COMPLAIN OR OPINION

02 ธันวาคม 2547 :: by จารุวรรณ ยั่งยืน

" For everything, there is a reason for being !! "
ช่วงนี้เจอหน้าใครต่อใคร มีแต่คำถาม วันนี้คุณพับนกหรือยัง ?
จนต้องหันกลับมาตั้งคำถามให้กับตัวเอง
เอ๊ะ!!ทำไม เราไม่พับนกเหมือนกับคนอื่นเค้าบ้างล่ะ(ย่ะ)แม่คุณ?
นั้นสิ ……ทำไม หน๊อ ทำไม ........
ในเมื่อใครๆทั่วประเทศต่างคร่ำเคร่งกันหัดพับนก(แม้ แต่ท่านผู้นำ)เพื่อที่จะส่งกำลังใจไปให้คนทาง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วนี่แม่คุณจะมาทำตัวแปลกแยก แตกต่างกันไปทำไมกัน…….

คำตอบที่หนึ่ง
กำลังใจสำหรับคนใต้ ดิฉันมีให้มาโดยตลอด เพราะดิฉันเป็นคนใต้ คำตอบอย่างนี้ค่อนข้างจะกวนโอ๊ย!!ไปหน่อยหรือเปล่าคะ ????

แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ
ดิฉันเกิดมาทันในยุคที่มีการแบ่งพื้นที่ภาคใต้เป็นสีๆค่ะ ยุคที่มีความขัดแย้งเรื่องลัทธิการปกครอง เกิดมาในครอบครัวของข้าราชการตำรวจ เคยเห็นสภาพของสถานีตำรวจที่ต้องมีหลุมบังเกอร์ไว้หลบภัยการต่อสู้ และคุ้นกับการได้ยินข่าวคราวสถานีตำรวจถูกฝ่ายตรงข้ามถล่มหรือเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ถูกลอบทำร้ายระหว่างปฎิบัติหน้าที่ เคยเจอสถานการณ์บ้านพักถูกเฝ้าระวังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อป้องกันอันตรายให้ เนื่องเพราะเกิดความขัดแย้งกันระหว่างทหารกับตำรวจ ถึงขนาดมีการยกกันมาเป็นกองร้อยล้อมสถานีตำรวจ

เพราะฉะนั้นดิฉันจะเข้าใจความรู้สึกของคอรบครัวของข้าราชการที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เข้าใจความรู้สึกของคนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งกันเองระหว่างเจ้าหน้าที่ของภาครัฐ เข้าใจความรู้สึกของการที่ต้องอยู่อย่างระมัดระวังตัวตลอดเวลาของเจ้าหน้าที่

ดิฉันเข้าใจในฐานะ ลูกของพ่อ ที่เป็นข้าราชการตำรวจ
ความรู้สึกที่ต้องหวาดกลัว อยู่บ่อยครั้ง ว่า วันหนึ่งที่พ่ออาจจะไม่กลับมาจาก..การทำงาน!!!

และหลายครั้งที่ดิฉันถามตัวเอง เหตุการณ์ในสมัยครั้งดิฉันยังเยาว์วัยกับวันนี้….
ความรุนแรง การสูญเสียเหมือนหรือแตกต่าง

แต่ที่ดิฉันรับรู้ คือ การรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อต่างๆ แตกต่างกันลิบลับ……

ดังนั้น …..ความรู้สึกเป็นห่วงคนทางภาคใต้ มันอยู่ติดลึกในก้นบึ้งของหัวใจ
และรู้สึกเต็มติ้น(จนน้ำตาซึม)เมื่อมีโอกาสได้เห็น ความร่วมมือร่วมใจของคนในชาติ กำลังช่วยกันบรรจงพับสัญญลักษณ์แห่งความห่วงใย(พับนกไม่ใช่เรื่อง่ายเลยนี่นา พับได้สักตัว ต้องใช้เวลากับความพยายามมากที่เดียว สำหรับคนไม่เคย เพราะฉะนั้น ดิฉันให้ คะแนนความตั้งใจเต็มร้อย สำหรับคนไม่เคยแต่เพิ่งจะมาเคยพับนกในครั้งนี้ค่ะ)

แต่ดิฉันก็ไม่คิดที่จะพับนก!!!
เอ๊ะ!!………..

คำตอบที่สอง …..
ไม่เกี่ยวข้องสักนิดกับสาเหตุที่ทำให้ดิฉันไม่บรรจงพับนก
แต่……. เพียงเพราะเห็นภาพของอดีตท่านผู้ว่าสมัคร สุนทรเวช กำลังสาธิตวิธีการพับนก ให้คนอื่นๆดูเป็นตัวอย่าง !!!

