|
|
|
19 พฤศจิกายน 2543 :: by นริศสา สุขสนั่น
"เชิญทัศนา"
การเป็น "นักข่าว" ใช่ว่าจะเป็นงานที่มีแต่ความสนุกสนาน ตื่นเต้น
เร้าใจอย่างที่ใคร ๆ คิด เพราะมันก็เป็นงาน เป็นอาชีพอาชีพหนึ่ง
ที่ต้องมีอุปสรรคเหมือนอาชีพอื่น ๆ ทั่วไป
สำหรับตัวดิฉันเอง คิดเสมอว่างานข่าวทุกชิ้นที่เราจะสื่อออกไป
จะต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง และเชื่อถือได้ ไม่มีการมั่ว แล้วเขียน เพราะหากเรามั่ว
เท่ากับว่าเราไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง
ดิฉันเคยทำข่าวชิ้นหนึ่งที่ประทับใจ และตื่นเต้นเล็กน้อย
พอเป็นตัวชูรสสำหรับชีวิตการทำงาน แต่นักข่าวคนอื่น ๆ อาจจะมีเรื่องประทับใจ
และน่าตื่นเต้นมากกว่านี้ก็ได้
หากเป็นเช่นนั้นก็อยากให้เขียนมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ
อย่างน้อยก็ช่วยให้คุณน้องวรรณได้มีเรื่องราวมาลงมากขึ้นไงคะ
..
เมื่อเกือบ 2 ปีก่อน กระทรวงแห่งหนึ่งมีรัฐมนตรีว่าการคนใหม่หลังมีการปรับครม.
รมว.ท่านนี้เป็นผู้สูงวัย แต่มักจะประกาศต่อสาธารณะ
และท่ามกลางข้าราชการระดับสูงอยู่เสมอว่า
เขายังเป็นคนมีไฟ
เรื่องสมรรถภาพทางเพศยังดีอยู่
.
แต่ไอ้เรื่องแบบนี้ใครฟังอาจจะกล้อมแกล้มรับกันได้บ้าง แต่ข้าราชการหญิงนี่สิ
ท่าทางจะรับไม่ค่อยได้เอาเสียเลย เพราะท่านเล่นพูดในที่ประชุมบ่อยครั้ง เช่น
.."หากภรรยาของคนใดมีปัญหาเรื่องนั้น ก็ให้มาปรึกษาผมได้นะ ผมจะช่วยสอนให้
ชีวิตคู่จะได้มีความสุข"
.เนี่ยค่ะ ประโยคแบบนี้เล่นเอาข้าราชการหญิง
แม่แต่ชายเองยังหน้าแดงเอียงอายไปตาม ๆ กัน
เรื่องนี้เริ่มตรงที่การกดขี่ทางเพศค่ะ
.ที่ว่าเช่นนั้นคือ
ท่านรมว.ให้นโยบายกับข้าราชการกรมหนึ่งที่ประชุมหัวหน้าหน่วยงานทั่วประเทศว่า
คนทำงานตรงนี้น่าจะเป็นผู้ชาย เพราะจะต้องลงพื้นที่ และเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ มากมาย
..ได้เรื่องสิคะ
เพราะข้าราชการหญิงที่ทำงานในตำแหน่งนี้มีมากกว่าครึ่งของทุกจังหวัดทั่วประเทศ
ออกมาแสดงความไม่พอใจ
โดยเธอได้มาระบายกับนักข่าวว่าท่านรมว.มาพูดแบบนี้เท่ากับดูถูกผู้หญิง
และกดขี่ทางเพศ พวกเธอรับไม่ได้
เพราะทำไมต้องคิดว่าผู้หญิงทำงานนี้ไม่ได้ดีเท่ากับผู้ชาย
เมื่อเราเป็นนักข่าวได้รับฟังเรื่องราวแล้ว
จึงมีการนำเสนอประเด็นนี้ไปเป็นข่าวด้วย ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นาน
ท่านรมว.ได้พูดในที่ประชุมข้าราขการอีกว่า
"นักข่าวคนไหนที่ทำข่าวนี้ให้ระวังตัวให้ดี เขามีตำรวจติดตามมาก
หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะไม่รับผิดชอบ"
ทันทีที่ได้ฟังเท่านั้นแหละค่ะ ไม่ได้คิดเกรงกลัวว่าจะเกิดอันตรายใด ๆ
จากบอดี้การ์ด ซึ่งแต่ละคนล้วนน่าเกรงขาม แต่มองไปที่ว่า
วันนี้เรามีข่าวใหญ่อีกแล้ว 5555 เพราะเท่ากับว่าท่านผู้แทนฯ หรือท่านผู้ทรงเกียรติ
ประกาศสงครามกับสื่อมวลชนอย่างชัดเจน ดิฉันจึงได้เขียนข่าวนี้ว่า
รมว.ขู่นักข่าว..พร้อมกับใช้ยุทธวิธีรวมกันเราอยู่
โดยส่งข่าวนี้ไปแทบทุกหนังสือพิมพ์
ปรากฏว่าเช้าวันเสาร์ ข่าวนี้เป็นข่าวหลีด หรือข่าวหลักในหน้า 1
ของหนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ
ขณะที่ดิฉันเองก็ไม่ได้เกรงว่าอะไรจะเกิดขึ้น
เพราะคิดว่าเราเป็นแค่นักข่าวธรรมดา ๆ คนหนึ่ง
ไม่มีใครกล้าเอาตำแหน่งทางการเมืองมาทิ้งโดยการทำร้ายเราแล้วโดนตรวจสอบภายหลัง
แต่รมว.ท่านนั้นยังได้โทรศัพท์ติดต่อกับหัวหน้าข่าว และบก.ของดิฉันถึงข่าวนี้
ก็ได้รับคำชี้แจงกลับมาว่า แล้วท่านพูดจริงหรือเปล่า รมว.จึงจำนนด้วยหลักฐาน..
