ความผิดปกติของรูปร่างฟัน
ฟันมนุษย์ มีการสร้างตัวเจริญเติบโตในกระดูกขากรรไกรบนและล่างของมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิดจนกระทั่งมนุษย์มีอายุเข้าเกือบ 10 ปี ในระหว่างการสร้างและเติบโตนี้ เซลอาจแบ่งตัวไม่เป็นปกติ ก่อรูปเป็นฟันที่ผิดรูปได้หลายๆแบบ รวมทั้งอาจไม่ก่อรูปปกติ แต่กลายเป็นเนื้องอกของฟันแทนก็ได้
ความผิดปกติในการสร้างรูปร่าง มีผลให้ฟันผิดรูปได้หลายลักษณะ เท่าที่พบแล้วมีดังนี้
1.ฟันแฝด [ Gemination / Fusion / Concrescene ]
2.ฟันรากบิดโค้ง [ Dilaceration ]
3.ฟันซ้อนตัวในฟัน [ Dens in dente ]
4.ฟันยาว [ Taurodontism ]
5.ยอดฟันขึ้นกลางซี่ [ Den evagination ]
6.ฟันรากเกิน [ supernumerary root ]
7.ฟันสึกกร่อน จากสาเหตุต่างๆ [ Attrition , Abrasion ,Erosion ]
1.ฟันแฝด
ฟันแฝด มีหลายลักษณะขึ้นกับหน่ออ่อนของฟันและกระบวนการสร้างฟันในกระดูกขากรรไกร
อาจเป็นฟันรากเดียว แต่มี 2 ตัวฟัน [ gemination ] หรืออาจเป็น ฟัน 2 ซี่ที่เชื่อมติดกันกลายเป็นฟันซี่ใหญ่ๆเพียงซี่เดียว [ Fusion ] หรือเป็นฟันที่มีตัวฟันแยกเป็น 2 ซี่ แต่ราก 2 รากหรือมากกว่าเชื่อมติดกัน [ Concrescene ]
ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจ กระบวนการสร้างฟันเสียก่อน กล่าวคือ เซลของฟันในกระดูกขากรรไกรจะพัฒนาตนเองสร้างตัวฟันเสียก่อน จากนั้นจะสร้างส่วนรากฟันตามมา ในขณะที่รากฟันสร้างอยู่นั้น ฟันจะดันตัวไปสู่ช่องปากอย่างช้าๆ ตามความยาวรากยาวขึ้นเรื่อยๆ
ในระหว่างกระบวนการสร้างตัวฟันหรือรากฟันนี่เอง ที่อาจเกิดภาวะผิดปกติใดๆ ขึ้นก็ได้
เช่น ในขณะที่กำลังสร้างตัวฟันอยู่นั้น แล้วได้รับผลกระทบจากสาเหตุบางสาเหตุ ที่เรายังไม่รู้ชัด เซลของฟันอาจสร้างตัวฟันเป็น 2 ส่วน แต่ครั้นสร้างรากฟัน กลับสร้างเพียงรากเดียว กรณีเช่นนี้ จะเกิดฟันแฝดแบบรากเดียว 2 ตัวฟัน ที่เรียกว่า gemination
หรือ หน่ออ่อนของฟัน 2 หน่อ เกิดมาเชื่อมติดกันในระหว่างการสร้างฟัน ฟันที่เจริญขึ้นมาในลักษณะนี้ จะเห็นเป็นฟันแฝดที่มีรูปร่างฟัน 2 ซี่เชื่อมติดกันชัดเจน ฝรั่งเรียกว่า Fusion โดยมีโพรงประสาทฟันและคลองรากฟัน แยกจากกัน สาเหตุที่หน่อฟันมาเชื่อมกันนั้นยังไม่ทราบ
