เกรียงไกร_เตชะโม่ง
เขาไม่ใช่ผู้โชคร้าย
แต่เขาเป็นพาหนะที่นำความโชคร้ายให้กระจัดกระจายไปสู่คนโลภ
และหากวงจรราศีของมนุษย์ถูกกำหนดมาจากดวงดาว กลยุทธทางด้านราศีถูกกำหนดว่า
ถ้าหากบลูไดมอนด์ยังอยู่ในพระราชวังของเจ้าชายไฟซาล ประเทศซาอุดิอาระเบียของพระองค์จะต้องมีอันเป็นไป
โดยพระเจ้าได้กำหนดให้ เกรียงไกร เตชะโม่ง ต้องนำเคราะห์กรรมของซาอุฯ มาฝากไว้ที่ประเทศไทยเวลานี้บลูไดมอนด์ได้แสดงแสนยานุภาพแล้วว่า
การถือครองโดยไม่ชอบธรรม
จะส่งผลร้ายอย่างมโหฬารเป็นอาถรรพณ์ให้กับผู้ที่นำพามาเพื่อไม่ให้เกิดสันติสุข เกรียงไกร เตชะโม่ง
จึงเป็นเสมือนตัวแทนจากพระเจ้ามาเปลี่ยนโชคชะตาของคนสองกลุ่มนี้
และหากดวงดาวที่พระเจ้ากำหนดจะต้องมีอันนำพาบลูไดมอนด์ไปให้ผู้เคราะห์ร้ายรายอื่นอีก ก็ไม่แน่ว่าบลูไดมอนด์จะเป็นชนวนของสงครามโลกครั้งที่
3 หรือไม่? นอสตาดามุสได้ทำนายไว้ว่า
ชนวนของสงครามโลกครั้งต่อไปจะต้องอยู่ที่ตะวันออกกลาง
ซึ่งบัดนี้ความหายนะได้กระจัดกระจายไปทุกที่ที่มีบลูไดมอนด์ไปอยู่ และเมื่อเดือดร้อนกันไปทั่วแล้ว บลูไดมอนด์จะกลับสู่ตะวันออกกลางพร้อมกับการจากไปของผู้คน
ในตะวันออกกลาง ถูกเรียกว่าเป็นดินแดนแห่งความอาถรรพณ์หรือแผ่นดินเลือด
ระหว่างชาวคริสต์กับชาวมัวร์
ขบวนการอาถรรพณ์นี้มีความเชื่อเรื่องภูตผี
โดยจะมีมากในแผ่นดินอียิปต์กับตะวันออกกลาง จะเห็นได้จากการเก็บร่างของผู้นำไว้ในร่างของมันมี่ให้สิงสถิตอยู่ตลอดไป เกรียงไกร เตชะโม่ง อาจจะเป็น 1 ใน 10 ของนักโจรกรรมที่ดังที่สุดในโลก
เขาสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยในด้านลบ ทั่วโลกรู้จักประเทศไทยเพราะเกรียงไกร
เตชะโม่งในแง่ที่ว่าเป็นคนแรกที่ไปลูบคมกษัตริย์ซาอุดิอาระเบียประเทศที่มีกฏหมายศักดิ์สิทธิ์ และเด็ดขาดได้สำเร็จ
และหากดวงดาวเป็นผู้กำหนดราศีของมนุษย์ โดยได้ขีดเส้นโชคชะตามาจากเจ้าชายไฟซาล มาถึง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ
กระจายความเลวร้ายมาถึงสันติด ศรีธนะขันฑ์และครอบครัว โยงใยไปถึง พล.ต.อ.สวัสดิ์
อมรวิวัฒน์ มาถึง พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ มาถึง พล.ต.ท.โสภณะ สะวิคามิน
และใครต่อใครอีกมากมาย ที่วงจรชีวิตต้องไปเกี่ยวพันกับบลูไดมอนด์ โชคชะตาของเกรียงไกร เตชะโม่ง เหมือนกองทัพอันเกรียงไกรและมหึมา
