การที่เราจะใช้เครื่องมือทางสถิติที่ซับซ้อน
หรือยุ่งยาก
ที่เป็นเชิงคณิตศาสตร์
นั้น ก็แปลว่าเรามีการเก็บข้อมูลมาแล้ว
แต่คำถามอยู่ที่ว่าทำไมเราถึงเลือกที่จะเก็บหรือทำการทดสอบสมมติฐานข้อมูลนั้น
ก่อนที่เราจะทำการพิสูจน์ทราบปัญหาหรือตัวแปรที่ส่งผลต่อปัญหานั้น
เราจำเป็นจะต้องรู้ก่อนว่าปัญหาคืออะไร
หรือต้องเริ่มต้นด้วยการรับรู้ปัญหาเสียก่อน
หลังจากนั้นก็ใช้วิธีระดมความคิดเห็นจากผู้ที่มีความรู้
ผู้ที่เห็นปัญหา
และผู้ที่เกี่ยวข้องหลายๆคน
เสียก่อน เพื่อให้เห็นภาพ
อย่างกว้างๆ
และให้ทำการแจกแจงปัจจัยหรือสิ่งที่น่าจะเป็นต้นเหตุหรือสาเหตุของปัญหานั้น
เสียก่อน ที่เราเห็นตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือการทำการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ
(Workshop) ของรัฐบาลนายก
พ.ต.ท ดร. ทักษิณ
ชินวัตร เพื่อระดมความคิดเห็นของนักวิชาการ
ข้าราชการ ฝ่ายเอกชน
รวมทั้งทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ถึงจะนำเอาข้อสรุปหรือผลการทำการประชุมเชิงปฏิบัติการ
ไปสู่การปฏิบัติ
หรือไปเป็นนโยบาย
ของรัฐบาล
แสดงว่าความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนั้นเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง องค์ประกอบของการระดมสมองประกอบด้วย
1.
หัวข้อปัญหา
คือประเด็นที่ต้องการให้กลุ่มร่วมแสดงความคิดเห็น 2.
ผู้นำหรือผู้ดำเนินการ
มีหน้าที่ในการนำการระดมสมอง
ซึ่งจะต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้ 2.1 กำหนดหัวข้อหรือประเด็นปัญหา ผู้ดำเนินการจะต้องจัดหาข้อมูลเบื้องต้นให้ผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นได้ทราบ เช่น ระดับของปัญหา ณ ปัจจุบัน ความเป็นมา และแนวโน้มของปัญหา ทั้งที่เป็นเชิงปริมาณ (ตัวเลข ) และเชิงคุณภาพ (รูปภาพ กราฟ ) 2.2 กำหนดหรือเลือกผู้ที่จะร่วมการระดมสมอง โดยจะต้องคัดเลือกเฉพาะผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับประเด็นหรือปัญหานั้นๆ และผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรง พูดง่ายๆคือจะต้องเป็นผู้ที่สามารถให้ข้อคิดเห็น ที่เป็นประโยชน์ เพื่อที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหานั้นๆได้ 2.3 กระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมทุกคน แสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี และเปิดเผย รวมทั้งเปิดโอกาสให้มีการถกเถียงภายใต้กรอบของประเด็นปัญหาที่กำหนด หากผู้เข้าร่วมแสดงความเห็น ยังไม่มีความคิดเห็น เราจำเป็นต้องเริ่มต้นให้ด้วยการยกหัวข้อ หรือความคิดเห็นก่อน หรืออาจจะเจาะจงผู้เข้าร่วมคนใดคนหนึ่งเริ่มต้นก่อน ก็ได้ 2.4 สรุปหรือตัดทอนข้อมูลจากที่ผู้เสนอความคิดเห็นมาให้เป็นสาระที่กระชับ ซึ่งเมื่อเราให้แต่ละคนเสนอความคิดเห็น อาจจะขาดการ Focus หรือขาดความกระชับ แต่ผู้ดำเนินการจะต้องไม่ไปเปลี่ยนแปลงความหมายหรือสาระ ที่ผู้แสดงความคิดเห็นให้ความเห็นออกมา 2.5 หลังจบการระดมสมองแล้วจะต้องรวบรวมความคิดเห็นของผู้เข้าร่วม ออกเป็นหมวดหมู่ หรือกลั่นกรอง ให้เป็นข้อสรุป 3. ผู้ร่วมแสดงความคิดเห็น มีหน้าที่ดังต่อไปนี้ 3.1 เสนอความคิดเห็นภายใต้หัวข้อที่กำหนด โดยไม่มีอคติ หรือปิดบังความคิดเห็นที่แท้จริงของตัวเอง 3.2 ให้ความเคารพต่อความคิดเห็นของคนอื่น วิพากวิจารณ์ความคิดเห็นของคนอื่นได้ แต่ต้องไม่เป็นไปในทางลบ ถึงแม้จะขัดต่อความรู้สึก หรือขัดแย้งต่อความคิดเห็นของตัวเอง 4. สถานที่ อุปกรณ์และเครื่องมือ เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินการระดมสมองเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และทำให้ผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น ได้ใช้ประโยชน์ เช่น กระดาษ เครื่องฉายข้ามศีรษะ และกระดาน เป็นต้น ประโยชน์ของการระดมสมอง ในบางครั้งการที่ให้คนที่มีความรู้ ประสบการณ์ หรือเกี่ยวข้องกับปัญหาหลายๆฝ่าย หลายๆคน มานำเสนอความคิดเห็น ข้อเสนอแนะในมุมมองของแต่ละคน ประโยชน์ที่เห็นชัดเจนคือ องค์ประกอบของปัญหาที่หลากหลาย ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดวิธีการแก้ปัญหาที่ตรง ถูกจุด ผู้ที่เข้าร่วมและให้ข้อเสนอแนะก็พร้อมจะนำแนวทาง หรือข้อสรุปร่วมกันไปปฏิบัติ ด้วยความเต็มใจ และปัญหาก็จะถูกแก้ โดยใช้แนวทางที่หลายฝ่ายเห็นร่วมกัน ทำให้เกิดความรู้สึกมีส่วนร่วม การระดมสมองที่ไม่ประสบผลสำเร็จ ไม่ทุกครั้งเสมอไปที่การเปิดโอกาสให้คนที่เกี่ยวข้องหลายๆฝ่าย แสดงความคิดเห็น จะประสบผลสำเร็จ ถ้าหากเกิดความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน มีอคติในการเสนอหรือยอมรับความคิดในการระดมสมอง อันอาจจะนำไปสู่ความแตกแยกมากขึ้น และไม่สามารถแก้ปัญหาได้ แล้วจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร 1. ผู้นำการระดมสมองต้องควบคุมบรรยากาศในการสนทนากันของหลายฝ่าย หากเริ่มจะเกิดความขัดแย้ง 2. อาจจะต้องมีการเพิ่มเติมข้อมูล ที่มีความขัดแย้งกัน แต่ผู้นำการระดมสมองจะต้องไม่ตัดสินใจยอมรับความคิดเห็นอีกฝ่ายหนึ่งโดยทันทีในระหว่างการสนทนา
|