|
|
"ทีลอซู"ยามหน้าแล้ง
ทีลอซู ในความเป็นส่วนตัวแล้วต้องบอกตามตรงว่ารู้จัก ชื่อเสียงมานานแต่ไม่เคยไปสัมผัสสักทีทั้ง ๆ ที่ทำงานเกี่ยวกับแวดวงนี้มานาน
ไปเที่ยวมาก็หลายจังหวัด ไปทำงานมาก็ไม่น้อย จะพูดไปแล้วหลายต่อหลายครั้งที่จะเรียกว่ามีโอกาสแต่เวลาไม่เอื้ออำนวยจึงชวดโอกาสดี ๆ ไป เพราะแทบจะทุกอำเภอในจังหวัดตากได้ไปเยือนมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น แม่สอด แม่ระมาด อำเภอพบพระ และอำเภอเมือง แต่อำเภออุ้มผางแล้วเพิ่งจะมีโอกาสครั้งนี้เป็นครั้งแรก
|
||
|
จากชื่อเสียงความสวยงามยิ่งใหญ่ของน้ำตกทีลอซูและด้วยใจที่อยากจะดั้นด้นไปให้ได้แม้จะมีเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่เคยไปอุ้มผางมา
แล้วเล่า กิตติศัพท์ความโหดในการเดินทางมาเล่าให้ฟัง แต่ด้วยใจที่ตั้งปณิธาน ไว้แล้วว่าจะไปให้ได้ไม่ว่าจะลำบากอย่างไรก็ตามก็ขอให้ได้ไปพิสูจน์กับตัวสักครั้งทีเถอะว่าความลำบากที่ว่าเป็นฉันใด
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึงพวกเราประมาณ 7-8 คนจาก 3 สำนัก เพื่อนเดินทางไฮคลาส วาไรตี้นัดหมายกันในเย็นย่ำวันหนึ่ง ของปลายเดือนธันวาคมด้วยรถตู้จากความเอื้อเฟื้อจากฟูจิทัวร์ ให้พวกเราไปสัมผัสอากาศกลางป่าอุ้มผางจังหวัดตากที่มีดอกไม้สวยงามตลอดปีเป็นหัวใจของป่าอุ้มผางเฉกเช่นน้ำตกทีลอซูรอท่าพวกเราอยู่ในวันสบาย ๆ อากาศกำลังหนาวเย็นเข้ามาเยือน
|
|
||
|
|
การเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมงในรถตู้วีไอพีอันแสนสบาย ถึงอุ้มผางเกือบ 6 โมงเช้า
เป็นเวลาที่พอเหมาะพอเจาะ ด้วยความที่หลับสบายมาตลอดทางแทบไม่เชื่อว่าได้มาถึงอุ้มผางที่ใคร ๆ บอกว่าลำบาก นึกอยากจะนำสโลแกนหนึ่งมาใช้ที่บอกว่าเพียงงีบหนึ่งก็ถึง
แล้ว ๆ ก็เป็นงีบหนึ่งจริง ๆ แตกต่างกันตรงที่พาหนะที่พามาแต่ความสะดวกสบายแทบจะไม่แตกต่างกันเลย
หลังจากอิ่มหนำสำราญกับมื้อเช้าแล้วพวกเราร่วมกับคณะทัวร์ที่มาถึงก่อนหน้านี้ 1 วัน เดินทางไปถึงท่าน้ำล่องเรือยางชมธรรมชาติลำน้ำแม่กลองประมาณชั่วโมงกว่า ๆ
ขณะที่ล่องเรือเราแทบไม่ต้องบรรยายในช่วงเวลาที่แสงแดดกำลังสาดส่องผ่านต้นไม้สูงเหนือศีรษะเป็นระยะ ๆ อาจจะเป็นเพราะว่าแสงแดดที่เข้ามาเยือนในตอนสาย ๆ
หลายคนเริ่มถอดเสื้อกันหนาวแล้วหันมาจับฝีพายกันอย่างขะมักเขม้นผ่านแก่งเล็กแก่งน้อยพอให้พวกเราตื่นเต้นกันเล็กน้อยพอสนุกสนานพอหอมปากหอมคอ |
