Benchmarking
Benchmarking เป็นการเปรียบเทียบกระบวนการ สินค้าและบริการ และกิจกรรมต่างๆขององค์การ ที่มีแนวทางปฏิบัติที่เป็นเลิศว่าองค์
การเหล่านั้นมีวิธีการอย่างไร และนำมาประยุกต์ใช้ในองค์การของตนให้เหมาะสมกับวัฒนธรรมการทำงานขององค์การ
รูปแบบของ Benchmarking แบ่งออกได้ 4 กลุ่มคือ
1. Competitive Benchmarking เป็นการเปรียบเทียบกับองค์การที่เป็นคู่แข่งขันกันโดยตรง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบกับองค์การที่อยู่ตลาดหรืออุตสาหกรรมเดียวกัน ที่มีสินค้าหรือกระบวนการในการทำงานที่แข่งขันกันโดยตรง
2. Functional Benchmarking การเปรียบเทียบในลักษณะนี้องค์การที่ต้องทำมาตรฐานเเปรียบเทียบจะติดต่อกับองค์กรเป้าหมาย ที่เป็นที่หนึ่งในแต่ละอุตสาหกรรม และขอความร่วมมือในการแบ่งปันความรู้กับทีมงานของตนที่เข้าไปทำมาตรฐานเปรียบเทียบ องค์การเป้าหมายมักจะไม่ใช่องค์การที่เป็นคู่แข่งขันกันโดยตรง จึงมักจะไม่เกิดปัญหาในเรื่องความลับ เพื่อมาสร้างกระบวนการ หรือวิธีการให้มีผลงานได้เท่าเทียมกัน
3. Internal Benchmarking เป็นการเปรียบเทียบกับหน่วยงานต่างๆภายในองค์การ วิธีการนี้เป็นที่นิยมขององค์การขนาดใหญ่ เพื่อกระจายข้อมูลหรือความรู้เหล่านั้นไปยังกลุ่ม หรือหน่วยงานอื่นๆ ภายในองค์การ และยังเป็นวิธีที่ประหยัดและง่ายที่สุด
4. Generic Benchmarking เป็นการเปรียบเทียบทั่วไปแม้จะต่างกิจกรรม หรือต่างอุตสาหกรรมก็ตาม
ประโยชน์ของ Benchmarking
1. การกำหนดช่องว่างระหว่างผลการปฏิบัติงานขององค์การกับองค์การอื่น และต้องการเปลี่ยนแปลงในเชิงสร้างสรรค์
2. การรวบรวมวิธีการปฏิบัติงานที่เป็นเลิศเข้าสู่องค์การ
3. การนำไปสู่วิธีการปฏิบัติงานในรูปแบบใหม่ ที่สามารถส่งเสริมให้องค์การมีผลปฏิบัติการที่ดีขึ้น และมีอัตราความเสี่ยงลดลงจาการลองผิดลองถูก
4. ส่งเสริมการปฏิบัติงานภายในองค์การให้ดีขึ้น
5. นำไปสู่การวางแผนเชิงกลยุทธ์ร่วมกัน และการสร้างความร่วมมือที่จะพยายามให้องค์การมีการพัฒนาที่ดีขึ้น
6. องค์การสามารถสร้างจุดแข็ง เช่นเดียวกับข้อด้อยขององค์การที่ได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น
7. การสร้างความร่วมมือทั้งในระดับบุคคลและภาระหน้าที่ของพนักงานภายในองค์การที่ต้องการจะปรับปรุงแก้ไขให้องค์การพัฒนาไปสู่ระดับสากล
ไปเมนูหลัก กลับสู่การบริหารเชิงกลยุทธ์