ผม…รักครู

พรรณรายณ์

“กาลเวลาสามารถเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งได้ แต่ความรู้สึกในใจผมที่มีต่อครูไม่อาจเปลี่ยนไปได้เลย”

ผมได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด วันเปิดเรียนวันแรกนักเรียน ม.๑ อย่างผมรู้สึกตื้นเต้นที่จะได้พบกับเพื่อนใหม่ ครูคนใหม่ ห้องเรียนใหม่ อะไรๆก็ใหม่ๆทั้งนั้น เวลาเจ็ดโมงครึ่งนักเรียนทุกคนต้องไปเข้าแถวเคารพธงชาติ เสียงเพลงชาติดังกระหึ่มขึ้นจากวงดนตรีที่มีนักเรียนไม่ต่ำกว่าสามสิบคนพร้อมใจกันบรรเลงอย่างพร้อมเพรียง รู้สึกตื่นเต้นมากไม่เคยได้เห็นวงดนตรีแบบนี้มาก่อนเลย ผมสนในการบรรเลงของวงจนเกือบลืมร้องเพลงชาติ หน้าวงดนตรีมีครูยืนคอยให้สัญญาณการบรรเลงกับวง มีบางสิ่งทำให้ผมไม่อาจละสายตาไปจากครูผู้คุมวงได้ ท่าทางทะมัดทะแมง สีหน้าจริงจัง ทำให้ใครๆที่เห็นก็ต้องสนใจ ที่สำคัญครูผู้หญิงหน้าตาน่ารักอย่างนี้นักเรียนคนไหนได้เรียนด้วยคงจะมีความสุขทั้งวัน

ครึ่งวันเช้าของการเรียนวันแรกผมได้รู้จักเพื่อนใหม่หลายคน แต่ที่สนิทที่สุดคือ “ชัยวัฒน์” ผมเรียกสั้นๆว่า “วัด” ผมกับวัดไปไหนก็ไปด้วยกัน ไม่ว่าจะไปห้องน้ำ กินข้าว ไปห้องสมุด เล่นฟุตบอล แล้วผมก็ชวนวัดไปสมัครเป็นนักเรียนวงโยธวาทิตของโรงเรียน จริงๆแล้วผมไม่ได้มีความคิดที่อยากจะเล่นดนตรีหรอก แต่สิ่งที่ทำให้ผมตั้งใจจะไปสมัครเป็นนักเรียนวงโยธวาทิตก็คือ ความรู้สึกประทับใจต่อคุณครูผู้คุมวง

“นายแน่ใจนะว่าจะไปสมัครเป็นนักเรียนวงโยธวาทิต ต้องซ้อมหนัก ต้องกลับบ้านเย็น จะไหวหรือ” วัดถามผม

“ฉันแน่ใจ และอยากให้นายไปกับฉันด้วย” ผมตอบด้วยความมั่นใจ

หลังเลิกเรียนผมและวัดรีบตรงไปที่ห้องวงโยธวาทิต ที่หน้าห้องติดป้ายรับสมัครนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมวงโยธวาทิตมีข้อความว่า “รับสมัครนักเรียนวงโยฯ คุณสมบัติเป็นนักเรียน ม.๑ ผู้มีใจรักในเสียงดนตรี มีความมุ่งมั่น อดทน ขยัน เสียสละ สมัครได้ที่ อาจารย์ศจี บัวขาว” ผมรู้จักชื่อครูศจีแล้ว หัวใจเต้นถี่ขึ้นในขณะที่เดินเข้าห้องวงโยฯ ทำไมถึงตื่นเต้นอย่างนี้ก็ไม่รู้

ครูกำลังนั่งตรวจการบ้านอยู่ เห็นผมและวัดเดินเข้ามาในห้อง ทันทีที่ครูมองมาที่ผม ความรู้สึกตื่นเต้นหายไปทันที สีหน้าและแววตาใจดีของครู ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจ สบายใจ ไม่กลัวที่จะมาพบครู อยากมาพบครูบ่อยๆทุกๆวัน

“จะมาสมัครวงโยใช่ไหม แนะนำตัวหน่อยให้ครูรู้จักด้วย” น้ำเสียงสดใส ทุกคำที่พูดชัดเจนของครูทำให้ผมอยากฟังเสียงครูพูดนานๆ

“ผมเด็กชายชัยวัฒน์ แซ่แต้ อยู่ห้อง ม.๑/๒ อยากเล่นดนตรีครับ”

