ด้วยความปรารถนาดีจากพัฒนาชุมชนเชียงใหม่

เปิดคัมภีร์ ผู้ว่าซีอีโอ วางยุทธศาสตร์ 9 กลุ่มจังหวัด

 

ได้แบ่งยุทธศาสตร์ของกลุ่มจังหวัด ออกเป็น 9 กลุ่ม ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ร่วมกันวิเคราะห์ใน 5 มิติ คือ ความสามารถทางการเกษตร, อุตสาหกรรม, การค้าการลงทุน, การผลิตและจำหน่ายสินค้า 1 ตำบล 1 ผลิตภัณฑ์ (โอท็อป) และการท่องเที่ยว ซึ่งได้ข้อสรุปคือ

1.กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน(เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน) มีความโดดเด่น 3 ด้านคือ "ด้านการค้า" มี "เชียงใหม่" เป็น International Gateway ในอนุภาคลุ่มน้ำโขงและนานาชาติ มีเชียงรายเป็นประตูการค้าการลงทุน "การท่องเที่ยว" มีเส้นทางท่องเที่ยวระหว่างเชียงใหม่-เชียงราย-เชียงตุง(พม่า)-เชียงรุ่ง(จีน)-เชียงของ(ลาว) เชื่อมโยงกัน และยังมีเส้นทางการท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรมมรดกโลก(สุโขทัย-ศรีสัชนาลัย-กำแพงเพชร) และ "โอท็อป " สร้างชื่อเสียง อาทิ เครื่องดื่ม ผักผลไม้อบแห้ง และผ้าทอ

 

2.กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง(พิษณุโลก ตาก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร พิจิตร) มีความโดดเด่นด้าน "เกษตรกรรม" มี "พิษณุโลก" เป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตร(ข้าว พืชไร่ ไม่ผล) ขณะที่ "นครสวรรค์" เป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรภาคเหนือ และ "พิจิตร" เป็นแหล่งรวมสินค้าเกษตรปลอดสารเคมี "การค้า" มีพิษณุโลกฐานการค้า โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงการพัฒนาแนวตะวันออก-ตะวันตก-เหนือ-ใต้ ขณะที่นครสวรรค์เป็นศูนย์กลางการค้าของอนุภูมิภาค ส่วนตากเป็นประตูสู่ประเทศพม่า ชมพูทวีป เขตเศรษฐกิจพิเศษ

 

3.กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน นนทบุรี อยุธยา ปทุมธานี อ่างทอง สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท) มีจุดเด่น 3 ด้าน "เกษตรกรรม" มีพืชไร่ในลพบุรี" อุตสาหกรรม "มีสระบุรีเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมภาคกลางตอนบน(เซรามิก ปูนซีเมนต์) และยังมีนิคมนวนคร ของปทุมธานี เป็นเขตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และ " การค้า" มีศักยภาพในเชิงธุรกิจพาณิชย์ที่นนทบุรี โดยมีสระบุรี-อยุธยา-ชายฝั่งทะเลตะวันออกเป็นแกนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

 

4.กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง(ราชบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ นครนายก สระแก้ว ปราจีนบุรี) มีความโดดเด่น 3 ด้านคือ "เกษตรกรรม" มีราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี และนครปฐม มีศักยภาพในการผลิตอ้อยและข้าวเป็นสำคัญ "อุตสาหกรรม" มีสมุทรสงคราม สมุทรสาคร ผลิตสินค้าแปรรูป ขณะที่ประจวบฯ เน้นการแปรรูปสัปปะรด "โอท็อป" สร้างชื่อเสียงที่ราชบุรี นครปฐม กาญจนบุรี และสระแก้ว

 

5.กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก(ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด) มีความโดดเด่นในด้าน "อุตสาหกรรม" มีระยองเป็นฐานอุตสาหกรรมเน้นที่อุตสาหกรรมน้ำมัน และยังเป็นศูนย์ขนถ่ายสินค้าเกษตร "การท่องเที่ยว" มีจันทบุรี และตราดเป็นจุดเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชิงเกษตรและศูนย์การค้าไทย-กัมพูชา และ "โอท็อป" สร้างชื่อเสียงที่จันทบุรี

 

6.กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน(อุดรธานี หนองบัวลำภู หนองคาย เลย มุกดาหาร สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด) มีความโดดเด่นด้าน "เกษตร" ถือเป็นศูนย์ผลิตโคเนื้อและโคนมคุณภาพดีใน จ.เลย นอกจากนี้ สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม ยังมีศักยภาพในการปลูกข้าวอีกด้วย และด้าน "การค้า" มีขอนแก่นเป็นศูนย์กลางการค้า การบริการการขนส่งเชื่อมโยงกรุงเทพฯ-สระแก้ว-บุรีรัมย์-ยโสธร-มุกดาหาร โดยมุกดาหารถือเป็นเส้นทางเชื่อมโยงการผลิตวัตถุดิบของภาครัฐกับฐานการผลิตหลัก และถือเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าในกลุ่มอินโดจีน

 

7.กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง(นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ยโสธร) โดดเด่นด้าน "เกษตรกรรม " ทุกจังหวัดมีศักยภาพ อาทิ ไหม ยาง ปศุสัตว์ "การค้า" มีสุรินทร์เป็นประตูสู่กัมพูชา ขณะที่นครราชสีมาเป็นประตูสู่ภาคกลาง และ "โอท็อป" สร้างชื่อเสียงที่นครราชสีมา

 

8.กลุ่มจังหวัดภาคใต้(สุราษฎร์ธานี ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง ภูเก็ต พังงา กระบี่) โดดเด่นด้านการเกษตร มีสินค้า คือ ยาง กุ้ง ผลไม้ โดยเฉพาะนครศรีธรรมราชถือเป็นศูนย์กลางการค้ากุ้ง สุราษฎร์ธานีเป็นศูนย์กลางการค้าผลไม้ และการท่องเที่ยว มีสุราษฎรฯ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ระนองเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และพังงาเป็นศูนย์กลางขนส่งสู่เอเชียใต้

9.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ชายแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน(ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) โดดเด่นด้านการเกษตร ทั้ง 3 จังหวัดสามารถผลิตยางได้ดี การค้า ยะลา และนราธิวาสเป็นประตูการค้ากับมาเลเซียและสิงคโปร์ ขณะที่สงขลาเป็นศูนย์กลางการค้า ส่วนการท่องเที่ยว มีสงขลารองรับ