COMPLAIN OR OPINION

5 กันยายน, 2546 :: by บุษราคัม เอี่ยมอำไพ

"กะเหรี่ยงน้อยผจญภัย (1)"

ตั้งใจไว้ว่า หลังกลับจากฝรั่งเศส แล้วจะเขียนเรื่องลงเน็ตเสียที...
จนแล้วจนรอด เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบ 3 เดือน ก็ได้ฤกษ์ลงมือเสียที
จะว่าไปแล้ว ลำพังทุนส่วนตัว ณ ปัจจุบันนี้
ไม่มีปัญญาส่งตัวเอง ข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึงเมืองนอกเมืองนาหรอกค่ะ
ก็เลยต้องอาศัย “ทุน” คนอื่น
ผลจากความเพียรพยายามมาแรมปี
สิ่งที่คาดหวัง ก็สำเร็จ
“สถานทูตฝรั่งเศส ประจำประเทศไทย” ตอบตกลง เรื่องทุนไปอบรมเกี่ยวกับ ด้านการสื่อสารมวลชนที่ เมืองปารีส ระยะเวลา 1 เดือน

...........
กลางดึกวันพฤหัส ที่ 8 พฤษภาคม 2546 เป็นวันเดินทาง
ตื่นเต้นค่ะ ตื่นเต้นมากเสียด้วย แม้ว่า ครั้งนี้จะไม่ใช่การขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของชีวิตก็ตาม
แต่ครั้งนี้ เป็นการเดินทางข้ามทวีปครั้งแรกในชีวิต แถมไปคนเดียวอีกต่างหาก โอ้โห...ในที่สุดฝันก็เป็นจริง

...ได้ทุน ไปเรียนเมืองนอก แม้ว่า เป็นทุนระยะสั้นก็เหอะ
มาถึงวันนี้ ต้องขอบคุณผู้มีอุปการคุณทุกคนที่มีส่วนช่วยเหลือเพื่อให้หนูตัวน้อย ได้โอกาสไปเปิดหูเปิดตาถึงแดนน้ำหอม

.......
คุณเชื่อไหมว่า วันแรกที่ไปถึงปารีส ฉันก็ผจญภัยแล้วละ !
ด้วยความที่เพิ่งไปเป็นครั้งแรก ภาษาก็พอฟังได้บ้าง
ลงบันไดเครื่องบินก็หลงทางแล้วละค่ะ
อาศัยเดินตามคนอื่นๆ ไป พยายามดูป้าย และดูคนอื่นๆ ว่าเขาทำยังไง
จะบอกว่า ไม่เจอคนไทยเลยในเครื่องบินจนลงเครื่อง
หลังผ่านพิธีการทางศุลกากร รับกระเป๋าใบโต 2 ใบ
ก็ออกมาด้านนอก ... เดินหาสถานที่รายงานตัวนักเรียนทุนอยู่นาน 2 นาน
ถามใครก็แล้ว ไม่เห็นมีใครรู้จักเลย
จนมาเจอเคาน์เตอร์ที่อารมณ์คล้าย information บ้านเรา
ยื่นการ์ดให้เจ้าหน้าที่ เธอก็ส่งตั๋วรถเมล์มา บอกว่า ให้ไปขึ้นรถเมล์เข้าเมือง
และทำตามที่การ์ดเขียนเอาไว้

เฮ้อ...นึกในใจนะคะว่า ทำไม (ตู) ต้องมาตกระกำลำบากขนาดนี้น้าาาาา
เอาน่ะ ไหน ไหน ก็ได้ทุนแล้ว ...
ย้อนนึกถึงคำของอาจารย์ฝรั่งเศสท่านหนึ่งที่ไปพบก่อนออกเดินทาง…
ว่า แน่ใจนะว่า มีคนมารับที่สนามบิน ไม่ใช่ไปเองนะ