หรือ ฟัน 2 ซี่ มี่รากฟันยึดติดกัน พบมากในฟันกรามบน สาเหตุอาจมาจากการกระทบกระแทกในระหว่างการงอกของฟัน หรือฟันเบียดกันมาก จนผิวรากฟันชิดติดกันและเชื่อมกันในภายหลัง
2.ฟันรากบิดโค้ง [ Dilaceration ]
ฟันบางคน อาจมีรากโค้งงอมาก โดยสันนิษฐานว่า ในระหว่างที่มีการสร้างรากฟัน อาจได้รับการกระทบกระแทกรุนแรง จนส่งผลให้รากฟันโค้งงอ หรืออาจมีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ ฟันเช่นนี้หากขึ้นได้ในปากตามปกติ มักไม่มีปัญหาอะไร
ปัญหาจะเกิดขึ้นตอนที่ต้องถอนฟันซี่นี้ออก หรือตอนที่ต้องทำการรักษาคลองรากฟัน เพราะจะถอนหรือทำการรักษาได้ยาก
3.ฟันซ้อนตัวในฟัน [ Dens in dente ]
เป็นฟันซี่เล็กที่ซ้อนตัวอยู่ในฟันซี่ใหญ่อีกทีหนึ่ง มักพบในฟันตัดเล็กหรือฟันตัดข้าง บน ( ดูการเรียกชื่อฟันในกายวิภาคช่องปาก ) ฟันซี่เล็กที่ซ้อนอยู่ภายในฟันซี่ใหญ่ จะมีทั้งเนื้อฟันและโพรงประสาทฟันของตนเอง และง่ายที่จะทะลุจากการบดเคี้ยวอาหารหรือแบคทีเรีย และเจ้าของฟันซี่นั้นจะมีอาการปวดหรือเป็นหนองตามมา ( ดูเรื่องการติดเชื้อของฟัน )
4.ฟันยาว [ Taurodontism ]
ฟันชนิดนี้จะมีตัวฟันยาวมากกว่าฟันปกติ มีผลให้โพรงประสาทฟันใหญ่และยาวตามด้วย พบในคนใดนั้นก็ขึ้นกับเผ่าพันธ์ เช่น ในพวกเอสกิโม หรือยุโรปกลาง เป็นต้น
5.ยอดฟันขึ้นกลางซี่ [ Den evagination ]
ฟันลักษณะนี้ จะมียอดฟันปรากฎขึ้นตรงกลางตัวฟัน ซึ่งปกติยอดฟันจะขึ้นตรงขอบด้านแก้มหรือด้านลิ้น เท่านั้น การที่ยอดฟันขึ้นตรงกลางตัวฟันเช่นนี้ ย่อมต้องรับการบดเคี้ยวจากฟันคู่สบเต็มที่ ปัญหาอยู่ที่ว่า ภายในยอดฟันมีส่วนของโพรงประสาทฟันอยู่ด้วย เมื่อยอดฟันถูกบดจนสึกหมด โพรงประสาทภายในยอดฟันจะทะลุออกมา เชื้อโรคจะเข้าไปและเกิดโรคแก่ฟันซี่นั้น ( ดูเรื่องโรคของฟัน )
6.ฟันรากเกิน [ supernumerary root ]
ฟันหน้าของมนุษย์จะมีรากเดียว ฟันกรามเล็กจะมี 1-2 ราก ส่วนฟันกรามใหญ่จะมีราก 1-4 ราก แต่ก็พบว่าในคนบางเผ่าจะมีรากฟันมากกว่าจำนวนปกติ เชน ฟันเขี้ยวมี 2 ราก ในภาวะปกติที่ฟันยังไม่มีโรค ก็มักไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อมีโรคฟันเกิดขึ้นและต้องรักษา จำเป็นต้องรักษา
กลับบ้านหน้าแรก / ประวัติคลินิก / รู้จักกับเรา / กายวิภาคช่องปาก / โรคช่องปากขากรรไกร / การรักษา / เครื่องมือดูแลสุขภาพช่องปาก / ท่านถามเราตอบ / สมัครสมาชิก / WEBSITE COMPUTER