กรีฑาทัพมาจากแผ่นดินที่ร้อนที่สุดของโลก เคลื่อนทัพมายังอีกแผ่นดินหนึ่ง
กองทัพนั้นไม่มีเรือนร่างหรือหน้าตาให้เห็น
แต่เป็นกองทัพแห่งโชคชะตาซึ่งพลังของมันยิ่งใหญ่กว่ากองทัพร้อยล้านพันล้านคน
เพราะมันอยู่ในเงามืดชี้ทางจบให้แต่ละชีวิต มันยิ่งใหญ่กว่าการรบที่เห็นด้วยตา
วันแรกที่เกรียงไกรมาถึงประเทศไทย วันนั้นเป็นวันที่ร้อนที่สุด
ซึ่งอาจจะร้อนเท่ากับประเทศซาอุฯก็ได้ แต่ไม่นานนักความร้อนนั้นก็เริ่มเย็นลง
เมื่อเพชรอาถรรพณ์เหล่านั้นได้จากเขาไปทีละเม็ด
ความร้อนแรงจากทะเลทรายก็ค่อยพัดผ่านไปสู่มือที่พร้อมจะรับชะตากรรมจากเกรียงไกร
เตชะโม่ง
การเดินทางของกลุ่มเพชรอาถรรพณ์เหล่านั้นก็เหมือนกับการเดินทางของกลุ่มดาราศาสตร์ที่ขีดเส้นไว้ว่าจะต้องก้าวตามไปพร้อม
ๆ กับชะตากรรมของเกรียงไกร เตชะโม่ง
กลุ่มเพชรอาถรรพณ์เหล่านั้นมันมิใช่เป็นแค่เครื่องประดับที่สวยงาม แต่มันเป็นยิ่งกว่า
เพราะมันเป็นตัวแทนของเทพเจ้าแห่งความโชคร้ายที่ถูกเกรียงไกร เตชะโม่ง
หยิบยื่นให้กับเหล่าคนโลภ ในขณะที่เขาได้ก้าวขึ้นมาบนเครื่องบิน
เพื่อที่จะนำความโชคร้ายมาจากซาอุฯ เสมือนกับว่าแผ่นดินซาอุฯ
ในขณะนั้นได้คลายร้อนลงราวกับว่าทะเลทรายถูกพรมด้วยน้ำ ความทุกข์ยาก
ความร้อนกำลังเดินทางไปกับเกรียงไกร เตชะโม่ง มุ่งสู่อีกประเทศหนึ่ง
เครื่องบินลำนั้นเหมือนพาหนะจากพระเจ้า เหมือนซานตาครอสที่มีกวางลากรถ
ซึ่งในอีกแง่มุมหนึ่ง เกรียงไกรเขาอาจจะเป็นซานตาครอสที่มากับซาอุแอร์ไลน์ ซานตาครอสฉลองแห่งความสุข
ด้วยการนำของขวัญมาหย่อนลงในปล่องไฟตามบ้านผู้คน
แต่เกรียงไกรเป็นอีกลีลาหนึ่งของซานตาครอส
เขาไม่ได้นำความโชคดีมาหย่อนลงที่ปล่องไฟ แต่เขานำความโชคร้ายของบลูไดมอนด์มาลงที่ปลายกระบอกปืนและคมดาบ
เขาเป็นตัวแทนของเทพเจ้าแห่งความโชคร้าย เพื่อนำกลุ่มเพชรอาถรรพณ์มาแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่มีความละโมบอยู่ในหัวใจ
เฉกเช่นแม่มดในเทพนิยายเรื่องสโนว์ไวท์
โดยจะรวมไปถึงนอสตาดามุสและองคุลีมานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยความหายในได้ตระเวนไปรอบโลก
แล้วกลับไปสู่ซาอุดิอาระเบียในวันแห่งความโชคร้าย
เหมือนกับพระเจ้าบนฟ้าได้กล่าวเตือนว่า จุดเริ่มต้นของคำทำนายของนอสตาดามุสกำลังจะเริ่มแผ่กัมมันตภาพรังสีแห่งความโชคร้ายให้โลกรับรู้
เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นกับโลกด้วยบลูไดมอนด์หรือเพชรประทับทรวง