ก็ข้อมูลที่ได้น่ะ เค้าบอกว่า มีคนมารับนี่นา..
ก็ยืนยันกับท่านไป แล้วไหง แบกกระเป๋าขึ้นรถเมล์ไปเองละ
เอาวะ มาถึงขนาดนี้แล้ว จะร้องไห้กลับบ้านก็ไม่ได้
ลากกระเป๋าใบเขื่อง 2 ใบ ออกมาข้างนอก
ถามคนยกกระเป๋าว่า รถเมล์สาย 2 ขึ้นตรงไหน?
เค้าก็บอกให้รอตรงนี้แหละ แป๊บเดียว รถก็มาจอด
คนยกกระเป๋า เค้าก็ช่วยเอากระเป๋าฉันไว้ใต้ท้องรถ
ส่วนฉัน ก็ขึ้นไปบนรถ และเอาตั๋วที่ได้ให้คนขับ
พร้อมถามเขาว่า จะไปลงที่ป้ายรถเมล์นี้
ถ้าถึงป้ายแล้วบอกด้วยนะ
คนขับรถเป็นผู้ชายฝรั่งตัวอ้วน ท่าทางใจดี ก็ OK. นะ

... นั่งรถไปประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้นะคะ

ถามว่า ตอนนั้น ตื่นตาตื่นใจกับบ้านเมืองด้านนอกไหม
ก็ตื่นเต้นนะ ฝนตก อากาศค่อนข้างเย็น อีกต่างหาก
อารมณ์ให้คิดถึงบ้าน คิดถึงใครบางคนเป็นที่สุด...


และแล้ว ก็ถึงป้ายรถเมล์ที่จะลง เพื่อไปโทรศัพท์ไปที่ศูนย์นักเรียนทุน แล้วเค้าจะส่งรถมารับ...

ในการ์ดบอกว่า ให้ไปหาตู้โทรศัพท์แล้วกดหมายเลขตามที่บอกเอาไว้
ลงจากรถ ก็มองหาตู้โทร.สาธารณะ ไม่เห็นซักตู้
เลยถามคนยกกระเป๋าที่ป้ายรถเมล์ ว่า
แถวนี้มีตู้โทร.สาธารณะที่ไหนรึเปล่า เค้าก็ชี้ไปทางฝั่งตรงข้าม
ก็ต้องลากกระเป๋าใบโต ข้ามถนนไปที่ตู้โทร.สาธารณะ
กดเลขหมายไป ทางปลายสายบอกว่า ไม่ใช่ตู้ที่เค้าบอกนี่
อ้าว แล้วต้องไปหาตู้ไหนละ?

ออกมา มองไปมองมา ยืนงง อยู่ซักพัก ทางอยู่ที่ปาก
เลยถามกับชายหนุ่มที่กำลังจะเดินผ่านหน้าไป

ว่า ช่วยดูหน่อยเถอะว่า ตู้โทร.สาธารณะตู้นี้ หมายเลขอะไร
เค้าก็ช่วยหานะ แต่หาไม่เจอ ไม่รู้ว่า จะดูหมายเลขตู้ตรงไหน
ฉันเลยกลับเข้าไปในตู้อีกครั้ง กดโทร.ถามที่ศูนย์อีกที
เสียงผู้หญิงคนเดิมรับสาย และบอกว่า นี่ไม่ใช่ตู้ที่เค้าจะให้โทร.มานะ ไปหาตู้โทร.ที่ติดกัน 2 ตู้สิ ...
ลองเดินไปที่มุมถนน เจอตู้โทร.ที่ติดกัน 2 ตู้
ลองโทร.ไปที่ศูนย์เป็นรอบที่ 3 ...
เสียงทางปลายสาย รับและบอกว่า “Bravo” ในที่สุด เธอก็เจอตู้ที่หาแล้ว
รออยู่ตรงนั้นนะ จะส่งแท็กซี่ไปรับ...

... ยังค่ะ การผจญภัยวันแรกของกะเหรี่ยงน้อย ที่ปารีสยังไม่จบนะคะ
เอาเป็นว่า ขอเล่าต่อ คราวหน้านะคะ วันนี้ใช้เนื้อที่เยอะมากแล้วละ
แล้วเจอกันค่ะ ....





>> กลับไปหน้าเดิมค่ะ...:)

| HOME | WORK'S EXPERIENCE | SIGN &VIEW GUESTBOOK |

© 2001 "Complain or Opinion" Created and Published by JaRuWaN yUnG-yUeN All rights reserved.
 
Hosted by www.Geocities.ws

1