|
|
|
17 มิถุนายน 2545:: by นริศสา สุขสนั่น
""นักข่าว
..นักสืบ
.???
ความอยากรู้
อยากเห็น
. คือต้นทุนเดิมของ "นักข่าว"
และแม้ว่า..มันจะเสี่ยงอันตรายแค่ไหน
เขา
หรือ
เธอ ก็พร้อมที่จะเสี่ยง
เพื่อให้ได้มาซึ่ง เรื่องนั้น ๆ
-โดยเฉพาะเรื่องที่ลับสุดยอดเท่าไหร่ ??? อื้อฉาวเท่าไหร่ ???
หรือยิ่งลึกลับเท่าไหร่ ???? ก็จะยิ่งยั่วยุความอยากรู้
อยากเห็นมากเท่านั้น
..ซึ่งก็อาจเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ทั่วไปก็ได้
เพียงแต่ "งานข่าว" มีความจำเป็นที่ต้องมีความอยากรู้เป็นทุนเดิม
และต้องพยายามทำความจริงให้ปรากฏให้ได้
เพราะนั่นหมายถึง ผลงานชิ้นโบว์แดง ที่อาจพลิกชีวิตนักข่าวน้อย ๆ
ให้เป็นที่ไว้วางใจของหัวหน้ามากขึ้น จนนำไปสู่การยอมรับในวงกว้าง
ซึ่งเชื่อว่านักข่าวหลายคนไม่ต้องการ "ความดัง" แต่จะรู้สึก "ภูมิใจ" มากกว่า
ที่สามารถทำความจริงให้ปรากฏ
และเชื่อว่า ทุกสาขาอาชีพ ต่างต้องการผลงานชิ้นโบว์แดงกันทั้งนั้น
จริงไม๊คะ
แต่ไอ้ความอยากรู้ อยากเห็น อยากเสี่ยง และอยากสร้างผลงาน
บางครั้งมันก็พลาดได้บ้างเหมือนกัน ก็สี่ตีนยังรู้พลาดนี่นา
เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อประมาณ ปี 2540 หรือ 2541 นะ ไม่แน่ใจ
.อืม
.(แบบว่ามันนานแล้วน่ะ)
อิอิ
.
เอ่อ
.. ซึ่งเป็นยุควิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตการว่างงาน แต่ปรากฏว่ามี โฆษณาย่อยใน
หนังสือพิมพ์ รายวันชิ้นหนึ่ง มีข้อความว่า
ผู้ที่จะเข้ามาทำงานนี้จะมีรายได้ตอบแทนถึงเดือนละ 1 แสนบาท
อ่ะ ..ฮ่า
"มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่
." นักข่าวสายแรงงาน ร่วมกันลงความเห็น
.
ว่าแล้วก็ไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน
ว่ากรณีอย่างนี้มัน
.น่าสงสัย
.น่าสงสัย
ว่าจะเป็นการหลอกลวงคนงาน
โดยเฉพาะสุภาพสตรี ไปทำมิดี มิร้ายหรือเปล่า
เจ้าหน้าที่ก็ไม่วางเฉย
สงสัยไปกับเราด้วย และคิดว่าควรจะเข้าไปตรวจสอบ
เพราะอาจมีการหลอกลวงเกิดขึ้น
.
ดังนั้นจึงวางแผน ร่วมกันว่าจะปลอมตัวเข้าไปค้นหาความจริงกัน
..
และแล้ว
ปฏิบัติการไล่ล่า
เอ๊ย
.ปฏิบัติการค้นหาความจริงก็เริ่มขึ้น
ทีนี้ทั้งนักข่าวจากแทบจะทุกสำนัก ไม่ว่าจะเป็น
.หนังสือพิมพ์
วิทยุ
.โทรทัศน์
ซึ่งทีวีเสรีแห่งหนึ่ง ก็มาร่วมปฏิบัติการกับพวกเราด้วย โดยการพกพาอุปกรณ์ไฮเทค
คือกล้องขนาดจิ๋ว ที่จะให้นักข่าวสาวหนีบไปแอบถ่ายในสถานที่แห่งนั้น
พี่อิทธิ (ขออนุญาตเอ่ยนาม) และพี่ผู้ชายอีกคนหนึ่ง แต่จำชื่อไม่ได้ (ขออภัยค่ะ)
เจ้าหน้าที่ของกรมการจัดหางาน อธิบายแผนให้พวกเราฟังก่อนปฏิบัติการว่า
จะให้เข้าไปสมัครงานกันเป็นคู่ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกันได้
แต่พวกเราจะต้องทำเป็นไม่รู้จักกัน
น่าน.น
.