ชาติที่แล้วเกรียงไกรแหละเหล่าผู้ร่วมชะตากรรมบลูไดมอนด์เทพเจ้าแห่งความโชคร้าย อาจเคยร่วมวิบากกรรม
กันมาแต่ชาติปางก่อนแล้วก็เป็นได้
ชาตินี้พวกเขาจึงต้องแหวกว่าอยู่ในทะเลน้ำตาแห่งความทุกข์ยากร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง
ด้วยวิบากกรรมอันเนื่องมาจากความบละโมบ
ทางเลือกสุดท้ายของเกรียงไกร เตชะโม่ง คือการขออภัยโทษทั้งทางวจีกรรม กายกรรม
และมโนกรรม สละเรือนร่างให้กับร่มกาสาวพัสตร์เราไปถึงบ้านแม่ปะเอาตอนเช้ามืด
ท้องฟ้ายังถูกคลุมด้วยกำมะหยี่สีดำ บอกให้คนขับรถขับตระเวนไปรอบ ๆ หมู่บ้าน
เพื่อจะได้รู้จักภูมิประเทศหมู่บ้านของนายเกรียงไกร เตชะโม่ง
จอมโจรบันลือโลกให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ บ้านแม่ปะเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ของอำเภอเถิน
จังหวัดลำปาง ชาวบ้านมีความเป็นอยู่ค่อยข้างจะสงบ
แต่หลังจากที่มีข่าวคดีฆาตกรรมสองแม่ลูกตระกูลศรีธนะขัณฑ์
ที่เกี่ยวโยงถึงคดีเพชรซาอุฯ ขึ้นมาอีกครั้ง
ในความเงียบสงบก็มีความรุ่นร้อนซ่อนอยู่ภายใน
เพราะแทบทุกวันจะมีคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านอยู่เป็นประจำ
รวมทั้งผู้สื่อข่าวจากส่วนกลางที่มุ่งหน้าเ้ข้ามา
เพื่อที่จะขอสัมภาษณ์พิเศษกับเกรียงไกร เตชะโม่ง เจ้าของฉายาจอมโจรบันลือโลก
ที่กล้าเข้าไปขโมยเพชรของเจ้าชายไฟซาล
เรามาจอดเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่บ้านนายทรัพย์ เตชะโม่ง บิดาของจอมโจรบันลือโลก ซึ่งเพียงแค่ชื่อ "ทรัพย์"
ก็ดูเหมือนจะถูกพระเจ้าส่งมาให้มีความเกี่ยวพันกับเพชรบลูไดมอนด์แล้วเหมือนกัน พ่อชื่อ ทรัพย์ เตชะโม่ง ลูกชื่อ เกรียงไกร เตชะโม่ง
ถ้าเปิดพจนานุกรม คำว่า "เตชะ" ก็คือ
เดชะ หรือเดช เมื่อมารวมกับคำว่า "โม่ง" ก็หมายความว่า เดชไอ้โม่ง
พ่อชื่อ ทรัพย์ เตชะโม่ง แปลไทยเป็นไทยก็ได้ความว่า ทรัพย์ของเดชไอ้โม่ง
ส่วนลูกที่ชื่อ เกรียงไกร นั้น
ไม่ต้องมาแปลก็เข้าใจกันดีว่าเดชไอ้โม่งนี้จะต้องมีชื่อเสียงเกรียงไกรไปทั่วโลก
เหมือนพระเจ้าประทานมาให้ทีเดียว เรารออยู่จนฟ้าสางพอมองเห็นหน้ากันได้
ก็เริ่มปฏิบัติการทันที บอกคนขับรถให้ขับรถไปจอดที่หน้าบ้านของพ่อของนายเกรียงไกร
แล้วร้องเรียกเจ้าของบ้านให้เปิดประตูต้อนรับแขกแปลกหน้าให้ยามรุ่งอรุณ