ภาพนั้น……..กระตุ้นต่อมความทรงจำ-ให้บางเรื่องราวที่เกือบลืม ให้ย้อนกลับมา ให้ยิ้มแกมหัวเราะกับความอ่อนเดียงสาของตัวเองในวัยเยาว์ค่ะ …..

ย้อนหลังไปเกือบ 10 ปี เอ๊ะ!!หรือว่า 10 ปี แล้วหนอ…..
ภาพของท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ท่านหนึ่ง นั่งพับนก ระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร หลายเป็นประเด็นที่ถูกหยิบมาพูดถึง ความไม่เหมาะสมของการกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันทรงเกียรติ

ตอนนั้นดิฉันเป็นผู้ประกาศมือใหม่ ของศูนย์ข่าวแปซิฟิค (มือใหม่หัดขับ อยู่ในช่วงของ 3 เดือนแรกของการข่าว-และการทำงาน)

บรรณาธิการข่าวในวันนั้น เขียนข่าวนี้ ตั้งแต่แว๊บแรก…….ที่เห็นภาพในระหว่างการถ่ายทอดสด รู้สึกว่าจะเป็นช่วงก่อนเที่ยง นะคะ(ถ้าจำไม่ผิด)วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมของการกระทำของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนนั้น ซึ่งดิฉันไม่แน่ใจว่า ณ เวลานั้น อยู่พรรคฝ่ายค้านหรือรัฐบาล)เนื้อหาของข่าว ถือได้ว่าค่อนข้างรุนแรง ซึ่งดิฉันจำเนื้อหาไม่ได้แล้วล่ะค่ะ แต่รู้ว่าเป็นการตำหนิและวิจารณ์ที่แรงมาก

ผู้ประกาศข่าวช่วงก่อนหน้าของดิฉัน คุณศิริบูรณ์ ณัฐพันธ์ รอดตัวไปค่ะ (ซึ่งดิฉันมาทราบภายหลังว่า จริงๆแล้ว บอกอ.จะให้อ่านข่าวนี้ แต่คุณศิริบูรณ์ปฎิเสธที่จะอ่าน)

ข่าวนี้เลยมาตกที่ช่วงเวลาของดิฉัน !!!
ตอนที่บอกอ.ยื่นข่าวนี้มาให้ …
จำได้ว่าตัวเองถาม บอกอ.ไปว่า “ต้องอ่านข่าวนี้ด้วยหรือคะ”
“อ่านสิ ……” บอกอ.บอกเสียงดุๆ
ในเมื่อบอกอ.ยืนยันให้อ่าน เด็กใหม่มือหัดขับอย่างดิฉันมีหรือจะกล้า …..ไม่อ่าน!!!

นี่ละค่ะ ที่ดิฉันเรียกว่า คือ ความอ่อนด้อย ไร้เดียงสา ของเยาว์วัย เกรง(บอกอ.)….แบบไม่ได้เรื่อง

ออกจากห้องอ่านข่าว ……
เจอหน้าจ๋อยๆของน้องประสานงานข่าว ..
ซึ่งยืนรออยู่หน้าห้อง พร้อมกับยื่นหูโทรศัพท์ให้
“สวัสดีค่ะ….”ดิฉันไม่ทันได้พูดจบประโยคเลยค่ะ
“ผม………… คุณอ่านข่าวนั้นไปได้ยังไง ผมพับนกมันก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลของผม แล้วคุณมายุ่งอะไรกับผมด้วย… ….ไหน….ผมขอคุยกับบอกอ.ข่าว ของคุณหน่อยสิ”
โห….มาเป็นชุด แต่ดิฉันจำได้คร่าวๆแค่นี้ล่ะค่ะ(ก็มันนานมากแล้วนี่นา)

ไม่ต้องบอกหรอกนะคะ ว่ามือใหม่หัดขับอย่างดิฉันจะมีอาการยังไง งงเป็นไก่ตาแตกสิคะ ยืนนิ่งไปเลย ก่อนจะส่งหูโทรศัพท์ให้บอกอ.ซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ เหมือนกับรู้ล่วงหน้า(อย่างมั่นใจ)ว่าใครคือคนที่โทรฯมาหาดิฉัน…และทำให้ดิฉันหน้าจ๋อย…..

และแล้ว…..ก็เกิด….สงครามคารม…..ผ่านทางโทรศัพท์ระหว่างบอกอ.ดิฉันกับ ผู้ที่ถูกพาดพิง เสียงดังลั่นไปทั้งออฟฟิช (ดีนะ ที่เป็นช่วงกลางคืน คนน้อย…..)

