1.WWW ย่อมาจาก world wide web อ่านว่า เวิลด์ไวด์เว็บ หมายถึงสถานที่รวมของกลุ่มคอมพิว เตอร์ที่มีข้อมูลเตรียมพร้อมไว้ให้ผู้คนอ่านผ่านทางอินเทอร์เน็ต (Internet) โดยใช้ภาษา เอชทีทีพี (HTTP หรือ Hypertext Tranfer Protocol) ทุกหน้าจะมีทั้งเนื้อหาเรื่องราวต่าง ๆ มีเมนูพร้อมที่จะให้เราสั่งงาน มีคำหลายคำที่มีแถบสีซึ่งเราสามารถกดเมาส์ถามหารายละเอียดต่าง ๆ ในเรื่องนั้นต่อ ซึ่งอาจเป็นการเรียกหาจากแหล่งเดียวกัน หรือจากแหล่งคอมพิวเตอร์อื่นได้ทั่วโลก ตัวอย่างเช่น WWW.Facebook.com WWW.google.com

 

 

2.Web site เว็บไซต์ (Website) หมายถึง หน้าเว็บเพจที่จัดทำขึ้น เพื่อนำเสนอข้อมูลต่างๆ ผ่านทางคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต โดยจะมีหน้าเว็บเพจหลายๆ หน้าที่เชื่อมโยงเข้ากับไฮเปอร์ลิ้งค์ เพื่อให้สามารถเปิดไปยังหน้าเพจต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและถูกจัดเก็บไว้ใน www. (เวิลด์ไวด์เว็บ) โดยเว็บไซต์ส่วนใหญ่นั้นก็มีทั้งเว็บไซต์ที่เปิดให้เข้าชมได้ฟรี และเว็บไซต์ที่ต้องสมัครสมาชิกและเสียค่าบริการ จึงจะเข้าใช้งานเว็บได้ ซึ่งข้อมูลในเว็บก็จะมีหลากหลายแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการนำเสนอของเจ้าของเว็บไซต์ การเรียกดูเว็บไซต์จะเรียกดูผ่านทางซอฟต์แวร์ ในลักษณะของเบราว์เซอร์

 

 

3.Web browser เว็บเบราว์เซอร์ คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการท่องเว็บ และมีการจัดเก็บข้อมูลสารสนเทศต่างๆ ด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษา 2.Web site ตอบ เว็บไซต์ (Website) หมายถึง หน้าเว็บเพจที่จัดทำขึ้น เพื่อนำเสนอข้อมูลต่างๆ ผ่านทางคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต โดยจะมีหน้าเว็บเพจหลายๆ หน้าที่เชื่อมโยงเข้ากับไฮเปอร์ลิ้งค์ เพื่อให้สามารถเปิดไปยังหน้าเพจต่างๆ ได้อย่างง่ายดายและถูกจัดเก็บไว้ใน www. (เวิลด์ไวด์เว็บ) โดยเว็บไซต์ส่วนใหญ่นั้นก็มีทั้งเว็บไซต์ที่เปิดให้เข้าชมได้ฟรี และเว็บไซต์ที่ต้องสมัครสมาชิกและเสียค่าบริการ จึงจะเข้าใช้งานเว็บได้ ซึ่งข้อมูลในเว็บก็จะมีหลากหลายแบบ ขึ้นอยู่กับความต้องการนำเสนอของเจ้าของเว็บไซต์ การเรียกดูเว็บไซต์จะเรียกดูผ่านทางซอฟต์แวร์ ในลักษณะของเบราว์เซอร์ HTML ซึ่งก็เปรียบเสมือนกับเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ นอกจากนี้ยังสามารถดูเอกสารในเว็บเซิร์ฟเวอร์ได้ ไม่ว่าเว็บเหล่านั้นจะแสดงข้อมูลในลักษณะของภาพ ระบบมัลติมีเดีย รูปภาพหรือข้อความ ในปัจจุบันเว็บเบราว์เซอร์ที่รองรับระบบ HTML 5 สามารถอ่าน CSS 3 ได้อย่างสวยงาม และกำลังได้รับความนิยมมากที่สุด ก็มี 4 ประเภทดังนี้ • Internet Explorer • Mozilla Firefox • Google Chrome • Safari

 

 

 

