วันนี้คุณกินข้าวเช้าแล้วหรือยัง?

อาหารเช้าเป็นสิ่งที่เราควรกินเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด?
     
 ช่วงเวลาตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่ต้องรีบเร่งที่จะต้องไปทำงาน ไปโรงเรียน ไปทำภาระกิจ กังวลเรื่องการจราจรอาจทำให้หลายคนหลงลืมทานอาหารเช้าและด้วยความไม่เข้าใจว่าอาหารเช้าสำคัญ เราจึงมองข้ามอาหารมื้อสำคัญนี้ไป
     อาหารเช้าคืออาหารมื้อที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยชาร์จพลังงาน เติมเต็มวันใหม่ของเราให้สดใส มีประโยชน์มากมาย ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจ คำ  2 คำให้กระจ่าง " อาหารเช้า " และ " สารอาหารมื้อเช้า เราควรมีความรู้เพราะความรู้จะทำให้เราดูแลสุขภาพได้ง่ายขึ้น

     อาหารเช้า ที่เราทานเมื่อทานแล้วร่างกายจะย่อยและอาหารแต่ละชนิดจะให้สารที่ต่างกันตามหลักโภชนาการอาหาร 5 หมู่ ไม่ได้หมายความว่ากินให้อิ่มก็ถือว่าได้อาหารเช้าแล้วแต่เราต้องวิเคราะห์ถึงสารอาหารที่เราจะได้จากอาหารเป็นสิ่งที่สำคัญมิฉะนั้นเราจะเกิดปัญหาเรื่องสุขภาพตามมาหากเราไม่เข้าใจเรื่องของสารอาหารที่ได้จากอาหาร
     สารอาหารจากอาหารมื้อเช้า เป็นสารอาหารที่ร่างกายจะนำไปใช้เลี้ยงร่างกายระดับเซลของเรา การทานอาหารและได้รับสารอาหารไม่ครบก็จะทำให้เราอ่อนเพลีย สมองตื้อ สมองไม่แล่น เคลื่อนไหวร่างกายไม่กระฉับกระเฉงดูอ่อนล้าไม่มีแรง เป็นต้น  (ตัวช่วยให้ได้สารอาหารครบ)
     รับประทานอาหารมื้อเช้าแล้วได้รับสารอาหาร ช่วยให้มีสมาธิดีขึ้น ช่วยให้มีความจำดี ช่วยให้มีพัฒนาการที่ดี ลดการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เช่น โรคเส้นเลือดในสมอง, โรคหัวใจ เป็นต้น
     รับประทานอาหารที่ไม่ให้สารอาหารหรือไม่รับประทานอาหารมื้อเช้าจะทำให้เกิดอาการ รู้สึกหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน รู้สึกอ่อนเพลีย ส่งผลให้มีปริมาณน้ำตาลในเลือดต่ำ เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน

     อาหารเช้าเป็นสิ่งที่เราควรกินเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นถ้าเรากินมื้อเช้าในวัยทำงานจะทำให้เรากระฉับกระเฉงในการทำงานมากขึ้น ร่างกายแข็งแรง แต่ถ้าเป็นเด็กวัยเรียนก็จะทำให้มีสมาธิในการเรียน มีภูมิคุ้มกันที่ดี เพราะฉะนั้นอาหารเช้าควรกินให้เป็นประจำสม่ำเสมอ หันมากินอาหารเช้าทุกวันกันนะคะ เพราะอาหารเช้ามีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายของเราอย่างมากหมาย หากไม่มีเวลาก็ลองทำอาหารเช้าตั้งแต่ตอนเย็น พอตื่นมาเราก็จะได้รับประทานได้เลย
     อาหารมื้อเช้า เป็นอาหารมื้อที่สำคัญที่สุด การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ห่างไกลโรคร้ายและภาวะเสี่ยงต่างๆ ได้

      อาหารหลัก 5 หมู่ คือ อาหารที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันรวม 5 ชนิด ตามความหมายขององค์การอนามัยโลก สารอาหารที่เหมือนกันจะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน และร่างกายของคนเราก็ต้องการสารอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ หรือ 5 ชนิด ในแต่ละวัน เพราะไม่มีอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งที่สามารถจะให้สารอาหารได้ครบทั้ง 5 หมู่ โดยเราสามารถแบ่งอาหารออกเป็นหมู่หลัก ๆ ได้ 5 หมู่