ผู้ที่มาต้อนรับเราไม่ใช่พ่อของนายเกรียงไกร แต่เป็นหมาไทยสามตัว ขนสีน้ำตาล สีดำ
ปรี่เข้ามาเห่ากรรโชกน่ากลัว เราหยุดอยู่แค่รั้ว ด้วยความกลัวคมเขี้ยวของมัน
เราเรียกอยู่นานแต่เขาก็ไม่ต้อนรับ นรชัยยืนถือกล้องเตรียมกดชัตเตอร์อยู่ทุกขณะบอก "พี่ ๆ
เขาแอบดูเราอยู่ข้างบ้าน" ผมหันไปดูรอบ ๆ
นอกจากจะเห็นว่ามีคนแอบดูเราอยู่ข้างบ้านแล้ว ปรากฏว่าชาวบ้านที่ออกมาซื้อของอยู่ข้างถนนต่างก็หันมามองเราเป็นจุดเดียว
ตื้อเท่านั้นที่จะครองโลก ผมบอกนรชัยกับคนขับรถให้ขับผ่านไปสักพักหนึ่ง
แล้วเราก็จัดแจงเปลี่ยนเครื่องแต่งกายกันใหม่
เราถอดเสื้อผ้าชุดสีกากีที่ดูออกจะคล้ายกับสีของตำรวจออก
แล้วเก็บกล้องถ่ายรูปไว้ในรถ คิดเอาเองว่าเขาคงระแวงเมื่อเห็นชายแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้าน
เป้าหมายที่สอง เราเปลี่ยนใหม่ คราวนี้ไปบ้านของจอมโจรบันลือโลกเสียเลย
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพ่อเขาเท่าไหร่คราวนี้ดีหน่อย
ชาวบ้านไม่ค่อยจะกลัวเราเหมือนตอนแรกจากสภาพบ้านของเขา
เราพบว่าฐานะของเขาอยู่ในขั้นปานกลาง บ้านเป็นเรือนไม้ค่อยข้างเท่ากรุดโทรม ประตูบ้านทั้งหน้าและหลังปิดกุญแจตาย
แต่จากที่เข้าไปสังเกตการณ์ เรามั่นใจว่าเขายังมาอาศัยหลับนอนอยู่ในบ้าน
แล้วรีบหนีออกไปทางหลังบ้านในตอนเช้ามืด ซึ่งนรชัยยืนยันว่าตอนที่เราขับรถผ่านในครั้งแรก
เขาเห็นเด็กน้อยวัน 10 ขวบ อยู่ในชุดเสื้อผ้าสีกากีอยู่หลังบ้าน
และเพียงแวบเดียวก็หายไป จากการที่ได้พูดคุยกับอาของเกรียงไกร
และชาวบ้านแถวนั้นเล่าให้เราฟังว่า นับตั้งแต่มีข่าวคดีฆาตกรรมฆ่าสองแม่ลูก ตระกูลศรีธนะขัณฑ์ ซึ่งเกี่ยวโยงมาจากคดีเพชรซาอุฯ
มีชายแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้านไม่เว้นแต่ละวันทำให้เกรียงไกร เตชะโม่ง
เกิดความเครียดอย่งหนัก
เพราะต้องคอบหลบหนีระวังภัยเอาเอง จนไม่ต้องทำมาหากิน "เขาเครียด
จนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว" นายบรรยงค์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1
ตำบลแม่ปะ อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง บอกเราพร้อมกับบ่นให้ฟังว่า
ตนเองก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย เนื่องจากต้องคอยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ ทีวี