แต่ท่านรมว.กลับไปให้สัมภาษณ์นักข่าวสายการเมืองที่ไปรอสัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ในต่างจังหวัดว่า
ได้บอกให้กองบรรณาธิการตั้งกรรมการตรวจสอบนักข่าวผู้นั้นแล้ว
ว่าเขียนข่าวเท็จหรือไม่
ทั้งที่ความเป็นจริงคือภายในองค์กรของเราได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องนี้แล้ว
โดยดิฉันยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นความจริง
นอกจากนี้ท่านยังได้พาดพิงถึงนักข่าวสาวผมยาว
.ช่วงนั้นนักข่าวที่ประจำกระทรวงเดียวกันทั้งหญิงและชายไว้ผมยาวกันเกือบทุกคน
จึงนำมาพูดเล่นกันว่า เธอนั่นแหละ ไม่ใช่ฉัน
แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบ ในวันจันทร์
ท่านรมว.ได้เชิญผู้สื่อข่าวไปฟังการแถลงข่าว
พร้อมกับพูดว่าต่อไปนี้เขาจะไม่พูดจาในทำนองสองแง่ สามง่ามอีกต่อไป
และขออภัยกับเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่ดิฉันก็ยังค้างคาใจว่าท่านพูดได้อย่างไรว่าเราเขียนข่าวเท็จ และไม่เป็นความจริง
แต่ไม่มีโอกาสได้ซักถาม เพราะนักข่าวคนอื่นมีเรื่องอื่นที่จะถาม
แต่เรื่องราวก็จบลงด้วยการพยายามเข้ามาพูดคุยกับนักข่าวอย่างเป็นกันเอง
แต่พวกเราก็ถือว่าคุยกันได้ แต่หากมีเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลเราก็ต้องทำข่าว
ไม่มีการยกเว้นว่าถ้าสนิทสนมกันแล้วจะปกปิดบางเรื่องให้
เพราะหากทำเช่นนั้นเท่ากับว่าเราละเลยต่อหน้าที่ และละเมิดจรรยาบรรณอย่างรุนแรง
มีคำถามหนึ่งที่ตำรวจติดตามรมว.ถามดิฉันว่า ทำไมไปเขียนข่าวว่า "นาย" เขาอย่างนั้น
ทำไมไม่เขียนดี ๆ ดิฉันตอบว่า ดิฉันเป็นสื่อมวลชน
มีหน้าที่รายงานข่าวให้กับประชาชนได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
มิใช่เป็นนักข่าวของคนใดคนหนึ่งจะได้สามารถเขียนข่าวให้คนนั้นเฉพาะในแง่ดีได้
นั่นเป็นสิ่งยืนยันให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า หากเราเชื่อมั่น
และมีความมั่นใจว่าเราได้ทำอย่างถูกต้อง รายงานข่าวอย่างตรงไปตรงมา
ไม่มีการบิดเบือนข้อมูล สิ่งนั้นจะเป็นเกราะที่คุ้มภัยให้เราเอง
เพราะความจริงก็คือความจริง ที่สำคัญคือ
เราจะไม่เกิดความกลัวขึ้นในจิตใจเลยว่าจะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง
เพราะเราทำทุกอย่างด้วยความถูกต้อง
เกร็ดเล็ก เกร็ดน้อย ของคนทำข่าว ยังมีอีกเยอะแยะ มากมาย
จนดิฉันไม่รู้ว่าจะนำเรื่องไหนมาเล่าสู่กันฟังดี
เพราะบางเรื่องเราก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว แต่บางท่าน หรือเพื่อน ๆ
อาจจะมองว่าเป็นเรื่องแปลกดี ไม่เคยพบเห็น
ดังนั้น จึงอยากให้มีการแลกเปลี่ยนกันมากกว่าค่ะ เหมือนเป็นการชวนคุย
นั่งคุยกันเสมือนเพื่อนที่ไถ่ถาม แลกเปลี่ยนเรื่องราวกัน
เพราะแม้แต่เรื่องที่เล่าไปนี้ ยังรู้สึกว่าเฉย ๆ สำหรับตัวเอง
เพราะคิดว่ายังมีเรื่องอื่นที่เพื่อนนักข่าวคนอื่นเจอมาแรงกว่านี้
เพียงแต่เล่าเรื่องนี้เพราะอยากให้เห็นว่า หากเรามุ่งมั่น
และตั้งใจทำงานบนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ และซื่อตรงต่อหน้าที่
เราก็จะทำงานของเราได้ด้วยความมั่นใจ และไม่เกรงกลัวว่าจะเกิดอันตรายใด ๆ
ซึ่งดิฉันคิดว่าอาชีพอื่น ๆ ก็เช่นกัน คือเราต้องให้เกียรติงานของเรา
โดยทำงานด้วยความซื่อตรง
>> กลับไปหน้าเดิมค่ะ...:)
|
| |
|
|
| HOME | WORK'S EXPERIENCE | SIGN &VIEW GUESTBOOK |
© 2001 "Complain or Opinion" Created
and Published by JaRuWaN yUnG-yUeN All rights reserved. |
|
|