ในขณะที่ดิฉันเอง ก็ยังไม่หมดจ๋อยค่ะ เพราะสายต่อมา เป็นสายจากหัวหน้าศูนย์ข่าว

“วรรณ……..อ่านข่าวนี้ไปได้ยังไง ..เราเป็นรีไรท์เตอร์ด้วยนะ เป็นคนคัดเลือกข่าวที่จะออกอากาศ ทำไมเราปล่อยให้ข่าวนี้ออกอากาศไปได้ “ มาเป็นชุดแบบนุ่มๆค่ะ

แต่โดยสรุปคือ เราสามารถปฎิเสธที่จะไม่อ่านข่าวที่เราเห็นว่ามันไม่เหมาะสมหรือส่งผลกระทบต่อองค์กรได้ ที่สำคัญกรณีอย่างนี้ มันเข่าข่ายกรณีหมิ่นประมาท ถ้าถูกฟ้องขึ้นมา ดิฉันเองนั้นล่ะจำเลยที่หนึ่ง โดนเต็มๆ และโดยหลักการ รีไรท์เตอร์ เป็นผู้คัดเลือกข่าว เพราะงั้นมีสิทธิ์เต็มที่ในการจะเลือกข่าวไหนให้ออกหรือไม่ออกอากาศ แต่ว่าพี่หัวหน้าศูนย์ข่าวลืมไปค่ะ ว่า เหนือรีไรท์เตอร์คือ บอกอ.ข่าว ณ เวลานั้นนี่นา..แล้วข่าวนี้ บอกอ.เป็นคนคัดเลือก ให้ออกอากาศเอง แล้วรีไรท์เตอร์อย่างดิฉันจะไปแย้งผู้อาวุโสกว่าเกือบ 10 ปีได้ยังไงคะ ’

นี่ไงคะ ความอ่อนด้อย ไร้เดียงสา ไม่มองอะไรให้กว้างๆคิดอะไรไม่ซับซ้อน

สายถัดมา ที่โทรฯมา คือ คุณศิริบูรณ์ค่ะ
“พี่…ปฎิเสธไม่อ่านข่าวนี้ ต่อไป……วรรณก็ต้องรู้จักเลือกข่าวที่จะอ่าน ไม่งั้นเดี่ยวจะกลายเป็นปัญหาได้ ”

ดิฉันจำไม่ได้ค่ะ..ว่า บทสรุปเรื่องการคัดเลือกข่าวนี้ออกอากาศคืออะไร

เพราะนานมากจนจำไม่ได้จริงๆ แต่จำได้แค่บรรยากาศ ณ เวลา ที่อ่านข่าวนี้ จบ ……. บรรยากาศวันนั้น มันมาคุ จริงๆค่ะ

แต่เหตุการณ์วันนั้น ทำให้ดิฉันได้ทราบว่า……
ข่าวต้นชั่วโมงของศูนย์ข่าวแปซิฟิค
คนฟัง….ไม่ใช่เฉพาะแค่คนฟังข่าวทั่วประเทศ แต่คือคนในข่าว….ด้วย!!!!

และที่สำคัญเหนืออื่นใด……. ดิฉันตระหนักถึงความระมัดระวังมากขึ้น…..ในการพิจารณาคัดเลือกข่าวและการเลือกข่าวที่จะอ่านออกอากาศ…..

เอ๊ะ!!แล้วนี่ดิฉันตอบคำถามให้กับตัวเองได้หรือยังหน๊อ……ว่า …
ทำไม๊ ทำไม ดิฉันถึงไม่คิดที่จะพับนกกระเรียน……
ไม่ใช่นกพิราบ อย่างที่บางคนเข้าใจผิด………………..