“ผมเด็กชายสมศักดิ์ คำดี ม.๑/๒ อยากเล่นดนตรีเหมือนกันครับ” ผมแนะนำตัวเองต่อจากวัด

“เธอรู้ไหมว่าเป็นนักเรียนวงโยธวาทิตต้องซ้อมหนักนะ ต้องมาถึงโรงเรียนเป็นคนแรก และกลับบ้านเป็นคนสุดท้าย ต้องมีความรับผิดชอบสูง อดทนเสียสละ จะต้องไม่มีปัญหาเรื่องพฤติกรรม และการเรียนก็ต้องไม่มีปัญหาด้วย” น้ำเสียงของครูจริงจัง แต่นุ่มนวลน่าฟัง ทำให้ผมตอบตกลงสมัครเป็นนักเรียนวงโยฯทันที

วันรุ่งขึ้นผมมาถึงโรงเรียนแต่เช้าก่อนนักเรียนคนอื่นๆ เห็นนักเรียนวงโยฯรุ่นพี่ มาฝึกซ้อมอยู่ก่อนแล้วทุกๆคนตั้งใจซ้อมกันเต็มที่ ความคิดที่อยากเล่นดนตรีเริ่มเกิดขึ้นแล้ว เพราะเห็นพวกพี่ๆทุกคนมีความตั้งใจเล่นดนตรีจริงๆ วัดมาถึงหลังผมเรารีบไปพบครูศจี

“ครูครับวันนี้จะให้พวกผมทำอะไรครับ” วัดถามครูศจี

“พวกเธอต้องเริ่มฝึกพื้นฐานก่อน ในเทอมนี้อาจจะยังไม่ได้จับเครื่องดนตรี จนกว่าจะทีพื้นฐานที่ดีในเรื่องการหายใจ การฝึกเป่ากำพวด การฝึกอ่านโน้ตสากล และฝึกอีกหลายๆอย่าง หากวงโยฯมีงานที่ไหนพวกเธอก็จะต้องไปด้วย แต่ไม่ได้ไปเล่นดนตรี เธอจะต้องช่วยพี่ๆ พี่ให้ช่วยอะไรก็จะต้องช่วย อาจจะต้องถือขวดน้ำกระเป๋าพยาบาลเดินตามวงหรืออาจจะต้องเดินถือธงไปกับวง” ครูพูดต่อไปอีกยาวแต่ผมก็ไม่รู้สึกเบื่อที่ครูพูดเลย ผมชอบฟังครูพูด

“ครูครับกำพรวดคืออะไรครับ” วัดถามด้วยความอยากรู้

“ไม่ใช่กำพรวด เรียกว่ากำพวด กำพวดก็คือ ปากแซ็ก ปากปี่ ปากแตร หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Mouthpiece ก่อนที่จะเป่าเครื่องดนตรีได้ จะต้องฝึกเป่ากำพวดเปล่าๆให้ได้ดีเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่สมารถควบคุมเสียงได้เวลาไปเป่าเครื่องดนตรีจริงๆ” ครูตอบให้หายสงสัย

ระหว่างที่ครูกำลังอธิบายให้ฟัง ผมมองไปที่เหนือกระเป๋าเสื้อชุดราชการของครูเห็นป้ายชื่อ “น.ส.ศจี บัวขาว” ด้วยความอยากรู้จึงถามครูแบบเด็กๆขี้สงสัย

“ป้ายชื่อครูเป็น น.ส. ครูยังไม่ได้แต่งงานหรือครับ”

“ครูแต่งงานแล้ว” คำตอบของครูทำให้ผมรู้สึกหดหู่ทันที

“แต่งกับใครครับ แล้วครูมีลูกหรือยังครับ” วัดถามเสริม

“ครูมีลูกหลายคน...ก็พวกเธอยังไงล่ะ และที่ว่าแต่ง... ก็แต่งกับงานสอนพวกเธออีกนั่นแหละ ครูไม่มีเวลาไปให้ใครหรอกนอกจากนักเรียนวงโยธวาทิต” ครูพูดจบผมรู้สึกใจชื้นขึ้นทันที