||
|
ล่องเรือยางกันมาเรื่อย ๆ ชมนกบ้างชมไม้พันธุ์ต่าง ๆ ที่แปลกตาบ้างทั้งเฟิร์น หอย กาฝาก และกล้วยไม้ป่าที่ให้สีสันสวยงาม ส่วนเจ้าแมลงปอและผีเสื้อตัวน้อยที่บินว่อนก็ไม่น้อยหน้าไล่กัน ดอมดมเกสรดอกไม้ที่ขึ้นตามป่าส่วนใหญ่เป็นดอกไม้ป่าที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนแม้เวลาจะใกล้เที่ยงไปทุกขณะ แสงแดดจะเริ่มร้อนแรงก็ตาม ด้วยเหตุที่ลำน้ำสายนี้อุดมไปด้วยต้นไม้ปกคลุมจึงไม่ร้อน กลับกลายเป็นว่าบางช่วงที่แสงแดงส่องลงมาในที่ร่มเป็นเงาแสงสีเทากระทบน้ำดูระยิบระยับน่าชมยิ่งนัก
สิ่งที่ทำให้พวกเราชื่นชอบและสะดุดตาอีกแห่งเมื่อเรือล่องมาถึงช่องแคบได้เห็นภาพงดงาม อยู่เบื้องหน้านำความตราตรึงประทับใจจนไม่สามารถบรรยายได้ว่าผาน้ำหยดเบื้องหน้าฝอยละอองน้ำ หยาดพราวลงมาละเอียดอ่อนประณีตสุดธารน้ำตกทีลอจ่อ มิได้สาดสายดั่งน้ำตกทั่วไป แต่เป็นฝอยสายกระเซ็น ละออง ลงมาชุ่มชื่นพื้นที่บริเวณนั้น เพิงผาที่ซับซ้อนแทรกกระจายชนิดพันธุ์ อันหลากหลายของพุ่มไม้น้อย ๆ เช่น กูดก้านดำ เขียวสะพรั่งเคียงคู่กับ พุ่มพรรณงดงามชนิดอื่น ๆ บนลาดพรมนุ่ม กำมะหยี่สีเขียวของมอส และ ตะไคร่น้ำหลายชนิดริมฝั่ง
ที่ ทีลอจ่อ นี่เองเป็นจุดที่พวกเราหยุดชมความงามจากธรรมชาตินานเป็นพิเศษเพราะนอกจากจะมีหยดน้ำตกลงมาเป็นสายดูสวยงามแล้วยังมีแสงแดดกระทบสาดส่องมาเป็นแสงสีรุ้งตัดขนานผ่านหยดน้ำที่ตกลงมาเห็นเป็นสีแดงเหลืองน้ำเงินอย่างชัดเจนช่างเป็นอะไรที่เหมาะเจาะได้เวลาเหลือเกินจนแทบไม่น่าเชื่อว่าธรรมชาติช่างสร้างสรรค์อะไรออกมาได้สวยงามเช่นนี้หนอ ประสบการณ์การท่องไพรครั้งนี้ช่างคุ้มเสียเหลือเกินกับการที่ใคร ๆ มักจะบอกว่าไปยากลำบากเหลือเกินแต่ถ้าเทียบกับครั้งหนึ่งหรือครั้งแรกในชีวิตถ้าได้มาพานพบแก่นแท้ธรรมชาติ ที่ดูเหมือนจะเป็นการให้กำไรชีวิต ที่คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้มแล้วล่ะค่ะ
พอมาถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางเป็นการหยุดพักครึ่งทางมื้อกลางวันแสนอร่อยอยู่ในใบตองที่หอไว้อย่างดี กะเพราไข่ดาวจะเรียกอาหารห่อ(จาน) ด่วนก็ไม่ผิดนักเพราะความหิวโหยได้เข้ามาเยือนในเวลาที่ใกล้บ่ายเต็มที อิ่มอร่อยยังไม่ทันไรพวกเราก็เตรียมจัดแจงเตรียมตัวเข้าห้องน้ำห้องท่าในการที่จะต้องนั่งรถสองแถวเข้าไปผจญกับฝุ่นและถนนที่ขรุขระแทบจะเต้นระบำไปกันเลยก็ว่าได้ระยะทางแค่ 20 กิโลเมตร เหนาะ ๆ คนที่ยังไม่เคยไปอย่างผู้เขียนเข้าใจว่าคงไม่นานสักเท่าไหร่กันที่ไหนได้กลายเป็นว่า 10 กิโลเมตรต่อ 1 ชั่วโมงเชียวนะ