ส่วนตัวพี่เค้าก็จะเข้าไปด้วย โดยเลือกคู่กับนักข่าวสาวหน้าตาคมเข้มคล้ายพี่แก
กะจะบอกว่าเป็นพี่น้องกันอะไรทำนองนั้น
ถ้าจะให้ไปทำงานเมืองนอก
ก็พร้อมจะไปทั้งคู่ว่างั้นเหอะ
(เพราะตอนนั้นพวกเราเข้าใจว่า จะต้องเป็นขบวนการหลอกลวงสุภาพสตรี
ไปทำงานในต่างประเทศเป็ฯแน่
เพราะช่วงนั้นเกิดกรณีเช่นนี้บ่อยมาก)
บ่ายวันนั้น
พวกเราพากันนั่งรถตู้ของกระทรวงแรงงานฯ ไปถึงอาคารสำนักงานหรูหรา
ในย่านธุรกิจ แห่งหนึ่ง แล้วก็กระจายกำลังกันเดินลาดตระเวณ สังเกตุการณ์
ราวกับว่าเดินอยู่ในดินแดนที่สุดแสนจะอันตรายยังงั้นแหละ
ส่วนบรรยากาศที่ลานจอดรถนั้น พวกช่างภาพ และพี่คนขับรถ ต่างก็ "อิน"
ไปกับพวกเราด้วย พากันสั่งเสียน้อง ๆ กันยกใหญ่ว่า มีอะไรกดโทรศัพท์มือถือทันทีนะ
พวกพี่จะเข้าไปเป็นกำลังเสริม
(อ้อ
ที่ไม่ให้พวกพี่ผู้ชายเข้าไปด้วย โดยให้เข้าไปเพียงพี่ที่เป็นเจ้าหน้าที่แค่
2 คน เพราะเขาประกาศรับสมัครผู้หญิงค่ะ
โดยมีรายได้พิเศษเป็นแรงจูงใจ
ที่มาของความอยากรู้ไง
แต่เราให้เจ้าหน้าที่ผู้ชายเข้าไป
โดยจะอ้างว่ามากับพี่ชาย เพื่อให้พี่เขาช่วยสังเกตุการณ์)
แล้วพวกเราก็จับคู่ เดินจับมือกันแน่น เหงื่อแตกพลั่ก
พอเจอคู่อื่นก็ทำเป็นไม่รู้จักกันมาก่อน ซึ่งเราแฝงกายเข้าไป 3 คู่
รวมกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่เขามากันตามปกติอีก 4-5 คน แหม
.
ต้องกลั้นหัวเราะกันแทบแย่ เพราะต้องทำเป็นไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน
พอเขาเรียกเข้าห้องประชุมเท่านั้นแหละ
.ใจเต้นโครมคราม
.พี่เจ้าหน้าที่
พยายามจับกระเป๋าไว้ที่มีอาวุธไว้ตลอด
..(ก็พี่แกต้องรับผิดชอบชีวิตสาว ๆ
ตั้งหลายชีวิตนี่นา เกิดเป็นไรขึ้นมา ก็แย่อ่ะสิ
แต่พวกเราน่ะ
อยากเสนอตัวเข้าไปสืบกะเขาด้วยเอง พี่แกเลยต้องทำงานหนัก)
และวินาทีสำคัญก็มาถึง
..
"คุณเชอร์รี่"
..ออกมาพบผู้สมัคร
เริ่มบรรยายถึงรายได้พิเศษงดงาม
ไอ้ที่มาของรายได้ ที่พวกเราสงสัยกันนักหนานั่นน่ะ
มันคืออะไรรู้ไหมคะท่านผู้ชม
มันคือ
"อาหารเสริม"
.ค่ะ
..เฮ่อ
มันคือธุรกิจอาหารเสริม
..
