งเสริม บำรุงรักษา
และคุ้มครองคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามหลักการพัฒนาที่ยั่งยืน
ตลอดจนควบคุมและกำจัดภาวะมลพิษที่มีผลต่อสุขภาพอนามัย สวัสดิภาพ
และคุณภาพชีวิตของประชาชน มาตรา
290 เพื่อส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นย่อมมีอำนาจหน้าที่ตามที่กฏหมายบัญญัติ
กฏหมายตามวรรคหนึ่งอย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
(1) การจัดการ การบำรุงรักษา
และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อยู่ในพื้นที่
(2)
การเข้าไปมีส่วนในการบำรุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่อยู่นอกเขตพื้นที่
เฉพาะในกรณีที่อาจมีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่ของตน
(3)
การมีส่วนร่วมในการพิจารณาเพื่อริเริ่มโครงการหรือกิจกรรมใดนอกเขตพื้นที่ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม
หรือสุขภาพอนามัยของประชาชนในพื้นที่
นอกจากละเลยการมีส่วนร่วมของประชาชน
และการกระจายอำนาจทั้งในระดับบุคคลและระดับองค์กรแล้ว
ร่างพระราชบัญญัติแร่ยังรวบอำนาจให้รัฐมนตรีเพิ่มขึ้นดังมาตรา 9
และตัดอำนาจของนายอำเภอให้คงเพียงพนักงานเจ้าหน้าที่ทรัพยากรธรณีท้องที่เท่านั้นดังมาตรา
12
ยิ่งกว่านั้นยังกำหนดให้ผู้ถือประทานบัตรไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคล
ทรัพย์สิน หรือสิ่งแวดล้อม ที่อยู่นอกเขตพื้นที่ของเขตเหมืองแร่
และให้ผู้ได้รับความเสียหายหรือหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเป็นผู้พิสูจน์ความเสียหาย
ว่าเกิดขึ้นจากผลการทำเหมือง ดังมาตรา 14
ซึ่งขัดกับหลักกฏหมายสิ่งแวดล้อม
ที่กำหนดให้ผู้ก่อให้เกิดความเสียหายเป็นผู้พิสูจน์
แม้ในพื้นที่นอกเขตเหมืองแร่ เพื่อเป็นการคุ้มครองบุคคล
รัฐและสิ่งแวดล้อม
ในมาตรา 13
ยังกำหนดให้ทำเหมืองแร่ใต้ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขตอุทยานแห่งชาติ
หรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ได้ด้วย
ซึ่งป่าอนุรักษ์เหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
เจตนารมย์ของกฏหมายอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504
และกฏหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
ก็เพื่อมุ่งรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เพื่อประโยชน์อย่างยั่งยืนของสาธารณชน
การให้ทำเหมืองแร่ใต้ดินในเขตป่าอนุรักษ์เพื่อประโยชน์ของผู้ประกอบการเอกชน
ย่อมขัดต่อเจตนารมณ์ของกฏหมายป่าไม้ทั้งสองฉบับ
เห็นได้ชัดเจนว่าร่างพระราชบัญญัติแร่
เอื้อประโยชน์ต่อผู้ประกอบการธุรกิจเอกชนเหมืองแร่
โดยไม่คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของบุคคล สิทธิในทรัพย์สิน
สิทธิในการมีส่วนร่วม และผลประโยชน์ร่วมกันของสาธารณะ
ควรที่สมาชิกวุฒิสภาและผู้เกี่ยวข้องจะต้องรีบปรับปรุงแก้ไข
ก่อนที่กฏหมายแก้ไขพระราชบัญญัติแร่ฉบับนี้จะประกาศใช้
|
|
© 2000-2001 by Karen Studies and Development Centre. Report technical problems to [email protected] . This document was build on: 22/06/2001 . Best view in IE4xor higher,800x600 pix.Font Medium. |
|