4.Web Hosting คือ บริการที่ช่วยให้องค์กรและบุคคลทั่วไป สามารถโพสต์เว็บไซต์ หรือหน้าเว็บไว้บนอินเทอร์เน็ตได้ โดยผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้ง หรือผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งนั้นเป็นธุรกิจที่ให้บริการเทคโนโลยีและบริการที่จำเป็นสำหรับเว็บไซต์หรือหน้าเว็บเพื่อดูในอินเทอร์เน็ตได้ โดยจะต้องฝากเว็บไซต์ไว้กับผู้ให้บริการหรือที่จัดเก็บพิเศษบนคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อผู้ใช้อินเทอร์เน็ตต้องการดูเว็บไซต์ของคุณ สิ่งที่ต้องทำคือพิมพ์ที่อยู่เว็บไซต์หรือโดเมนลงในเบราเซอร์ บนคอมพิวเตอร์ หลังจากนั้นจึงจะเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของคุณและหน้าเว็บของคุณจะถูกส่งถึงพวกเขาผ่านทางเบราเซอร์ แต่ก่อนถ้าต้องการออนไลน์เว็บไซต์ของตัวเองจะต้องมีเซิร์ฟเวอร์ก่อน แต่การมีเซิร์ฟเวอร์นั้นต้องมีผู้เชี่ยวชาญในการดูแล อีกทั้งยังมีราคาสูง อย่างนั้นคนจึงหันมาให้ความสนใจกับบริการ Web Hosting กันมากกว่า

 

 

5.URL ย่อมาจากคำว่า Uniform Resource Locator คือ ที่อยู่ (Address) ของข้อมูลต่างๆในInternet เช่น ที่อยู่ของไฟล์หรือเว็บไซต์บนอินเตอร์เน็ต ในปัจจุบันเว็บไซต์ เป็นแหล่งที่อยู่ใหม่ของหลายๆธุรกิจช่องทางที่สามารถเข้าถึงได้อย่างง่าย และยังสามารถใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลาเว็บไซต์เป็นแหล่งที่รวมรวบข้อมูลต่างๆไว้และแสดงให้เห็นผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ปกติแล้วเว็บไซต์จะมีชื่อและที่อยู่ของมันเองเพื่อให้ระบุได้ว่าเป็นเว็บไซต์ของใครโดยชื่อของเว็บไซต์หรือ Domain name(โดเมน เนม) จะไม่ซ้ำกันของแต่ละเว็บซึ่งการเปิดให้บริการเว็บไซต์จะมีการจดโดเมนเนมก่อนจึงจะสามารถให้บริการได้ รูปแบบของ URL จะประกอบด้วย http://www.mindphp.com/support/urlfaq.htm 1. ชื่อโปรโตคอลที่ใช้ (http ซึ่งย่อมาจาก HyperText Transfer Protocol) 2. ชื่อเครื่องคอมพิวเตอร์ และชื่อเครือข่ายย่อย (www.mindphp) 3. ประเภทของเว็บไซต์ (.com) ซึ่งมีอยู่ หลาย ประเภท คือเช่น .com (Commercial),.edu (Educational),.org (Organizations),.net (Network), .co.th (บริษัทในประเทศไทย ดูเพิ่มเติมที่นี่) ฯลฯ 4. ไดเร็กทอรี่ (/support/) 5. ชื่อไฟล์และนามสกุล (urlfaq.htm) ความสำคัญของ URL คือเวลาเราเข้าเว็บไซต์เราก็ต้องพิมพ์ URL ลงในช่อง url address ของ web browser เช่น จะเข้าเว็บ google.comก็ต้องพิมพ์ http://www.google.com หรือ จะพิมพ์ google.com ก็ได้ไม่ต้องมี http://www.ก็ได้เดี๋ยวBrowser มันจะเติมให้เราเอง ดังนั้นการอ้างอิงของข้อมูลบนอินเตอร์เน็ตต้องระบุ URL ให้ถูกต้อง มิฉะนั้นจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้

 

 