หมู่ที่ 1 โปรตีน
ได้จากอาหารประเภท เนื้อสัตว์ ไข่ นม ถั่ว
หมู่ที่ 2 คาร์โบไฮเดรต ได้จากอาหารประเภท ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน
หมู่ที่ 3 เกลือแร่หรือแร่ธาตุ ได้จากอาหารประเภทพืชผัก
หมู่ที่ 4 วิตามิน ได้จากอาหารประเภท ผลไม้
หมู่ที่ 5 ไขมัน ได้จากอาหารประเภทไขมันจากพืชและสัตว์

โปรตีน
      โปรตีน คือ อาหารที่ได้จาก เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ และยังรวมไปถึงจุลินทรีย์ เช่น ยีสต์ สาหร่าย เห็ด หนอน แมลงที่กินได้ โปรตีนเป็นส่วนประกอบหลักของทุก ๆ เซลล์ในร่างกาย เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่ร่างกายจะขาดไม่ได้
นำเอาโปรตีนมาวิเคราะห์ทางเคมี จะประกอบไปด้วยสารเคมีที่เรียกว่า กรดอะมิโน (ถ้าไม่มีกรดอะมิโนก็จะไม่มีโปรตีน) ซึ่งกรดอะมิโนสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 พวก คือ กรดอะมิโนจำเป็น (ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาหารต่าง ๆ มีอยู 9 ตัว) และกรดอะมิโนไม่จำเป็น (ร่างกายสร้างขึ้นเองได้ มีอยู่ 12 - 13 ตัว ) จึงถือได้ว่าอาหารหมู่นี้เป็นอาหารหลักที่สำคัญในการซ่อมส่วนที่สึกหรอและเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย อาหารหมู่นี้เมื่อร่างกายย่อยแล้วจะให้สารอาหารประเภทโปรตีน

ประโยชน์ของโปรตีน
 
1. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย ซึ่งโปรตีนจะถูกนำไปสร้างกล้ามเนื้อ กระดูก เลือด เม็ดเลือด ผิวหนัง น้ำย่อย ฮอร์โมน น้ำนม รวมไปถึงการสร้างภูมิต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ
  2. ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรค
  3. ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เช่น แผลต่าง ๆ หรือจากอาการเจ็บป่วย เป็นต้น
  4. สร้างเซลล์และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกาย
  5. ให้พลังงานแก่ร่างกาย ในกรณีทีร่างกายขาดพลังงาน (โปรตีน 1 กรัม จะให้พลังงาน 4 แคลอรี่) แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าร่างกายได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตและจากไขมันเพียงพอแล้ว ก็จะสงวนโปรตีนไว้ในหน้าที่อื่น
  6. ช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย และทำให้อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ เช่น การช่วยรักษาสมดุลของน้ำตาลในเลือด เนื้อเยื่อ เซลล์ต่าง ๆ ช่วยรักษาปริมาณน้ำในเซลล์และหลอดเลือดให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ (ถ้าร่างกายขาดโปรตีน น้ำจะเล็กลอดออกจากเซลล์และหลอดเลือดจนเกิดอาการบวม) รวมไปถึงยังช่วยรักษาสมดุลกรดด่างของร่างกาย ซึ่งมีความสำคัญต่อปฏิกิริยาต่าง ๆ ภายในร่างกาย เป็นต้น
  7. หากร่างกายได้รับโปรตีนที่มีคุณภาพซึ่งเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ในปริมาณที่เพียงพอ ก็จะช่วยทำให้อาหารต่าง ๆ ถูกย่อยและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  8. โปรตีนคุณภาพมีส่วนช่วยในการทดแทนเซลล์ที่สูญเสียไปได้ในแต่ละวัน และยังช่วยลดกลไกการแข็งตัวของเลือด รวมทั้งยังเป็นส่วนประกอบหลักของภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย
  9. กล้ามเนื้อทุกมัดจะมีโครงสร้างพื้นฐานมาจากกรดอะมิโนหลายชนิดที่เรียงร้อยกันเป็นมัดกล้าม ดังนั้นโปรตีนคุณภาพจึงมีความสำคัญต่อการสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
 10. ช่วยกระตุ้นการผลิตกลูโคส จากนั้นกลูโคสจะเดินทางไปที่ตับ และทำให้ร่างกายของเรารู้สึกอิ่ม ก่อนร่างกายจะส่งสัญญาณไปยังสมองว่าหยุดรับประทานอาหารได้แล้ว
  11.ประโยชน์ต่อเซลล์ผิว พบว่าโปรตีนมีหน้าที่ช่วยสร้างใยคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ช่วยเชื่อมประสาทแต่ละเซลล์ให้ยึดติดกันเป็นเนื้อเดียว อีกทั้งยังช่วยป้องกันริ้วรอยก่อนวัย เพิ่มความแข็งแรงของเซลล์ผมและเล็บของเรา
 