“เป็นอะไรสมศักดิ์ นั่งอมยิ้มคิดอะไรอยู่หรือ” ครูทักผม

“ไม่มีอะไรครับ ผมรู้สึกมีความสุขที่จะได้เรียนดนตรีกับครูครับ” ผมตอบแก้เก้อ

...ผ่านไปเกือบครบเทอม ผมและวัดตั้งใจฝึกซ้อมไม่เคยสาย ไม่เคยขาด จนครูเอ่ยปากชม และจะให้เราได้เล่นเครื่องดนตรีจริงๆก่อนสิ้นเทอมนี้ พื้นฐานที่เราได้เรียนรู้ได้แก่เรื่องการหายใจ การฝึกลม ฝึกเป่ากำพวด เรียนทฤษฎีดนตรีสากล จนอ่านโน้ตได้ถูกทั้งเสียงและจังหวะ ทั้งหมดที่ได้ฝึกฝนและเรียนรู้นี้ใช้เวลาหลังเลิกเรียนทุกๆวัน ครูสอนโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่มีการเก็บเงินพิเศษจากนักเรียน และครูก็ไม่ได้เงินพิเศษเพิ่มเติมจากทางโรงเรียน ถึงแม้เงินเดือนครูจะไม่มาก ครูก็ไม่เคยมีปัญหาเรื่องการเงินไม่เป็นหนี้สินใคร

“เธอทั้งสองคนเป็นนักเรียนวงโยฯที่มีความรับผิดชอบดี วันนี้ครูจะให้เธอเล่นเครื่องดนตรีจริงๆ สมศักดิ์ครูให้เธอเป่าแซ็กโซโฟน ส่วนชัยวัฒน์ครูให้เธอเป่ายูโฟเนียม”

“ผมอยากเป่าทรัมเป็ตครับครู” วัดเรียกร้องอยากเปลี่ยนเครื่องมือ

“ที่ครูเลือกให้เธอเป่ายูโฟเนียมก็เพราะเหมาะสมกับเธอ ทั้งรูปร่าง รูปปาก และนิสัยของเธอ ที่สำคัญรุ่นพี่ที่เป่ายูโฟเนียมกำลังจะเรียนจบเธอจะต้องมาแทนรุ่นพี่ ...สมศักดิ์ครูให้เป่าแซ็กเธอมีปัญหาอะไรไหม”

“ผมเล่นได้ทุกเครื่องที่ครูเลือกให้ครับ ครูเลือกให้แสดงว่าเหมาะสมกับผมแล้ว” ผมพูดเอาใจครู

“ในช่วงปิดเทอมเล็กพวกเธอจะต้องฝึกซ้อมอย่างหนัก เปิดภาคเรียนที่สองจะได้ร่วมเล่นกับพี่ๆได้”

“ช่วงปิดเทอมครูไม่หยุดพักหรือครับ” วัดสงสัย

“ไม่มีคำว่าปิดเทอมสำหรับนักเรียนวงโยธวาทิต หยุดซ้อมดนตรีแค่วันเดียวฝีมือของเธอก็ไม่พัฒนาแล้ว” ครูตอบเสียงเข้ม

ในช่วงปิดเทอมเล็ก ผมมาซ้อมดนตรีที่โรงเรียนตั้งแต่เช้าถึงเย็นทุกวัน โดยมีนักเรียนรุ่นพี่มาช่วยครูสอนด้วย ที่บ้านถามว่าจะมาซ้อมไปมากมายทำไมกันซ้อมไปแล้วได้อะไร ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ในใจผมคิดว่าการมาฝึกซ้อมจะทำให้ผมได้อยู่ใกล้ครูศจี ทำให้ผมได้พบครูทุกๆวัน และผมก็รูสึกดีที่ได้มาซ้อมดนตรีด้วย

“วัดนายรู้ไหมเราชอบครูศจี” ผมอยากให้วัดรู้ถึงความรู้สึกของผม

“ฉันรู้ ฉันก็ชอบครูเหมือนกัน… ใครๆก็ชอบครูศจีทั้งนั้น เพราะครูเป็นคนดีทุกอย่าง ตั้งใจทำงาน สอนพวกเราเหมือนเราเป็นลูกของครู ถ้าฉันอายุมากกว่านี้สักสิบปี ฉันคงจะจีบครูไปแล้ว ได้ใครได้เป็นแฟนครูฉันว่าโชคดียิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งเลยล่ะ”

“นายจะบ้าหรือ นายกับครูอายุต่างกันตั้งสิบกว่าปีจะไปจีบครูได้ยังไง” ผมแสดงอาการไม่พอใจ

“ฉันพูดเล่น...ฉันว่าครูคงไม่แต่งงานง่ายๆหรอก จะมีเวลาไปพบใครที่ไหน ทำงานตลอด ปิดเทอมก็ไม่ยอมหยุด วงโยฯ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตครูก็ว่าได้” วัดกล่าวปิดท้าย ก่อนที่เราจะแยกกันไปซ้อมดนตรี