และไอ้ที่ว่าได้เดือนละ 1 แสนบาทนี่ ดิฉันคิดว่า คงจะต้องขายกันจนอาเจียนล่ะมั้ง
ถึงจะได้เดือนละแสน ซึ่งมันคงเป็นไปตามระบบของธุรกิจขายตรง
แบบพวกลูกโซ่อะไรทำนองนั้น
พวกเราก็มองหน้ากัน
.เราตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากมาก
.เพราะไหนจะต้องกลั้นหัวเราะ
ไหนจะต้องพยายามทำเป็นสนใจ
..แต่คุณเชอร์รี่ก็พูดยังกะต่อยหอย
ไม่มีเว้นวรรคเล้ย
แกพยายามสาธยายคุณสมบัติของไอ้อาหารเสริมในกระป๋องของแกไปเรื่อย
แถมมีฝรั่งมานั่งข้าง ๆ ทำให้ดูขอินเตอร์ขึ้นไปอีกแน่ะ
จนในที่สุด ความพยายามของดิฉันก็หมดลง..ขอตัวกลับก่อนเป็นคู่แรก
บอกว่าไม่สนใจค่ะ
อาหารอะไรก็ไม่รู้ ..
คนผอมกินแล้วก็อ้วนได้
คนอ้วนอยากผอมก็กินได้
.สุขภาพไม่ดี
กินแล้วก็แข็งแรงได้
แต่ไม่ยักกะมีสรรพคุณกินแล้วสวยได้แฮะ
แล้วคู่อื่น ๆ ก็ทะยอยกันออกมา
พี่อิทธิ ปาดเหงื่อ ยิ้มออก
.เดินออกจากห้องประชุมแบบไม่ต้องกลัวเสียมารยาท
พอเจอกันที่ลานจอดรถ พวกเรา ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจาก "กลิ้ง" อย่างเดียวค่ะ
.
ขำกลิ้งเลยค่ะ
มาวันนี้
เรามานั่งนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น ก็ไม่เสียใจนะ
ที่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น เพราะเราคิดว่า พวกเราอาจจะดูเสียฟอร์ม
เพราะตื่นตูมเกินเหตุ
แต่ถ้าพวกเราไม่สงสัย แล้วเกิดทีการหลอกลวงขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ
คงจะต้องมีคนถูกหลอกไปเผชิญชะตากรรมในต่างประเทศอีกมากมาย
.
นี่เราแค่เข้าไปตรวจสอบดู เมื่อมันเป็นแค่ธุรกิจขายตรง
ที่อาจจะล่อหลอกให้คนเข้ามาเป็นตัวแทนในการขาย และอาจจะกินกันแบบปลาใหญ่กินปลาเล็ก
โดยเอาตัวเลขรายได้มาล่อใจก็คงยังไม่มีใครเดือดร้อน
เท่ากับการถูกหลอกไปขายแรงงานในต่างประเทศเราก็โล่งใจ
ดีเสียอีก
. ได้ประสพการณ์ในการทำงานที่ตื่นเต้นเข้ามาในชีวิต
.
แต่นึกถึงที่ไรก็ขำทุกที
สิน่า
.
ทุกวันนี้ก็ยังเฝ้ากระทรวงแรงงานฯอยู่
.. เวลาเห็นนักข่าวรุ่นใหม่ (กว่า)
เข้ามาก็ดีใจทุกครั้ง ที่เขา หรือเธอ พยายามหาเรื่อง หรือสงสัยอะไรแปลก ๆ มาถามกัน
และตอนนี้พวกเราก็ร่วมหัว จมท้ายกัน ในการทำหน้าที่ "สื่อมวลชน" เปิดเผยเรื่อง
"ทุจริตค่าหัวแรงงาน" ที่กำลังอื้อฉาวในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา
ไว้คราวหน้าดิฉันจะมาเล่าความเป็นมาเป็นไป
ที่ไม่สามารถเปิดเผยได้บนหน้าหนังสือพิมพ์
และจอโทรทัศน์ มาให้พวกเราอ่านกันเล่น ๆ
บางเรื่องที่เกิดขึ้น มันไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณชนได้
จึงสร้างความอึดอัดใจกับตัวเอง และผองเพื่อนเป็นล้นพ้น
แต่
.ทั้งนี้ก็ต้องแล้วแต่เจ้าของโฮมเพจเค้าล่ะนะ
.ว่าต้องการเรื่องนี้หรือเปล่า
.????
>> กลับไปหน้าเดิมค่ะ...:)
|
| |
|
|
| HOME | WORK'S EXPERIENCE | SIGN &VIEW GUESTBOOK |
© 2001 "Complain or Opinion" Created
and Published by JaRuWaN yUnG-yUeN All rights reserved. |
|
|