ข้อควรรู้เกี่ยวกับโปรตีน
     เราไม่สามารถรับประทานไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตเพื่อทดแทนโปรตีนได้ เนื่องจากไม่มีกรดอะมีโน เป็นองค์ประกอบ การพิจารณาถึงคุณค่าของอาหารที่ให้โปรตีน ต้องคำนึงถึงทั้งปริมาณ (มีโปรตีนมากน้อยเพียงใด) และคุณภาพ (มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วนหรือไม่) โปรตีนจากนมและไข่ถือว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง โปรตีนที่ได้จากพืชจะมีปริมาณต่ำกว่าโปรตีนที่ได้จากเนื้อสัตว์ดีกว่าคือจะมีไขมันน้อย  อีกทั้งยังมีความบกพร่องในกรดอะมิโนจำเป็นบางชนิด เช่น ข้าวโพดขาดไลซีนและทริปโตเฟน ข้าวขาดไลซีนและทรีโอนีน ส่วนถั่วมีปริมาณโปรตีนสูงมาก โปรตีนที่ได้จากพืชมีราคาที่ถูกกว่า
     ความต้องการของโปรตีนของแต่ละคนมีปัจจัย 2 ประการ คือ
  1.อาหารที่กินมีปริมาณคุณภาพของโปรตีนเพียงพอต่อความต้องการ
  2.อายุ ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร มีอาการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บจะต้องการมาก ความต้องการของโปรตีน จะลดลงตามอายุ เช่น เด็กแรกเกิดต้องการโปรตีนประมาณ 2.2 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม และความต้องการจะลดลงเรื่อย ๆ จนถึงอายุ 19 ขึ้นไป ก็จะต้องการโปรตีนเพียง 0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัวหนึ่งกิโลกรัม ส่วนผู้ใหญ่แม้ว่าจะเจริญเติบโตแล้ว แต่ร่างกายก็ยังต้องการโปรตีนไว้เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย แต่สำหรับหญิงตั้งครรภ์นั้นจะต้องการโปรตีนเพิ่มมากขึ้นอีกวันละ 30 กรัม และหญิงให้นมบุตรจะต้องการโปรตีนเพิ่มวันละ 20 กรัม เป็นต้น ตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุขเราควรได้โปรตีน 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม
 


คาร์โบไฮเดรต
      คาร์โบไฮเดรตเป็นอาหารหลักหมู่ที่ 2 ที่ได้จากข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน ฯลฯ รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ทำจากข้าว แป้ง ร่างกายใช้คาร์โบไฮเดรต คือ
  1. ให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกายคือหน้าที่หลัก ทำให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหว ทำงาน ประกอบกิจกรรมต่าง ๆ  (พลังงานที่ได้จากอาหารหมู่นี้ส่วนใหญ่แล้วจะถูกใช้ให้หมดไปในแต่ละวัน เช่น การเดิน การวิ่ง ทำงาน การออกกำลังกายต่างๆ คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม จะให้พลังงาน 4 แคลอรี่ และคาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของแคลอรี่ทั้งหมดที่ได้รับต่อวัน หรืออาจสูงถึงร้อยละ 80 )
  2. คาร์โบไฮเดรตมีความจำเป็นต่อการเผาผลาญไขมันในร่างกายให้เป็นปกติ เพราะถ้าร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดรตไม่เพียงพอ จะเผาผลาญไขมันเป็นกำลังงานมากขึ้น ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้โดยทำให้เกิดสารประเภทคีโทนมากเกินจำเป็น
  3. ไม่เผาผลาญโปรตีนใช้ให้เป็นพลังงาน ได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตอย่างเพียงพอ ร่างกายจะนำโปรตีนไปใช้อย่างอื่น
  4. เป็นลังงานของสมอง จะใช้กลูโคส (glucose) ซึ่งเป็นตัวให้พลังงานที่สำคัญ
  5. ห้กรดกลูคูโรนิก (glucuronic acid เป็นอนุพันธ์ของกลูโคส) เปลี่ยนสารพิษเมื่อผ่านไปที่ตับ ทำให้มีพิษลดลงและอยู่ในสภาพที่ร่างกายจะสามารถขับถ่ายออกมาได้