6.FTP ย่อมาจาก File Transfer Protocol (โปรโตคอลการโอนย้ายไฟล์) เรามาลงรายละเอียดกัน โดยพื้นฐานแล้ว “โปรโตคอล” คือชุดของขั้นตอนหรือกฎที่อนุญาตให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สื่อสารกันได้ FTP เป็นชุดของกฎที่อุปกรณ์บนเครือข่าย TCP / IP (อินเทอร์เน็ต) ใช้เพื่อถ่ายโอนไฟล์ เมื่อคุณใช้อินเทอร์เน็ต คุณกำลังใช้โปรโตคอลที่แตกต่างกัน คุณจะใช้ HTTP สำหรับการเรียกดู และใช้ XMPP สำหรับการส่งและรับข้อความโต้ตอบแบบทันที FTP ก็คือโปรโตคอลที่ใช้ในการย้ายไฟล์ FTP เป็นโปรโตคอลไคลเอนท์-เซิร์ฟเวอร์ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ไคลเอนท์จะร้องขอไฟล์ และเซิร์ฟเวอร์จะจัดเตรียมไฟล์ ด้วยเหตุนี้ FTP จึงต้องใช้ช่องทางพื้นฐาน 2 ช่องเพื่อสร้างการเชื่อมต่อ ได้แก่ ช่องคำสั่ง (เริ่มต้นคำสั่ง เก็บข้อมูลพื้นฐาน กล่าวคือ ไฟล์ใดที่จะเข้าถึง) และช่องข้อมูล (ถ่ายโอนข้อมูลไฟล์ระหว่างอุปกรณ์ทั้งสองเครื่อง) ในการสร้างการเชื่อมต่อ ผู้ใช้จะต้องระบุข้อมูลประจำตัวให้กับเซิร์ฟเวอร์ FTP ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้พอร์ตหมายเลข 21 เป็นโหมดการสื่อสารตามค่าเริ่มต้น สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือมีโหมดการเชื่อมต่อ FTP ที่แตกต่างกัน 2 โหมด ได้แก่ แอกทีฟและพาสซีฟ ในโหมดแอกทีฟ เซิร์ฟเวอร์จะมีบทบาทแอกทีฟโดยการอนุมัติการร้องขอข้อมูล อย่างไรก็ตาม ในบางครั้ง โหมดแอกทีฟอาจมีปัญหากับไฟร์วอลล์ ซึ่งจะบล็อกเซสชันที่ไม่ได้รับอนุญาตจากบุคคลที่สาม นั่นคือเมื่อโหมดพาสซีฟเข้ามามีบทบาท ในโหมดพาสซีฟ เซิร์ฟเวอร์จะไม่รักษาการเชื่อมต่อไว้ ทำให้ผู้ใช้สร้างทั้งช่องข้อมูลและช่องคำสั่ง โดยพื้นฐานแล้ว เซิร์ฟเวอร์จะ “รับฟัง” แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมอย่างกระตือรือร้น ทำให้อุปกรณ์อีกเครื่องจัดการงานจำนวนมากได้

 

 

7.Anchor นั้นหมายถึง Link ตัวอักษรที่สามารถกดคลิกเข้าไปเพื่อไปยังหน้าถัดไปหรือหน้าที่ต้องการ เช่น ถ้าเราต้องการ Keyword เป็นคำว่า “ซื้อขายเสื้อผ้ามือสอง” เพื่อ Link กลับไปยังเว็บไซต์ของร้านขายเสื้อผ้ามือสอง ก็จะมี Link ลักษณะนี้ ซื้อขายเสื้อผ้ามือสองในหน้าเว็บ เพราะการใช้ Keyword ที่ต้องการมาทำเป็น Anchor Text นั้นจะเป็นการช่วยเพิ่มอันดับในหน้า google ได้เช่นกัน ซึ่งในการเลือกใช้คำที่จะมาทำ Anchor Text นั้นควรจะมีความเกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือสินค้า Anchor text ที่แสดงในเว็บไซต์ จะมีขนาด สี และฟ้อน ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าจะกำหนดให้เป็นแบบใด ซึ่งจะพบ Anchor text แทรกอยู่ตามบทความ เนื้อหา ของเว็บไซต์ เมื่อใช้เมาส์ชี้ไปที่ Anchor text ก็จะมีการตอบสนองที่ทำให้รู้ว่าสามารถกดลิงค์นั้นได้ โดยเมื่อกดที่ Anchor text ก็จะไปยังเว็บไซต์ที่เชื่อมกับ Anchor text นั้นๆ การใส่ Anchor text การลิงค์ใน HTML จะถูกกำหนดด้วย “a href” ลักษณะของ “a href” โดยจะใส่ URL ของเว็บไซต์เป้าหมายในช่อง url และใส่ข้อความในช่อง (…) Code Sample ซื้อขายเสื้อผ้า ตัวอย่าง Anchor text 1. Anchor text ที่เป็นตัวอักษรหนา เช่น “ซื้อขายเสื้อผ้ามือสองมีคุณภาพ” 2. Anchor text ที่เป็นตัวอักษรขีดเส้นใต้ เช่น “ซื้อขายเสื้อผ้ามือสองมีคุณภาพ” 3. Anchor text ที่เป็นตัวอักษรขีดเส้นใต้ และตัวอักษรหนา เช่น “ซื้อขายเสื้อผ้ามือสองมีคุณภาพ