ผมเริ่มรู้สึกสับสนในใจ ผมกำลังคิดอะไรกับครูอยู่ ผมชอบครูแบบไหนกันแน่ ไม่มีทางที่ผมกับครูจะเป็นแฟนกันได้ ด้วยเหตุผลร้อยแปดไม่มีความเหมาะสมที่ผมจะคิดแบบนี้ ยิ่งคิดยิ่งสับสนไม่มีคำตอบที่น่าพอใจสำหรับผมในตอนนี้ ถ้าผมอายุมากกว่านี้สักสิบปีผมคงจะจีบครูเป็นแฟนแล้ว อย่างที่วัดพูดไว้ ความคิดของผมมันเลวจริงๆ ครูเป็นปูชนียบุคคลไม่สมควรที่จะมีความคิดแย่ๆแบบนี้ รู้สึกไม่ดีกับความคิดของตัวเองจริงๆ

“นั่งเหม่อลอยคิดอะไรอยู่หรือสมศักดิ์” ครูเข้ามาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ทำเอาผมตกใจ

“เปล่าครับครู ผมกำลังคิดว่าจะซ้อมอะไรก่อนดี” ผมตอบไม่ตรงกับที่คิด

“โกหกใช่ไหม ทำตัวเหมือนคนกำลังมีความรัก คนที่จะเล่นดนตรีได้ดีจะต้องมีสมาธิดี ไม่วอกแวก ไม่เหม่อลอย เรื่องความรักของวัยรุ่นอย่างพวกเธอ เป็นศัตรูตัวสำคัญของการเป็นนักเรียนวงโย” ผมนั่งนิ่งฟังครูพูด

“สมัยที่ครูเป็นนักเรียนมัธยม ครูก็เคยมีความรักแบบวัยรุ่นเหมือนกัน แต่ไม่เคยเหลวไหลก็เพราะดนตรีทำให้ครูไม่มีเวลาไปคิดอย่างอื่นนอกจากเรื่องเรียนกับการฝึกซ้อมดนตรี ดนตรีไม่เพียงทำให้เราสนุกสนานเพลิดเพลินเท่านั้น แต่ดนตรีให้อะไรมากกว่าที่เธอคิด ถ้าเธอรักดนตรี เรียนรู้และฝึกซ้อมดนตรีอย่างจริงจัง จะทำให้เป็นคนที่รู้จักคิด มีเหตุมีผล มีความเข้าใจเรื่องของศิลปะ ยิ่งถ้าเล่นดนตรีในวงโยธวาทิตสิ่งที่เธอจะได้รับก็คือ เป็นคนมีความอดทน มีความรับผิดชอบสูง รู้จักเสียสละเพื่อส่วนร่วม ไม่เห็นแก่ตัว รู้จักความสามัคคี ทำงานเป็นหมู่คณะได้ดี เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดี เป็นที่รักของคนอื่นๆ สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความปกติสุข... ที่ครูพูดมาทั้งหมดนี้เธออาจจะยังไม่เข้าใจ ถ้าเธอเป็นนักเรียนวงโยฯที่ดีตั้งใจฝึกซ้อมไม่ขี้เกียจ ไม่เหลวไหลสักวันเมื่อเธอเรียนจบไปแล้วจะเข้าใจสิ่งที่ครูพูด”

“ผมจะไม่เหลวไหลครับครู ผมจะตั้งใจเรียน และฝึกซ้อมดนตรีให้ดีที่สุด” ผมรับปากครูและตั้งใจจะทำตามที่ครูบอกทุกอย่าง ผมจะไม่ทำให้คนที่รักต้องผิดหวัง

...เวลาผ่านไปหกปี ผมกำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมแล้ว ผมเริ่มเข้าใจสิ่งที่ครูเคยบอกไว้ เป็นนักเรียนวงโยธวาทิตได้มากกว่าเล่นดนตรีเป็น การเรียนของผมอยู่ในเกณฑ์ดี วัดเพื่อนรักของผมจะเรียนต่อด้านดนตรี ส่วนผมจะเรียนวิศวะ วัดได้รับเลือกจากสมาชิกในวงให้เป็นประธานวงคอยช่วยครูทำงาน ครูให้ผมรับผิดชอบเรื่องโน้ตเพลง ทุกๆคนในวงมีหน้าที่รับผิดชอบกันทุกคน โดยครูมอบหมายให้ตามความถนัดและความเหมาะสมของแต่ละคน