((……..จริงๆ แล้วประเพณีพับนก-เป็นวัฒนธรรมของญี่ปุ่น แล้วเจ้านกกระเรียนในวัฒนธรรมจีน ไม่ได้หมายถึงสันติภาพหรือสันติสุข แต่หมายถึงชีวิตที่ยืนยาวและแข็งแรงสุขสมบูรณ์ ในญี่ปุ่นซึ่งอยู่ในกรอบวัฒนธรรมเดียวกับจีน ก็ถือนกกระเรียนเป็นสัตว์มงคลเหมือนกัน แต่ญี่ปุ่นไม่ใช้ภาพวาด แต่ใช้วิธีพับเป็นตัวนก และเดิมมีประเพณีพับนกกระเรียนในโอกาสพิเศษ ในญี่ปุ่นเมื่อมีญาติพี่น้องหรือมิตรสหาย ป่วยเจ็บอาการหนัก ก็จะมักพับนกกระเรียนจำนวนหนึ่ง แล้วนำไปมอบให้คนป่วยเมื่อไปเยี่ยมไข้ เพื่อเป็นการอำนวยอวยพรให้หายเจ็บหายไข้ …….และประเพณีของญี่ปุ่น เรื่องพับนก ต่อมาก็ได้เปลี่ยนขยายเป็นการส่งความหมายในเชิงเรียกร้องสันติภาพ เมื่อประมาณ 50 ปีมานี่เอง ……ตามความเชื่อในตำนาน "ซาดาโกะ กับนกกระเรียนพันตัว………))

อธิบายมายืดยาว……
มันก็ไม่ใช่เหตุผลของการไม่ยอมพับนกอีกนั้นล่ะค่ะ
แต่อย่างหนึ่งที่อยากบอกค่ะ
ดิฉันชื่นชมทุกคนที่พับนกค่ะ
ชื่นชมในความตั้งใจ ชื่นชมในกำลังใจที่คุณมีให้ต่อเพื่อนๆร่วมประเทศ การพับนกกระเรียนของคนไทยครั้งนี้ ในมุมมองของดิฉัน มันเป็นสัญญลักษณ์ของความสมานฉันทร์ ร่วมแรงร่วมใจ รวมกันเป็นหนึ่ง…….

ที่สำคัญเหนืออื่นใด
คนพับนกก็มีโอกาสได้รับรู้ว่าสิ่งที่เราทำ ส่งผลให้คนที่เราต้องการให้รับ เค้าสามารถรับรู้และสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยจากเรา……..

เป็นความรู้สึกดีไม่ใช่หรือคะ ……
ที่เรามีโอกาสได้สัมผัสความรู้สึกของคนที่เราต้องการให้ความรู้สึกดีดี

ถึงวันนี้ …..คุณพับนกหรือยังคะ????
ส่วนดิฉัน…..ถึงวันนี้ดิฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไม ดิฉันถึงไม่ยอมพับนกสักตัว….

แต่ที่ดิฉันรู้…..
อีกหนึ่งรู้ในวันนี้…..
การพับนกระหว่างมีการประชุม-และทุกคนกำลังซีเรียสในเรื่องที่คุย ไม่ได้หมายความว่าคนพับนกจะไม่ใส่ใจในเรื่องที่ที่ประชุมกำลังถกเถียงกัน….
เราสามารถฟัง และเรากำลังคิดในเรื่องที่กำลังถกเถียง
แต่การพับนกเป็นตัวช่วยให้เราสามารถที่จะยั้งและรั้งให้เรามีสมาธิในการคิดมากขึ้น…….

วันนี้ดิฉันเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของนักการเมืองคนนั้นค่ะ
เพราะดิฉันก็เป็นคนหนึ่งที่พับนก ระหว่างประชุมเครียดเหมือนกัน………..

และในขณะเดียวกัน ดิฉันก็เข้าใจตัวเองแจ่มชัด ว่าเพราะอะไร
ถึงพยายามที่จะไม่รับรู้เรื่องราวกิจกรรมการพับนก ……
มันเป็นเรื่องของความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆค่ะ ……

จันทร์กระจ่างฟ้า
นภาประดับด้วยดาว
โลก..สวยราว..เนรมิต
ประมวลเมืองแมน

ลมโชยกลิ่น..มาลา..กระจาย..ดินแดน
เปรียบพี่แสน...คนึงถึงน้อง..นวลจันทร์
งามใดหนอ จะพอ ทัดเทียบ เปรียบน้อง
เจ้างามต้อง ตาพี่ ไม่มี ใครเหมือน
ถ้า หากน้อง อยู่ด้วย และช่วย ชมเดือน
โลกจะเหมือน เมืองแมน แม่นแล้ว นวลเอย

เพราะ……การพับนก
ทำให้…..ดิฉัน รู้สึก อย่างเดียว กับชื่อของเพลง……เพลงนี้ค่ะ

รู้สึก…….. จนน้ำตา …..ซึม!!!






>> แวะไปที่หน้าสารบัญผลัดกันเขียนค่ะ...:)

| HOME | WORK'S EXPERIENCE | SIGN &VIEW GUESTBOOK |

© 2001 "Complain or Opinion" Created and Published by JaRuWaN yUnG-yUeN All rights reserved.
 
Hosted by www.Geocities.ws

1