 

 

8.DNS ระบบการตั้งชื่อโดเมน หรือ ดีเอ็นเอส เป็นระบบที่ใช้เก็บข้อมูลของชื่อ ซึ่งใช้ในเครือข่ายขนาดใหญ่อย่างอินเทอร์เน็ต โดยข้อมูลที่เก็บมีหลายอย่าง แต่สิ่งสำคัญคือความสัมพันธ์ระหว่างชื่อโดเมนนั้น ๆ กับ IP address ที่ใช้งานอยู่ คำว่าดีเอ็นเอสสามารถหมายถึง บริการชื่อโดเมน (Domain Name Service) ก็ได้ ส่วนเครื่องบริการจะเรียกว่า เครื่องบริการชื่อ หรือ เนมเซิร์ฟเวอร์ (name server) ประโยชน์ที่สำคัญของดีเอ็นเอส คือช่วยแปลงหมายเลขไอพีซึ่งเป็นชุดตัวเลขที่จดจำได้ยากมาเป็นชื่อที่สามารถจดจำได้ง่ายแทน

 

 

 

9.Home page โฮมเพจ คือคำที่ใช้เรียกหน้าแรกของเว็บไซต์ โดยเป็นทางเข้าหลักของเว็บไซต์ เมื่อเปิดเว็บไซต์นั้นขึ้นมา โฮมเพจ ก็จะเปรียบเสมือนกับเป็นสารบัญและคำนำที่เจ้าของเว็บไซต์นั้นได้สร้างขึ้น เพื่อใช้ประชาสัมพันธ์องค์กรของตน นอกจากนี้ ภายในโฮมเพจก็อาจมีเอกสารหรือข้อความที่เชื่อมโยงต่อไปยังเว็บเพจอื่นๆอีกด้วย ตัวอย่าง Home page ของ google

 

 

10.Hyperlink ไฮเปอร์ลิงค์ เป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างเว็บเพจ จากหน้าหนึ่งไปยังหน้าหนึ่ง หรือจาก จุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งภายในหน้าเดียวกัน เว็บเพจที่มีเนื้อหายาวๆ จะจัดทำสารบัญไว้ด้านบนเว็บเพจ หรือสร้างเป็นเมนู แล้วสร้างลิงค์ไปยังส่วนต่างๆ เพื่อให้ผู้เข้าชมสะดวกต่อการเข้าใช้งาน 1. ไฮเปอร์ลิงค์ (Hyperlink) เรียกสั้นๆว่า ลิงค์ (link) คือการเชื่อมโยงกันระหว่างเว็บเพจ จากหน้าหนึ่งไปยังหน้าหนึ่ง หรือจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งภายในหน้าเดียวกัน 2. ประเภทของลิงค์ 1) ลิงค์ไปยังเว็บเพจหรือไฟล์ในเว็บไซต์เดียวกัน 2) ลิงค์ไปยังเว็บไซต์อื่น 3) ลิงค์เพื่อส่งอีเมล์ 3. ลิงค์ไปยังเว็บเพจหรือไฟล์ในเว็บไซต์เดียวกัน เว็บเพจที่มีเนื้อหายาวๆ มักจะสร้างความสับสนให้กับผู้ชม แม้ว่าจะแบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนๆ ชัดเจน วิธีที่จะช่วยคือการจัดทำสารบัญไว้ด้านบนเว็บเพจ แล้วสร้างลิงค์ไปยังส่วนต่างๆ การสร้างลิงค์ภายในเว็บเพจเดียวกันประกอบด้วย 2 ขั้นตอน คือ 1) สร้าง name anchor คือการกำหนดและตั้งชื่อให้กับจุดปลายทางที่จะลิงค์ไปหา 2) สร้างลิงค์ไปยัง name anchor ที่สร้างไว้ 4. สร้างลิงค์ข้อความด้วยคำสั่ง Hyperlink วิธีนี้สร้างได้เฉพาะลิงค์ข้อความเท่านั้น