ในที่สุดวันสุดท้ายของการเรียนชั้น ม.๖ ก็มาถึง นักเรียนหลายๆคนต่างรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่กำลังจะสำเร็จการศึกษา แต่ความรู้สึกของผมเหมือนจะตรงกันข้าม ไม่เหมือนวันที่ผมเข้ามาเรียนตอน ม.๑ เลย บรรยากาศปลายฤดูหนาว ท้องฟ้าดูหม่นหมอง ใบไม้แห้งร่วงอยู่เต็มพื้นสนามโรงเรียน ต้นไม้ผละใบเหลือแต่กิ่งที่แห้งกรอบ คล้ายว่ากำลังจะเฉาตาย ที่ห้องวงโยฯไม่มีเสียงดนตรีให้ได้ยิน แต่ยังคงมีครูศจีนั่งทำงานอยู่

ผมเดินเข้าไปหาครูที่ห้องวงโยฯ ใบหน้าแววตาครูยังดูสดใส ไม่มีริ้วรอยแห่งความเศร้าหมอง ความรู้สึกของผมเมื่อได้อยู่ใกล้ครูยังเหมือนเดิม เหมือนกับตอนที่ได้พบครูครั้งแรก

“ครูครับ ผมมาลาครูครับ ผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ต้องไปเรียนที่กรุงเทพฯ คงไม่ได้มาเยี่ยมครูอีกนาน”

“ครูขออวยพรให้เธอประสบความสำเร็จในการเรียน และหน้าที่การงาน ขอให้เธอตั้งใจเรียนเหมือนกับที่เล่นดนตรี”

“ผมขออวยพรคุณครูศจีที่ผมรัก...และเคารพด้วยนะครับ” ผมพูดด้วยเสียงเศร้า

“เธอจะอวยพรอะไรให้ครู” ครูสงสัย ผมหยิบซอง ส.ค.ส สีขาวยื่นให้ครู

“คำอวยพรของผมอยู่ใน ส.ค.ส. นี้ครับ ครูอย่าเพิ่งอ่านนะครับให้ผมไปก่อนแล้วครูค่อยเปิดอ่าน ผมเขินครับ” พูดจบผมก็รีบเดินไปจากห้อง

ครูศจีเปิดซอง ส.ค.ส. ข้างในมีจดหมายฉบับเล็กแทรกอยู่ ใจความว่า

“เรียนคุณครูศจีที่เคารพ ตลอดระยะเวลาที่เป็นนักเรียนวงโยธวาทิต ผมได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ นอกเหนือจากวิชาในตำราเรียน จากครูผู้ไม่เคยรู้จักเหน็ดเหนื่อย ครูที่มาถึงโรงเรียนเป็นคนแรกและกลับบ้านเป็นคนสุดท้าย ครูผู้ซึ่งพร้อมเสียสละเพื่อนักเรียน ผมเข้าใจสิ่งที่ครูเคยบอกผมเป็นอย่างดีแล้วครับ ชีวิตนักเรียนวงโยธวาทิตสร้างประสบการณ์ที่มีค่ายิ่งให้กับผม โรงเรียนกวดวิชาที่หลายคนต้องเสียเงินไปเรียน เทียบไม่ได้กับการเรียนรู้ชีวิตจริงๆในวงโย ครูสอนให้ผมรู้จักความหมายของคำว่ารักอย่างแท้จริง ซึ่งต่างจากความรักฉาบฉวยในช่วงชีวิตวัยรุ่น ครูทำให้ผมเกิดความรักครั้งแรก รักในสิ่งที่ผมไม่เคยคิดจะรักมาก่อนเลย ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมไปแล้ว ครูทำให้ผมรักดนตรี เดิมทีผมตั้งใจจะเรียนต่อวิศวะ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าตัวเองต้องการอะไร ผมตัดสินใจเรียนต่อด้านดนตรีเช่นเดียวกับชัยวัฒน์ เพื่อนรักของผม ผมรู้ดีว่าอาชีพครูดนตรี ไม่ใช่อาชีพที่ทำให้ร่ำรวยเงินทอง แต่ผมก็มั่นใจว่าครูดนตรีที่ดีเป็นอาชีพที่มีความสุข เหมือนกับที่ครูทำให้ผมได้มีความสุขตลอดระยะเวลาที่ได้เรียนกับครู ท้ายนี้ผมขออวยพรให้ครูได้พบกับใครสักคนที่เป็นคนดีสำหรับครู และขอให้ครอบครัวของครูมีความสุขมากๆ มีลูกมีหลานเต็มบ้านเต็มเมือง”

ด้วยความเคารพ...รัก สมศักดิ์ คำดี

 

 

 

Hosted by www.Geocities.ws

1