ข้อควรรู้เกี่ยวกับคาร์โบไฮเดรต
  • ทานอาหารหมู่นี้มากจนเกินความต้องการของร่างกาย คาร์โบไฮเดรตก็จะถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมันและทำให้เกิดโรคอ้วนได้
 


เกลือแร่ ( ไม่ใช่เกลือแร่ชนิดซอง ใช้ตอนเกิดอาการท้อวร่วง )
     เกลือแร่ คือ อาหารหลักหมู่ที่ 3 ที่ได้จาก พืช ผัก ชนิดต่าง ๆ สีต่าง สีเหลือง สีขาว สีม่วง สีแดง สีเขียว ซึ่งจะให้คุณค่าทางอาหารที่แตกต่างกันออกไป โดยเกลือแร่เป็นกลุ่มของสารอาหารที่ร่างกายขาดไม่ได้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ต้องการมากกว่าวันละ 100 มิลลิกรัม (แคลเซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม กำมะถัน คลอรีน) และต้องการวันละ 2-3 มิลลิกรัม (ธาตุเหล็ก ทองแดง โคบอลต์ โครเมียม ซีลีเนียม ฟลูออรีน แมงกานีส สังกะสี ไอโอดีน โมลิบดีนัม)

ประโยชน์ของเกลือแร่
  1.เสริมสร้างภูมิต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ ทำให้ร่างกายมีความแข็งแรง
  2.เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ฟัน และช่วยทำให้ผิวพรรณสดใส
  3.ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ
  4.เกลือแร่เป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของกระดูกและฟัน ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง
  5.เกลือแร่เป็นส่วนประกอบของโปรตีน ฮอร์โมน และเอนไซม์ต่าง ๆ เช่น ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบของโปรตีน Hemoglobin และทองแดงเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ซึ่งจำเป็นต่อการหายใจของเซลล์ ส่วนไอโอดีนเป็นส่วนประกอบของฮอร์โมนไทรอกซีน เป็นต้น
  6.ปฏิกิริยาหลายชนิดในร่างกายจะดำเนินไปได้ต้องมีเกลือแร่เป็นตัวเร่ง เช่น แมกนีเซียม เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่เกี่ยวกับการเผาผลาญกลูโคสให้เกิดกำลังงาน
  7.ช่วยควบคุมความเป็นกรดด่างในร่างกาย โดยมีโซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และคลอรีน ทำหน้าที่สำคัญในการควบคุมความเป็นกรดด่างในร่างกาย เพื่อให้มีชีวิตอยู่ได้
  8.ช่วยควบคุมน้ำ โซเดียม และโพแทสเซียม ช่วยในการควบคุมความสมดุลของน้ำภายในและภายนอกเซลล์
  9.อาหารในหมู่นี้จะมีเส้นใยอาหารมาก การรับประทานเป็นประจำ จะช่วยทำให้ลำไส้ทำงานได้อย่างเป็นปกติเนื่องจากกากใยที่ร่างกายไม่ใช้แล้วจะเป็นอาหารของจุลินทรีจำเป็นในร่างกาย ป้องกันโรคต่างๆ ให้ร่างกายรวมทั้งทำให้ขับถ่ายได้ง่าย
 


วิตามิน
     วิตามิน คือ อาหารหลักหมู่ที่ 4 ได้จาก ผลไม้ชนิดต่าง ๆ อาหารในหมู่นี้เมื่อร่างกายย่อยแล้วก็จะให้สารอาหารประเภทวิตามินและเกลือแร่ คล้ายกับอาหารหลักหมู่ที่ 3 และอาหารหมู่นี้เป็นสารอาหารที่ร่างกายต้องการและมีความจำเป็นไม่ได้น้อยไปกว่าเกลือแร่ การขาดวิตามินก็จะทำให้ร่างกายผิดปกติ ร่างกายของคนเราก็ไม่สามารถสร้างวิตามินขึ้นมาเองได้ สร้างได้เป็นบางชนิดไม่เพียงพอแก่ความต้องการของร่างกาย วิตามินเป็นออกเป็น 2 พวก คือ วิตามินที่ละลายในไขมัน (วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี วิตามินเค) และวิตามินที่ละลายในน้ำ (วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 วิตามินบี9 วิตามินบี12 วิตามินซี )