บ่ายคล้อยพวกเรา (รถสองแถว 3-4 คัน) ก็ถึงที่หมายซึ่งเป็นลานหญ้ากว้างขวางมีเต็นท์กางเต็มไปหมดพื้นที่แห่งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางเช่นเดียวกันและเป็นจุดเดียวที่อยู่ใกล้น้ำตกทีลอซูที่พวกเราถวิลหานักหนา พวกเรารีบสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างเต็มอิ่มในธรรมชาติที่ไร้ฝุ่นแล้วรีบจับจองเต็นท์ที่พัก โชคดีเลือกเต็นท์ใหญ่ที่เป็นโดมนอนได้ตั้ง 3 คนแหนะ คุณทรงศักดิ์จากฟูจิทัวร์บอกกับพวกเราว่าที่นี่จะมีหลายบริษัทมาจับ จองกางเต็นท์ไว้บางเจ้าไม่มีคนพักหรอก เขาเรียกว่ากักที่ไว้ช่วงเทศกาลโดยเฉพาะปีใหม่ (ขณะที่พวกเราไปอีก 3 วันจะถึงเทศกาลปีใหม่)
หลังจากเก็บสัมภาระเป็นที่เรียบร้อยแล้วรีบชักชวนเชอรี่จากเพื่อนเดินทางกับน้องบุ๋มไปน้ำตกทันทีจากนั้นไม่รอรีรีบจ้ำอ้าวไปยังเส้นทางเดินแคบ ๆ ลัด เลาะตามป่าผ่านต้นไม้ใบหญ้าที่เฟิร์นเต็งรังหนาทึบ แสงแดดเริ่มอ่อนเป็นเวลาใกล้ค่ำยิ่งในป่าเช่นนี้จะมืดเร็วกว่าปกติประมาณสัก 20 นาทีเห็นจะได้ที่เราได้ยินเสียงน้ำตก ดังก้องออกมาจากผืนป่าแห่งนี้
ในที่สุดสิ่งที่เรารอคอยก็พบความมหัศจรรย์จากน้ำที่ตกออกมาจากที่สูงหลายสายเป็นแนวยาวแม้จะไม่เหมือนในหนังสือที่พานพบยามฤดูฝนก็ตามแต่ในหน้าแล้งเช่นนี้ก็ถือว่าสวยงามไม่น้อย มองจากข้างล่างน้ำจะไหลไม่แรงเท่าไหร่ เชอรี่คนที่เคยสัมผัสมา
ก่อนพาพวกเราปีนป่ายเขาสูงขึ้นไปทีละชั้นจนถึงข้างบนที่เห็นน้ำตกไหลแรงมากเป็นละอองขาวทึบตกลงมาในแอ่งใหญ่ที่ไม่มีใครกล้าเล่นเพราะสูงมากผิดจากข้างหลังที่ชาวคณะที่ไปพร้อมกันเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน พวกเราขลุกอยู่น้ำตกนานมากจนแน่ใจว่าเอมอิ่มในธรรมชาติแล้วกอปรกับ ความมืดจะเข้ามาเยือนทุกขณะจึงกลับที่พัก ผู้เขียนขอบอกได้เลยว่าเป็นครั้งแรกที่เรียกว่าลุยที่สุด แต่ไม่ผิดหวังที่ได้มาชมสิ่งที่เห็นแม้จะเป็นหน้าแล้งน้ำน้อยไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้น้ำตกแห่งนี้ลดความรู้สึกดี ๆ ที่ผู้เขียนได้มาพานพบ
"ทีลอซู". คู่มือนักเดินทาง เส้นทางท่องเที่ยว
จตุพร จินะราช | |||
