ผลกรรมของผู้ที่ประทุษร้ายผู้บริสุทธิ์

     พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "ผู้ใดประทุษร้ายผู้บริสุทธิ์ ผู้ไม่มีความผิด ด้วยการลงโทษโดยมิชอบธรรม ผู้นั้นย่อมได้รับความพินาศฉิบหายในปัจจุบัน คือประสบเหตุแห่งทุกข์ ๑๐ อย่าง ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งในชาตินี้อย่างแน่นอน เมื่อตายไปแล้ว ก็จะต้องตกนรกหมกไหม้อยู่ในกะทะทองแดงอันแสนร้อนเป็นเวลานานด้วย เหตุแห่งทุกข์ ๑๐ อย่างนั้น คือ :-

๑. เวทะนัง ผะรุสัง = จะต้องได้รับทุกขเวทนาอย่างร้ายแรง เช่น โรคปวดหัวอย่างแรง จนเส้นโลหิตในสมองแตก เป็นต้น
๒. ชานิง = จะต้องได้รับความเสื่อมทรัพย์สิน คือ ทรัพย์ที่หามาได้เท่าไรก็เก็บไว้ไม่อยู่
๓. สะรีรัสสะ ปะเภทะนัง = สรีระร่างกายจะต้องถูกทำลาย เช่น ถูกตัดมือตัดเท้า ต้องประสบอุบัติเหตุ แขนหัก ขาหัก ซี่โครงหัก สมองแตก คอหัก เป็นต้น
๔. คะรุกัง วาปิ อาพาธัง = จะต้องเกิดโรคภัยไข้เจ็บอย่างหนัก อย่างทรมาน เช่น เป็นอัมพาต ตาบอด ง่อยเปลี้ย โรคเรื้อน โรคมะเร็ง เป็นต้น
๕. จิตตักเขปัง = จะต้องวิกลจริต ฟุ้งซ่าน หลงหน้า ลืมหลัง
๖. อุปะสัคคัง = จะต้องพบอุปสรรค จะต้องถูกถอดยศ ลดตำแหน่ง โยกย้าย ถูกตัดอำนาจ ถูกจำกัดอิทธิพล เป็นต้น
๗. อัพภักขานัง = จะต้องถูกกล่าวตู่ ถูกกล่าวหาอย่างร้ายแรง
๘. ปะริกขะยังวะ ญาตีนัง = จะต้องเป็นคนอับจน ไร้ญาติขาดมิตร หาใครช่วยเหลือไม่ได้
๙. โภคานังวะ ปะภังคุณัง = โภคทรัพย์ที่มีอยู่ก็จะต้องเสื่อมสลาย เช่น ที่ดิน บ้านช่อง เงินทอง ที่มีอยู่ก็จะต้องถูกยึด ถูกริบ เป็นต้น
๑๐. อัคคิ ทะหะติ ปาวะโก = จะต้องถูกไฟไหม้บ้านเรือน หรือถูกฟ้าผ่าให้ถึงความพินาศ เป็นต้น

ทั้ง ๑๐ อย่างนี้ เป็นทุกข์โทษในปัจจุบัน ส่วนในสัมปรายภพ คือ ชาติหน้านั้น พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "กายัสสะ เภทา ทุปปัญโญ นิระยัง โส อุปปัชชะติ" เมื่อตายไปแล้ว คนมีปัญญาทรามที่ชอบประทุษร้ายผู้บริสุทธิ์นั้น จะต้องไปตกนรกหมกไหม้อยู่เป็นเวลานาน นี้คือผลแห่งบาปกรรม

     

พระพุทธพจน์นี้ ปรากฏอยู่ในคัมภีร์พระไตรปิฎกและอรรถกถา ชาวพุทธเราควรเคารพคารวะ ควรระลึกถึงอยู่เสมอ เพื่อจะได้เป็นบทเตือนใจให้เกิดหิริ โอตัปปะ และมีสังวรในบาปกรรม

กลับหน้าแรก

1