ประโยชน์ของวิตามิน
  1.บำรุงสุขภาพของผิวหนังให้สดชื่น
  2.บำรุงสุขภาพปาก เหงือก และฟัน
  3.ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีความต้านทานต่อเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ดี
  4.ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ
  5.ทำให้ระบบการย่อยและการขับถ่ายเป็นปกติ อาหารหมู่นี้จะมีเส้นใยอาหารมากกากใยที่ร่างกายไม่ใช้แล้วจะเป็นอาหารของจุลินทรีจำเป็นในร่างกาย ป้องกันโรคต่างๆ ทำให้ขับถ่ายได้ง่าย

ไขมัน
      ไขมัน คือ อาหารหลักหมู่ที่ 5 ได้จากไขมันจากพืชและสัตว์ เราจะนำมาใช้ในการประกอบอาหารและรวมไปถึงไขมันที่แทรกอยู่ตามเนื้อสัตว์ต่าง ๆ เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว จะมีไขมันอยู่ร้อยละ 15-60 เนื้อไก่จะมีไขมันอยู่ร้อยละ 6-15 ส่วนเนื้อปลาบางชนิดจะมีไขมันน้อยกว่าร้อยละ 1
     ไขมันจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ไขมันดี และไขมันร้าย อาหารไขมันดี คือ ไขมันที่อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นที่เป็นไขมันอิ่มตัวที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้เอง จัดเป็นไขมันที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการต่าง ๆ ของร่างกาย รวมไปถึงใช้ในการผลิตฮอร์โมนบางชนิด ๆ ส่วนไขมันร้าย คือ ไขมันอิ่มตัว (พบมากในเนย เนื้อ นมสด) และไขมันทรานส์ (พบมากในมาการีน ขนมบรรจุและขนมอบ) ไขมันนี้จะเพิ่มคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ทำให้แก่เร็วและเกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด โรคหัวใจและหลอดเลือดได้ อาหารหมู่ที่ 5 นี้เมื่อร่างกายย่อยแล้วก็จะได้สารอาหารประเภทไขมัน
ประโยชน์ของไขมัน
  1.ให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย (ไขมัน 1 กรัม จะให้พลังงาน 9 แคลอรี่) จะถูกเก็บไว้ตามใต้ผิวหนังตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น สะโพก ต้นขา เป็นต้น ไขมันที่สะสมไว้จะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายและใช้ให้พลังงานยามที่จำเป็น
  2.ป้องกันการกระทบกระเทือนของอวัยวะภายในร่างกาย ที่เกิดจากแรงกระแทกหรือการเคลื่อนไหวอย่างแรงของร่างกาย ช่วยป้องกันการบาดเจ็บของอวัยวะภายในร่างกาย
  3.ดูดซึมวิตามินที่ละลายได้ในไขมัน วิตามินเอ วิตามินอี วิตามินดี และวิตามินเค
  4.ปกป้องและป้องกันความร้อน ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ เป็นฉนวนกันความร้อนของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังและอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย
  5.ห่อหุ้มเส้นประสาท ป้องกันเส้นประสาททำให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อรับคำสั่งจากสมองไปส่งไปยังกล้ามเนื้อและอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย
  6.รวมกับโปรตีนจะเป็น ไลโปโปรตีน (Lipoproteins) เป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ ๆ โดยเฉพาะผนังเซลล์และไมโตคอนเดรีย สำคัญกับร่างกายมากมีเซลล์หลายล้านเซลล์ และเซลล์ในร่างกายจะผลิตออกมาทุกวันเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ถ้าขาดไขมัน จะทำให้ผนังเซลล์ของร่างกายอ่อนแอ ส่งผลให้เซลล์ที่ตายไปแล้วไม่สามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้

ไม่มีเวลา เร่งรีบ สามารถใช้ผลิตภัณฑ์นี้เป็นทางเลือก


 

ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลบนเว็บไซต์นี้