ที่เข้ามาหานายเกรียงไกรไม่พบแล้วจะต้องมาสัมภาษณ์ความคิดเห็นของตนแทน
"พวกคุณจะเอาอะไรกันนักหนา เขาพ้นโทษมาแล้ว
ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอีกแล้ว อยากจะสัมภาษณ์ก็ไปสัมภาษณ์ทางกรุงเทพฯ
โน่นเขาฆ่ากันตายทางโน้น อย่ามายุ่งกับเขาเลย ตอนนี้เขาบอกกับผมว่าเขาเครียด
เขาจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เขาจะหนีไปบวชที่เมืองน่าน
ไปเป็นพระแล้วเข้าไปพม่าไม่ให้ใครเห็นหน้า"
เราได้แต่ฟังแล้วบันทึกไว้ในหัวสมอง การทำข่าวในลักษณะนี้
ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถามแบบคำต่อคำ เพราะเขาจะเกร็งแล้วไม่กล้าพูดอะไรออกมา หลังจากที่เขาหยุดพูดเรื่องเกรียงไกร
เราก็ชวนคุยถามถึงสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้าน บ้านแม่ปะ
ทราบว่าในสมัยที่คนไทยนิยมกันไปขุดทองที่ประเทศซาอุดีอาระเบียในสมัยนั้น
กล่าวได้ว่า หมู่บ้านแทบจะร้างผู้คน โดยเฉพาะผู้ชายต่างเอาที่นา
บ้านช่องเข้าจำนองเพื่อหาเงินไปขุดทองที่ประเทศซาอุฯ
ซึ่งนอกจากเกรียงไกรแล้วญาติพี่น้องของเขาอีกหลายคนที่มุ่งหน้าไปขุดทองที่ประเทศซาอุฯ
จากเด็กบ้านนอกจากชาวนาผู้ยากไร้หาเช้ากินค่ำไปวันๆ เกรียงไกร เตชะโม่ง ร่ำเรียนจนจบ ม.3
ที่โรงเรียนเถินวิทยา โรงเรียนประจำอำเภอ
แล้วเขาตัดสินใจหาเงินสองหมื่นบาทให้กับนายหน้าที่จังหวัดลำปาง
บินลัดฟ้าไปเป็นพนักงานทำความสะอาด คอยเก็บกวาดใบ้ไม้ให้กับบริษัท
จนกระทั่งได้เข้าไปเป็นคนรับใช้คนโปรดของเจ้าชายไฟซาล
เขาได้ใช้เวลานานถึง 7 ปี กว่าจะพิสูจน์ตนเองให้เจ้าชายไฟซาลทรงพระเมตาชุบเลี้ยงอย่างใกล้ชิดจนถึงขั้นไว้เนื้อเชื่อใจให้เข้านอกออกใน
เขาตัดสินใจ"ชาตินี้จะไม่ขอจนอีกต่อไปแล้ว" ก่อนที่จะนำเพชรบลูไดมอนด์เป็นพาหนะนำความโชคร้ายมาสู่ผู้คน
ที่เกิดความละโมบให้ได้รับความโชคร้ายตามคำบัญชาของพระเจ้า
หลังจากที่เราได้พิสูจน์ตัวเองให้ญาติพี่น้องของเขาได้เข้าใจว่า เรามาดี
เรามาอย่างเป็นมิตร เราไม่ได้มาซ้ำเติมในโชคชะตาของเกรียงไกรและครอบครัวของเขา
ให้เลวร้ายเกินกว่าในปัจจุบัน เราก็ทราบว่า ขณะนี้เกรียงไกร เตชะโม่งได้สำนึกบาป
เขาเตรียมตัวที่จะบวชเพื่อขออโหสิกรรมให้กับดวงวิญญาณของสองแม่ลูกที่ถูกฆ่าตายจากคดีเพชรซาอุฯ
และอีกหลายชีวิตที่ต้องมาสังเวยชีวิตเพราะความละโมบตามคำสาปอาถรรพณ์ บลูไดมอนด์
ที่ใครครอบครองแล้วจะพบกับความหายนะ